“พล.ร.ท.ประทีป” ชี้คำพูด “มาร์ค” สะท้อนแนวคิดยอม “ฮุนเซน”ราบคาบ ถามไม่ได้จับคนไทยในพื้นที่ นส.3 แสดงว่าจับในพื้นที่เขมรใช่หรือไม่ อัด ผบ.ทบ. บอกจับกุมคนไทย เป็นเรื่องของศาลไทยไม่เสียดินแดน ท่านได้ศึกษาข้อมูลมาดีแล้วหรือยัง ยันกองทัพไทยเหนือกว่าเขมร แล้วท่านบอกอาวุธไทยด้อยกว่าเขมรมากมีนัยยะอะไร
คลิกที่นี่ เพื่อฟังการเสวนา โดย "พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์"
พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ กล่าวในรายการ"รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ซึ่งเป็นถ่ายทอด สดจากมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ ว่าหลักในการแก้ปัญหาขึ้นอยู่กับผู้นำองค์กร ที่จะกำหนดวิธีการปฎิบัติ ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์ความคิดผู้นำได้โดยดูจากกรอบความคิดเขา เริ่มด้วยกรอบความคิดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2554 ว่า "เป็นกรณีจับ 7 ตัวประกันคนไทยในข้อหารุกล้ำเขตแดน แต่ผมเรียกว่าเป็นการจับ 7 คนไทยเป็นประกัน จะให้นัยยะต่างกัน เพราะการจับ 7 คนไทยเป็นตัวประกันสามารถสร้างอำนาจต่อรองได้
นายกฯให้สัมภาษณ์ ว่า “คำตัดสินของศาลกัมพูชาย่อมผูกพันเฉพาะบุคคล” เราได้โต้แย้งว่า ถ้าเหตุมันเกิดแล้วศาลที่ตัดสินอยู่ในประเทศไทย คำตัดสินของศาลย่อมผูกพันธ์เฉพาะบุคคล แต่กรณีเช่นนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิงศาลกัมพูชาตัดสินโดยอ้างว่าคนไทยรุกล้ำเขตแดน ความหมายของคำว่าคำว่าอธิปไตยของชาติ รัฐใดมีอำนาจอธิปไตยของชาติ ณ แผ่นดินใด รัฐนั้นสามารถออกกฎหมายหรือตัดสินคดีก็ได้ แสดงว่ารัฐนั้นมีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่นั้น ด้วยเหตุนี้การที่ศาลกัมพูชาตัดสินออกมา แล้วเรายอมรับ แสดงว่าพื้นที่ตรงนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของกัมพูชา ด้วยเหตุนี้เราต้องไม่ยอมรับการตัดสินใดๆของศาลกัมพูชา เพื่อไม่ให้เกิดข้อผูกพันธุ์ว่าแผ่นดินนั้นเป็นของกัมพูชา
นายกฯ พูดว่า “หากคำพิพากษาส่วนใดกระทบต่อประเทศค่อยว่ากัน” วิเคราะห์ได้ว่า นายกฯ กำหนดวิธีการปฎิบัติที่เรียกได้ว่า ยอมแพ้ฮุนเซน และที่บอกว่า “ตอนนี้พันธมิตร ฯเอาเรื่องของ นส.3 ไปปะปนกับเรื่องการจับกุม ผู้ถูกจับกุมไม่ได้ถูกจับกุมในพื้นที่ นส.3” กรณีนี้ทำไมนายกฯไม่พูดตรงๆไปเลยว่า 7 คนไทยถูกจับกุมในพื้นที่กัมพูชา
นายกฯบอกว่า “เรื่องราวต่างๆของ 7 ตัวประกันเป็นเรื่องของสันติอโศกร้องเรียนมาตนจึงให้ นายพนิช ไปดูพื้นที่” จริงๆแล้วนายกฯมีนัยยะอะไรหรือไม่ สำหรับตนคิดว่า นายกฯย่อมรู้ว่า พันธมิตรฯประกาศชุมนุมวันที่ 25 มกราคม นี้ โดยกลไกเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนคือ สำนักสันติอโศก ซึ่งไม่ว่าฝนตก แดดร้อน ก็ไม่ถอนตัวออกจากพื้นที่ปฎิบัติการ ซึ่งในทางการทหารเขาเรียกว่า เป็นการรบที่สามารถคงกำลังในการยึดครองพื้นที่ หากคิดเชิงทหาร ถ้าตนเป็นฝ่ายตรงข้าม ย่อมต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ที่จะทอนกำลังพันธมิตรฯ ให้ลดลงได้ การแยกสลายกำลังข้อต่อสู้ เป็นเรื่องที่ทหารคิด ตนก็ต้องคิดอย่างนั้น การที่นายกฯส่งนายพนิช ไปสันติอโศก สอดคล้องกับเรื่องที่ตนคิดหรือไม่
