โฆษกเพื่อไทยสวน “มาร์ค” ทันควัน!! หยัน 9 ของขวัญรัฐไม่มีอะไรใหม่ ชี้ไม่ต่างเอื้ออาทรสมัย “แม้ว” ยันซื้อเสียงล่วงหน้าชัด ถามมีเวลาตั้ง 2 ปี ทำไมเพิ่งคิดได้ โวยรัฐไม่ช่วยน้ำท่วมใต้ จี้สอบบึ้มโรงเรียนเปรม หวั่นโยงแดงขอนแก่นอีก โถ...ทำเห็นใจ “พนิช” ถูกขัง ยุเลิกคบ “มาร์ค” จี้นายกฯ ลาออกหาก 7 คนไทยติดคุก
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับของขวัญ 9 ชิ้นให้แก่ประชาชนตามโครงการประชาวิวัฒน์นั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ๆ ให้แก่ประชาชนเลย เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำออกมานั้นไม่ได้แตกต่างจากโครงการเอื้ออาทรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ทำเพื่อการซื้อเสียงอย่างชัดเจน เหมือนเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายระบบประกันสังคมภาคสมัครใจให้แรงงานนอกระบบจำนวน 24 ล้านคน เปิดโอกาสให้แรงงานนอกระบบ จัดทำโครงการมอเตอร์ไซค์อาสาสมัครพิทักษ์เมือง เพิ่มจุดผ่อนผันให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยกว่า 20,000 จุด หรือการให้คนไทยกว่า 9 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศจะมีโอกาสใช้ไฟฟ้า 90 หน่วยแรกต่อเดือน ล้วนแล้วแต่เป็นการซื้อเสียงเท่านั้น
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า โครงการที่รัฐบาลพยายามทำนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรที่จะทำมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพิ่งจะมาคิดที่จะทำ ตนจึงอยากถามว่า 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเอาเวลาไปทำอะไรที่จะมาคิดว่า ประชาชนและนักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯรวมกว่า 10 ล้านคนจะได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้ทำการตรวจสอบความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้นั้นกำลังประสบกับภาวะทุกข์ร้อน จากกรณีที่มีน้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็มีบทเรียนจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2553 มาแล้ว แต่ขณะนี้รัฐบาลทำนิ่งเฉย เพราะมัวแต่พยายามหาเสียง
ส่วนเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมาได้เกิดเหตุระเบิดห้องสมุดภายในโรงเรียนเปรมติณสูลานนท์ อ น้ำพอง จ.ขอนแก่น ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเหตุการที่ต้องเชื่อมโยงให้เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง เพราะจังหวัดขอนแก่นถือเป็นพื้นที่ที่มีคนเสื้อแดงอยู่เยอะ เพราะฉะนั้น ตนจึงต้องการให้นายกฯ ทำการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้เรื่องเงียบไปเหมือนกับเหตุการณ์ระเบิดในอดีตอีก
โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงกรณีที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา และคนไทยอีก 6 คนที่โดนทหารจากประเทศกัมพูชาถูกจับตัวในข้อหาได้รุกล้ำพื้นที่ว่า เวลาล่วงเลยมากว่า 10 วันแล้ว ในขณะนี้ตนรู้สึกเห็นใจนายพนิชที่กลับถูกปล่อยให้ถูกขังอยู่ในเรือนจำของประเทศกัมพูชาเช่นนี้ ทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์เป็นผู้รู้เรื่องนี้อย่างดี และยังเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาอีกด้วย ซึ่งแทนที่นายอภิสิทธิ์จะดำเนินการติดต่อกับผู้นำระดับสูงของประเทศกัมพูชา วันนี้นายพนิชก็คงไม่ถูกดำเนินคดีเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นการซ้ำเติมนายพนิช ด้วยการออกมาบอกว่าคลิปวิดีโอที่มีนายพนิชล้ำเส้นเข้าไปในประเทศกัมพูชานั้นเป็นการตัดต่อ ตนเห็นว่านายอภิสิทธิ์พยายามที่จะปล่อยเกาะนายพนิช ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีวุฒิภาวะของความเป็นผู้นำ หากศาลของกัมพูชาตัดสินออกมาว่านายพนิช และคนไทยที่เหลืออีก 6 คนถูกตัดสินให้ติดคุก นายอภิสิทธิ์จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ตนไม่ได้ต้องการเห็นความแตกแยกของพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากตนเป็นนายพนิชตนคิดว่าตนจะไม่คบเพื่อนแบบนายอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน