“ศรีศักร” ชี้ไทยจ่อเสียดินแดนให้เขมรเหมือนเสียกรุงฯ ให้พม่า จวก กต.ตัวการให้ไทยเสียเปรียบ จี้ถอนตัวตัวภาคีมรดกโลก หลังให้เงินเขมร 5 หมื่นเหรียญพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน ผิดเจตนารมณ์ พร้อมจีเอ็มโอยู 43 หลังทหารเขมรจับคนไทยใกล้หลักเขต 46 ทำผิดข้อตกลงชัด แฉแผนพัฒนาชายแดนไทย-เขมรเอื้อประโยชน์มหาศาลนักการเมือง-ทุนข้ามชาติ แนะ ปชช.รวมตัวเป็นก้างขวางคอ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การเสวนา “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” โดย นายศรีศักร วัลลิโภดม
นายศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ กล่าวในงานสัมมนา “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า การเสียกรุงสมัยอยุธยาเหมือนกับสิ่งที่เรากำลังสูญเสียในวันนี้ ซึ่งในครั้งนั้น สมเด็จพระบวราชเจ้ามหาสุรสีหนาถ พระอนุชาของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เคยทรงพระนิพนธ์ไว้ว่า “เสียยศเสียศักดิ์นคเรศ เสียทั้งพระนิเวศน์วงศา เสียทั้งตระกูลนานา เสียทั้งไพร่ฟ้าประชากร” เสียยศเสียศักดิ์นคเรศ หมายถึงการเกียรติภูมิของประเทศ เห็นจากไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ที่ทหารเขมรจับคนไทยไปในพื้นที่ข้อพิพาท แต่ทหารไทยไม่ปกป้องเลย นี่เห็นได้ชัด
ประเด็นต่อมา เสียไพร่ฟ้าประชากร คือ ประชาชนที่เดือดร้อนจากการถูกยึดที่ดินบริเวณชายแดน เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไม่เห็นลงมาดู และยังมีอีกสารพัดจะเสียไม่สิ้นสุด เหตุที่เราเสียกรุงศรีอยุธยาไม่ใช่เพราะพม่า แต่เพราะความเฮงซวยของรัฐบาลตอนนั้น ทั้งคอร์รัปชันไม่มีกติกา ทำให้ข้าศึกเข้ามาได้ เขมรไม่มีความหมายสำหรับเรา แต่เป็นประเทศที่น่าสงสาร เราเหมือนกันคือเป็นประเทศที่ถูกปกครองโดยทรราช รัฐบาลไทยตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมาเป็นทรราชมาตามลำดับ เพราะรวมศูนย์อำนาจ ทำอะไรหมกเม็ด ขณะที่เขมรเป็นทรราชเบ็ดเสร็จ ประชาชนไม่มีสิทธิ ความต่างคือไทยเรายังเห็นภาคประชาชน แต่เขมรไม่มี เพราะฉะนั้นเราต้องเมตตาประชาชนเขมร เขาไม่มีสิทธิมีเสียง ถูกมอมเมาโดยทรราชเขมรซึ่งเป็นเขมรถ่อย เพราะฉะนั้นกับเขมรถ่อยเราต้องปฏิบัติแบบไทยโหดกับเขา
นายศรีศักรกล่าวต่อว่า หลังเสียกรุงศรีอยุธยา เราสร้างกรุงเทพฯ ขึ้นมาได้ เพราะเรามีวีรบุรุษมาจัดการ แต่ตอนนี้เราสิ้นหวังกับรัฐบาล แล้วใครจะมาทำ ก็ต้องเป็นภาคประชาชน เพราะรัฐบาลที่ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสังคมเป็นรัฐบาลทรราช และเป็นมาตลอด มันมีอำนาจ 2 อันที่ลงมาขยี้ประชาชน คือ อำนาจรัฐที่คอร์รัปชัน และอำนาจทุนทั้งในชาติและข้ามชาติ ป่วยการที่จะมารอให้รัฐบาลแก้ไข การอยู่รอดต้องอาศัยตัวเอง เราดีกว่าเขมรเพราะเรามีภาคประชาชน ขณะที่เขมรไม่มี