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวต่อว่าการนายกฯ ไม่รอบคอบที่ส่งนายพนิช ไปปฎิบัติการที่สุ่มเสียง เพราะพื้นที่ปฎิบัติการอยู่ภายใต้อิทธิพลของ ฮุนเซน ดูได้จากคำพุดของพล.อ.ประยุทธ บอกว่า จริงๆแล้วคนไทยที่เข้าไปน่าจะแจ้งให้ทหารทราบก่อนเข้าไป ส่วนกรณีที่นายกฯบอกว่า "ปัญหาการจับกุม 7คนไทยไม่เกี่ยวข้องกับเอ็มโอยู43 เป็นเรื่องของหลักเขตุแดน" ตนพยายามจะเข้าใจว่าสื่อลงข้อความผิด แต่หากสื่อลงตามที่นายกฯพูดจริง นายกฯลืมการเป็นไปของเอ็มโอยู 43 ที่กำหนดให้ต้องปักปันเขตแดนแล้วหรือไม่ เพราะที่คนไทยเข้าไป ถูกกล่าวหาว่าเดินล้ำหลักเขตแดน
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ บอกว่า “การจับกุมคนไทย เป็นเรื่องของศาล” ประเด็นนี้ ท่านลืมคิดต่อยอดหรือไม่ว่า ศาลกัมพูชาให้นัยะอะไรกับเรื่องอธิปไตยเขตแดน นอกจากนี้ยังบอกว่า "จะเสียอย่างไร ในเมื่อยังไม่มีใครรู้ว่าพื้นที่ทับซ้อนเป็นของไทยหรือกัมพูชา" ขณะที่ตนบอกว่าเสียไปแล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ บอกว่ายังไม่เสีย กรณีนี้ตนขอถามว่าแล้วพล.อ.ประยุทธ คิดอย่างไรต่ออนุสัญญา ค.ศ. 1994 สนธิสัญญา 1907 คำพิพากษาของศาลโลกให้เขาวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ทั้งที่ศาลไม่ได้พิพากษา ว่า แผนที่กัมพูชาแนบท้ายคำฟ้องเป็นแผนที่ที่ถูกต้อง เส้นเขตแดนที่รุกล้ำ 4.6 ตร.กม.เป็นเส้นเขตแดน ท่านเข้าใจประเด็นเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน และกรณีจับคนไทย ท่านบอกว่า “หลักที่ 66-48 ไม่ใช่ของเราหรือของเขา หากใครเข้าไปต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่” ตรงนี้กัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้นได้ขออนุญาตท่านหรือไม่
และกรณีที่ ผบ.ทบ.บอกว่า “จะให้ทหารไปรบกับเขมร ตนอยากจะถามว่าทหารไม่มีเลือดเนื้อหรือ ฝ่ายเขมรมีรถเกราะ รถถัง และอาวุธที่ทันสมัยกว่าเรา วันนี้เราล้าหลังกว่าเขา แล้วจะให้ทำอย่างไร” ประเด็นนี้ในฐานะที่ตนเป็นอดีตทหาร สามารถการันตรีได้เลยว่า มีประเทศเดียวที่มีเสนยานุภาพ ทัดเทียมเราคือมาเลเซีย เท่านั้น นอกนั้นในแถบเอเซียเรามีอนุภาพเหนือกว่าทั้งสิ้น ดังนั้นประเด็นที่ท่านให้สัมภาษณ์ตนไม่เข้าใจว่า ท่านกำลังคิดว่าเรารบกับใคร
อย่างไรก็ดีกรณี 7 ตัวประกัน ตนเชื่อว่า นายกฯและผู้นำกองทัพ จะไม่ใช้กองทัพเป็นกำลังปฎิบัติการณ์ แต่จะใช้ผู้นำกองทัพเป็นตัวเจรจาความเท่านั้น ตรงนี้ตนอยากให้คิดสักนิดว่า กองกำลังไม่ได้มีไว้จัดแสดงให้เด็กชม กองทัพไม่ได้มีไว้สวนสนาม แต่มีไว้เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ หากรัฐบาล กองทัพ ยังไม่แสดงความเข็มแข็งไม่แน่อนาคตบ้านหาดเล็ก ที่ตั้งหลักเขตที่ 73 อาจเข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของกัมพูชาก็ได้ ที่ตนพูดเช่นนี้เพราะ บทสนทนาในการปักปันเขตแดนหลักที่ 73 ระหว่างไทย-ฝรั่งเศส ซึ่งที่จริงต้องอยู่ที่บ้านโอบยางไม่ใช่อยู่ที่บ้านหาดเล็ก แต่ขณะนั้นฝรั่งเศสมีกองทัพที่เข้มแข็งกว่า ทำให้ไทยต้องยอมปักหลักที่ 73 ในบ้านหาดเล็ก ไม่แน่ว่าที่ ผบ.ทบ. บอกว่ากองทัพเราอ่อนแอ เป็นไปได้ว่าในอนาคต บ้านหาดเล็กอาจตกไปอยู่ในกองกำลังของกัมพูชาก็เป็นได้