ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมินเขมรจ่อฟ้องทหารไทยยิงคนตัดไม้ ลั่นไม่เคยใช้อาวุธก่อน ไม่มีไปเที่ยวไล่ยิงใคร ยันทำตามกฎหมายของแต่ละชาติ รอเพื่อนบ้านยื่นก่อนค่อยสอบ ไม่รู้ข่าวแลกเปลี่ยนผู้ต้องหา - โต้ พท.พล่ามบึ้มห้องสมุดโรงเรียนเปรม เอี่ยวตั้งพลทหารม้าที่ 3 แนะให้เวลาเจ้าหน้าที่สอบ
วันนี้ (10 ม.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 7 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมว่า ปัญหาชายแดนมีผู้รับผิดชอบชัดเจน เรื่องของพันธกรณีก็มีผู้รับผิดชอบ โดยงานทุกอย่างจะเป็นไปตามกลไกของรัฐที่จะต้องประสานสอดคล้องกัน และเคารพในเขตของซึ่งกันและกัน ถือเป็นเรื่องสำคัญในการที่จะทำให้เกิดความร่วมมือกัน และกลุ่มประเทศอาเซียน ส่วนกรณีที่กัมพูชาเตรียมที่จะส่งภาพทหารไทยยิงชาวกัมพูชาที่เข้ามาลักลอบตัดไม้นั้น เรื่องนี้ไม่เห็นมีอะไร แต่ถ้าทำถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่มีผลกระทบ หากมีการขัดขืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือใช้อาวุธ แต่ที่ผ่านมาทหารไทยไม่เคยใช้อาวุธก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ทหารไทยจะนำปืนไปยิง แต่จะต้องมีการขัดขืนการจับกุม ซึ่งทุกอย่างจะต้องดำเนินการตามภายใต้กฎหมายของแต่ละประเทศ เช่นกันไทยก็เคารพกฎหมายภายในประเทศของกัมพูชา
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะมีการตรวจสอบที่มาที่ไปของข่าวเรื่องนี้อย่างไร หากปล่อยไว้อาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า เหตุการณ์นี้ยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้เพียงคิดกันไปก่อนว่าคนโน้นจะทำอย่างนี้ คนนี้จะทำอย่างโน้น หรือจะมีผลกระทบกับเราหรือไม่หากคนนั้นทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ ซึ่งทั้งคิดกันไปก่อน เมื่อถามย้ำว่าข่าวทหารไทยไปยิงคนของกัมพูชาจริงหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ถ้าผิดกฎหมายไทย และเราทำถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีคำว่าผิด ตนขอยืนยันแบบนี้ ทั้งนี้ ทหารไทยคงจะไม่มีการนำอาวุธไปเที่ยวไล่ยิงใคร ทุกอย่างต้องทำไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาแต่ละเรื่องมีขอบเขต และมีกฎการใช้กำลังอยู่ ขณะเดียวกัน หากมีข่าวในลักษณะดังกล่าวจริงหน่วยข่าวก็จะต้องสรุปมาให้รับทราบ
เมื่อถามว่า ล่าสุดมีการส่งเจ้ากรมแผนที่ทหารลงไปตรวจสอบในรายละเอียด พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า มีกรอบทำงานอยู่แล้วเกี่ยวกับคณะกรรมการเจบีซี ไม่ใช่ว่าทหารจะอยู่ดีๆ นึกอยากจะทำอะไรก็ส่งคนไปทำคงไม่ได้ ทั้งนี้ รัฐบาลดำเนินการตามแนวทางที่จะให้กองทัพ กระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงการต่างประเทศจะต้องดำเนินการอย่างไร ส่วนแนวโน้มในการแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหานั้นตนไม่ทราบ
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังกล่าวถึงกรณีเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดที่ห้องสมุดโรงเรียนเปรม ติณสูลานนท์ ที่ จ.ขอนแก่นว่า เหตุการณ์ที่เกิดไม่เกี่ยวกับกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าสาเหตุเป็นเพราะต้องการที่จะมีการตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ฝ่ายการเมืองพยายามนำกองทัพเข้าไปโยงในเรื่องนี้ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า เราทำงานตามหน้าที่ของเราไป
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย โฟนอินปลุกระดมคนเสื้อแดงให้เรียกร้องกระบวนการยุติธรรมคืนมานั้น พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า เราก็ทำงานตามหน้าที่ของเรา เราจะไปทำอะไร เมื่อถามว่า การดูแลความปลอดภัยภายในประเทศใช้เพียง กอ.รมน.ดูแลเพียงพอหรือไม่ เพราะเพียงแต่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยังมีเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้น พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า เรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะต้องตรวจสอบในรายละเอียด ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่อื่นก็ไม่เห็นมีใครมาโยงกับเรื่องอื่นๆ บางพื้นที่เป็นเรื่องส่วนตัว หรือความขัดแย้งภายในองค์กรเอง หรือภายในพื้นที่เอง เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ดังนั้นต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ
“เหตุการณ์ระเบิดที่หอสมุดโรงเรียนเปรมฯ เกิดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือน มี.ค.-ต.ค. และ ม.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งรัดในการทำงาน และตรวจสอบข้อเท็จจริงชี้แจงในรายละเอียด ส่วนความคืบหน้าถึงไหนจะต้องถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับทหารที่จะมีการตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 ขณะนี้วาดภาพกันไปเอง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาความปลอดภัยจะต้องประเมินสถานการณ์ว่าควรจะดำเนินการอย่างไรให้เหมาะสมในทุกระดับ ถ้าทุกคนในประเทศไทยทำตามหน้าที่บนความรับผิดชอบทุกอย่างจะเรียบร้อย” พล.อ.ทรงกิตติกล่าว