การทำเอ็มโอยู 44 เป็นการวางแผนจากข้างบนลงล่าง ทำให้เราสียดินแดนทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยมีแผนพัฒนาตะเข็บชายแดนจากสามเหลี่ยมมรกตถึงทะเล คนที่มีส่วนร่วมสำคัญคือ กระทรวงการต่างประเทศ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จนเขาพระวิหารจิ๊บจ๊อยไปเลย นี่เป็นแผนพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะเชื่อมเขมรกับไทย เป็นแหล่งผลประโยชน์ร่วมกันอย่างมหาศาลของทั้งนักการเมืองนักธุรกิจ และทุนต่างชาติ
“ลูกศิษย์ผมเพิ่งไปเขมรเมื่อเร็วๆ นี้ เขาปิดบังประชาชนทุกอย่าง ตอนนี้ทุนขนาดใหญ่มาลงเต็มไปหมด เขมรจึงเป็นประเทศฟอร์เซล เมืองไทยก็ฟอร์เซล แต่ยังดีที่ประชาชนไม่เซลด้วย”
นายศรีศักรกล่าวต่อว่า ขณะนี้โครงสร้างพื้นฐานใมเขมรมีทุนจีนเข้ามาทำจำนวนมาก การติดต่อจากไทยเข้าไปเขมรเดิมจะผ่านช่องจอมเป็นหลัก พอปี 2544 ก็มีช่องสะงำขึ้นมาและตัดถนนผ่านเขาพระวิหาร มีการพัฒนาที่รุกล้ำเข้ามาในเขตไทย และช่องที่เป็นปัญหา คือ ช่องตาเฒ่า ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ เราปล่อยให้เขมรสร้างถนนเข้ามาประชิดแล้ว เท่ากับให้เขาเอากองกำลังเข้ามาประชิดไทย
แหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ที่ถูกรังแกไม่ใช่แค่ตัวปราสาท แต่เป็นป่าไม้ทั้งเทือก เริ่มตั้งแต่สามเหลี่ยมมรกต ผ่านปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเหมือนลงมา ซึ่งมีป่าไม้จำนวนมาก โดยเฉพาะไม่พะยูงดำซึ่งเป็นไม้มีค่าของภาคอีสาน แต่ก่อนทหารเคยดูแลรักษา แต่ตอนนี้ปล่อยให้เข้ามาตัด พื้นที่เขาพระวิหารถ้าปล่อยให้เขมรเข้ามาได้ ไม่เพียงแค่ 4.6 ตร.กม.ที่จะสูญเสีย แต่จะขยายไปสู่สระตราว
นายศรีศักรกล่าวว่า การที่เขมรยังไม่สมารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ ทำให้เขมรร้อนตัวมาก ถ้าจัดการไม่ได้ การจดทะเบียนมรดกโลกจะล้มเหลวทันที เขาจึงสร้างสิ่งประหลาดๆ อย่าง 2-3 วันที่ผ่านมา มันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรไม่รู้ทำให้เกิดขึ้นมา ตนให้เกียรติ 7 คนไทยที่เข้าไปติดคุกขเมร เขาเป็นวีรบุรุษ จากการเสียสละ กล้าหาญ ทำให้เห็นได้ว่าพื้นที่ที่ถูกจับเป็นพื้นที่พิพาท ซึ่งตามเอ็มโอยู 43 ทหารจะเข้าไปไม่ได้ ฝ่ายไทยก็เคยใช้ต่อรองการขึ้นทะเบียนมรดกโลก
“นี่ความดีของเอ็มโอยู 43 ที่นายกฯ คุยนักคุยหนา แต่ตอนนี้ไม่ทำ ถ้าเราไม่มีคนเข้าไปให้ถูกจับ มันก็ไม่เห็น อันนี้มันชัดเจนว่าเราเสียท่า แย่ตรงนี้ ขณะเดียวกัน มันเชื่อมกับ 4.6 ตร.กม.ของปราสาท ซึ่งมันละเมิดเอ็มโอยู เขมรไปตั้งวัดแก้วฯ ได้ไง เอาทหารเข้าไปได้ไง เราไม่จัดการ”
นายศรีศักรกล่าวต่อว่า พื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของเรา เราไม่เคยบอกว่าเป็นพื้นทับซ้อน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สส. เคยบอกว่าไม่ยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่กระทรวงการต่างประเทศกลับบอกว่า เป็นที่ทับซ้อน มันถึงเชื่อมโยงว่าเพราะอะไร เพราะกระทรวงการต่างประเทศจัดการขึ้นมา
ถ้าใช้เอ็มโอยู ทหารเขมรเข้าไปแบบนั้นไม่ได้ ต้องไล่ออก มิหนำซ้ำคณะกรรมการมรดกโลกยังเห็นด้วยให้เงินอุดหนุน 5 หมื่นเหรียญ ทั้งที่เป็นพื้นที่พิพาท เป็นการผิดเจตนารมณ์ของมรดกโลก ขณะที่เหตุการณ์ที่สระแก้วก็ละเมิดเอ็มโอยูโดยตรง ทหารเขมรเข้าไปจับคนไทยได้อย่างไร แต่เรากลับไม่ปกป้อง
