ถูกต้องแล้วสำหรับการออกมาแสดงท่าทีของผู้ประกอบการค้าในย่านราชประสงค์ ต่อต้าน การชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่ทำความเดือดร้อนให้แก่ร้านค้า ธุรกิจในย่านนั้น ทั้งห้างขนาดใหญ่ และร้านค้าย่อย หาบเร่ แผงลอย
แต่วิธีการที่ไปยื่นหนังสือถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าจะจัดการอย่างไรกับการชุมนุมนั้น ออกจะเป็นการ “งอมืองอเท้า” รอความช่วยเหลือจากรัฐบาลมากเกินไปสักหน่อย
ไม่มีใครช่วยผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ และย่านธุรกิจต่อเนื่องที่จะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ เช่น เพลินจิต สุขุมวิท ประตูน้ำ ราชดำริ สยามสแควร์ ได้หรอก นอกจากพวกท่านจะต้องช่วยตัวเอง เหมือนที่ชาวชุมชนนางเลิ้ง ชาวเพชรบุรีซอย 7 และชาวบ้านในอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เขาลุกขึ้นมาปกป้องชุมชนของตัวเอง
ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้ประกอบการย่านราชประสงค์จะต้องลุกขึ้นมาเผชิญหน้าโดยตรงกับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะไม่อยู่ในวิสัยทึ่คนทำมาค้าขายจะไปทำเช่นนั้นได้ และไม่สมควรทำ เพราะจะทำให้สถานการณ์บานปลาย เข้าทางแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ต้องการนำสังคมไทยกลับไปสู่ ความวุ่นวายอีกครั้ง
มีวิธีการมากมายหลายอย่างที่ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ ประตูน้ำ สยามสแควร์จะทำได้ เพื่อสร้างแรงกดดันกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อเป็นการแสดงพลังของ คนที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ และใช้ชีวิตอยู่ในย่านนั้น รวมแล้ว น่าจะหลายหมื่นถึงแสนคน ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเห็นว่า "พอแล้ว กับการชุมนุมที่ละเมิดสิทธิประชาชน"
ไม่ใช่เพียงแค่แถลงข่าว ยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีลงมาแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นวิธีที่เข้าทาง ของแกนนำคนเสื้อเดงที่ต้องการสร้างเงื่อนไขในการเผชิญหน้ากับรัฐบาลอยู่แล้ว
แทนที่จะไปสร้างแรงกดดันให้รัฐบาล ทำไมพวกท่านไม่ใช้วิธีกดดันกลุ่มคนเสื้อแดง โดยตรง
ผู้ประกอบการในย่านราชประสงค์ มีทรัพยากรอย่างเหลือเฟือ ที่จะระดมมาใช้ ในการแก้ปัญหาของตัวเอง ทั้งเงินทุน คน ความคิดสร้างสรรค์ เครือข่ายสื่อสารมวลชน ที่จะต่อสู้กับ กลุ่มคนเสื้อแดงได้
พวกพลังบวก คิดบวกทั้งหลาย ถึงเวลาแล้วที่จะต้องรีบ “Get together” เพื่อรณรงค์ต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ อย่าเอาแต่หน่อมแน้ม ทำตัวเป็นพลเมืองดี เป็นกลาง ไม่มีสี ชวนกันออกมากวาดถนน และ “ขอโทษประเทศไทย” หลังจากบ้านเมืองพินาศย่อยยับไปเหมือนครั้งที่แล้ว
นอกจากวิธีการรณรงค์ สร้างกระแสต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดงอย่างเข้มแข็งแล้ว ยังมีช่องทางทางกฎหมาย ที่ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ให้มีคำสั่งห้าม ไม่ให้มีการชุมนุมในย่านราชประสงค์ได้ เพราะ ละเมิดสิทธิการชุมนุมของผุ้อื่น ซึ่งกรณีเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ถึงที่สุดแล้ว หากคนเสื้อแดงยังยึกสี่แยกราชประสงค์ เป็นที่ชุมนุมเดือนละ 2 ครั้ง ต่อไปผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ ก็ต้องกลับมาใคร่ครวญดูว่า ในช่วงที่ยังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งห้ามการชุมนุมอยู่ ซึ่งมีการอ้างกันว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกระทบกระเทือนกับ ธุรกิจ และการท่องเที่ยว จริงหรือไม่
เปรียบเทียบกับปัจจุบันที่ไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่มีการชุมนุมปิดถนนที่สี่แยกราชประสงค์ และเดินขบวนปิดถนนรอบๆ เดือนละ 2ครั้ง ระหว่าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับการชุมนุมของคนเสื้อแดง อะไรน่ากลัวกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปถึงขั้นว่าจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์จะต้องสลัดความกลัวกลุ่มคนเสื้อแดงออกไปให้ได้เสียก่อน อย่ากลัวที่จะต้องทำตัวเป็นศัตรูกับคนเสื้อแดง อย่ากลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับคนเสื้อแดง
เป็นเพราะ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่กลัวระบอบทักษิณ นายอภิสิทธิ์ และกองทัพไทย ไม่กลัวกลุ่มคนเสื้อแดง บ้านเมืองของเราจึงรอดพ้นจากหายนะมาได้จนถึงวันนี้
ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ต้องการทำมาหากินอย่างเป็นปกติสุข ก็ต้องไม่กลัวที่จะต่อสู้กับคนเสื้อแดง
ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ รวมทั้งประชาชนชาวไทยต้องมองการชุมนุมของคนเสื้อแดงให้ทะลุว่า ที่อ้างว่าเป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย รำลึกถึงผู้สียชีวิต เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำ นปช.ที่ติดคุกอยู่ แท้จริงแล้วมันคือ “เหตุผลบังหน้า” เจตนาที่แท้จริงคือ การก่อความปั่นป่วน ให้สังคมอีกครั้งหนึ่ง โดยจับราชประสงค์เป็นตัวประกัน หลังจากความพ่ายแพ้ในเดือนเมษายน ปี 2552 และความล้มเหลวในเดือนพฤษภาคม 2553 เพราะสังคมไทย เห็นธาตุแท้ของการชุมนุมว่าเป็นไป เพื่อ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยแกนนำทั้งที่เปิดเผย และที่ปิดลับ พร้อมจะใช้ทุกวิธีการเพื่อลากสังคมไทยไปสู่หายนะ
การชุมนุมของคนเสื้อแดงโดยใช้ความตายของคนเสื้อแดงด้วยกันเป็นเหยื่อ คือ การบ่มเพาะสถานการณ์ ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายแบบ “เผื่อฟลุก” ว่า จะนำประเทศไทยกลับไปสู่สถานการณ์เหมือนเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เพื่อที่พวกเขาจะได้ “แก้มือ” อีกครั้งหนึ่ง
การต่อต้านคัดค้านการชุมนุมของคนเสื้อแดงของผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ นอกจากจะเป็นการปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจแล้ว ยังเป็นการสกัดกั้นๆไม่ให้ คนเสื้อแดง ลากสังคมไทยกลับไปยืนอยู่บนขอบเหวแห่งหายนะอีกครั้งหนึ่ง
อยู่ที่ท่านทั้งหลายว่าจะกล้าสู้หรือไม่ ถ้าไม่กล้า เอาแต่งอมืองอเท้า รอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ ยอมให้คนเสื้อแดงจับเป็นตัวประกันอีกครั้งหนึ่ง เชื่อเถิดว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยในไม่ช้า