กรณีนี้ เราเอาไปใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยกเลิกการเป็นภาคีมรดกโลกได้ เพราะการที่คณะกรรมการมรดกโลกยอมรับ 4.6 ตร.กม.เป็นของเขมรหมายความว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยเรา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ นี่เป็นสิทธิของเราที่จะใช้เรื่องนี้บีบรัฐบาลให้ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก แต่ถามว่ารัฐบาลจะทำหรือไม่ ถ้าไม่ทำใครจะทำ
“ผมมาครั้งนี้ ผมไม่ได้มาในฐานะนักประวัติศาสตร์ แต่มาในฐานะก้างขวางคอคนหนึ่ง ขบวนการที่เราทำ ไม่ถึงขนาดที่ต้องใช้กำลัง แต่เป็นกว้างขวางคอในภาคประชาชน ไม่ให้ทุนและรัฐเขมือบประเทศ”
นายศรีศักรกล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากลัวก็คือ สำหรับพวกทุนต่างๆ เขาจะยุแหย่ให้พวกเราแตกกัน เหมือนที่เขื่อนปากมูล รัฐบาลยอมให้เปิดเขื่อน แต่ กฟผ.หนุนให้ชาวบ้านฆ่ากัน เรากำลังเจอแบบนี้ที่โนนหมากมุ่น การแตกแยกของประชาชนคืออันตราย เราต้องรู้เท่าทัน ขบวนการของเราต้องมีการจัดการรับฟังความคิดเห็นของปรชาชนในท้องถิ่นที่เขาเป็นผู้ได้เสีย การประชาพิจารณ์ข้อตกลงเจบีซีต้องให้คนพื้นที่รับรู้ แต่ไม่ทำกระทรวงการต่างประเทศหมกเม็ดทำเงียบๆ แล้วจ้างสื่อมาบอกว่าทำเรียบร้อยแล้ว ล้วนแต่จัดฉากทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นตัวเลวร้ายคือกระทรวงการต่างประเทศ พวกเราต้องช่วยกันฉีกหน้ากากพวกนี้ออกมา แล้วเข้าไปหาแต่ละท้องถิ่นให้ดูแลกันเอง
เราต้องสนับสนุนให้มีการใช้สื่อย่างที่พวกเราทำให้ทุกท้องถิ่นเห็นว่ามันรังแกถึงแผ่นดินเกิดของคนในท้องถิ่น เรารักในชาติภูมิและมาตุภูมิ ไม่ใช่เชื้อชาติ ใครไม่รักแผ่นดินเกิด มันก็เป็นหมา เราต้องเริ่มแอกชั่น ขยายเครือข่ายมหาชนในการเป็นก้างขวงางคอ แต่ไม่ใช้กำลัง กันไม่ให้มรดกโลกปราสาทพระวิหารเกิด ถ้าสามารถขวางไม่ให้เกิดภายในเวลาที่กำหนดก็จบ ฮุนเซนจึงสร้างอีเวนต์นี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นเราอย่าไปตกหลุม
“ถัดจากล้มมรดกโลก เราต้องมาเลิกเอ็มโอยู คราวนี้ละเมิดเอ็มโอยู 43 ใช่ไหม ที่หลักเขตที่ 46 แล้วเอาไว้ทำพ่ออะไร”
นายศรีศักรกล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการประวัติศาสตร์กลุ่มหนึ่งรับจ้างกระทรวงการต่างประเทศในวงเงิน 7-8 ล้านบาท มากล่าวหากลุ่มที่เคลื่อนไหวปกป้องอธิปไตยว่าเป็นพวกคลั่งชาติล้าหลังเพราะโลกสมัยใหม่ไม่สนใจเรื่องเขตแดนว่า นี่เป็นหลุมดักของโกลบอลไลเซชั่นที่ต้องให้โลกเป็นหนึ่งเดียว แต่มันทำไม่ได้ พวกเขาไม่เห็นคนกับพื้นที่ นี่แหละจึงเกิดความฉิบหายทั่วไป มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เคยเป็นธรรมศาสตร์และการเมือง ปัจจุบันเป็นธรรมศาสตร์การตลาด ต้องถามว่าสถาบันไหนที่ทำ แล้วเขาทำให้ใคร ก็ทำให้กระทรวงการต่างประเทศอันนี้ความห่วยมันอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