เปิดรายละเอียดโครงการ 7.1 ล้าน “ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” รับจ้าง กต.ศึกษาข้อมูล-จัดทำสื่อเผยแพร่ กล่อมคนไทยให้เห็นใจเพื่อนบ้าน อ้างเพื่อความสัมพันธ์อันดี ให้การปักปันเขตแดนเป็นไปอย่างราบรื่น เริ่มงาน พ.ค.53 ส่งมอบรายงานสุดท้าย ม.ค.54 นี้ เผยชื่อทีมนักวิชาการล้วนอยู่ในก๊วน “เสื้อแดง” หนุน “ชาญวิทย์” เข้าข้างเขมร
ตามที่ กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดทำ โครงการ “การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สาธารณชน เรื่องเขตแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านสื่อสารคดี และการฝึกอบรม” โดยมอบหมายให้มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ ที่มี นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ เป็นประธาน ล่าสุด “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ได้รับรายละเอียดโครงการดังกล่าว ซึ่งมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ ได้เสนอต่อกระทรวงการต่างประเทศ โดยของบประมาณทั้งสิ้น 7.1 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือน พ.ค.2553 แะส่งรายการฉบับสมบูรณ์ในเดือนมกราคม 2554
โครงการดังกล่าวได้อ้างหลักการและเหตุผลว่า เพื่อเป็นการป้องปรามปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มจะตามมาจากความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่ขาดความรู้ความเข้าใจในสถานะ และปัญหาเขตแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน กองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ จึงมีดำริที่จะสร้าง และเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับสถานะ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเขตแดนระหว่างประเทศ ให้เกิดขึ้นกับสาธารณชนในวงกว้าง ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และในมุมมองที่ปราศจากอคติ โดยตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ครบถ้วน และรอบด้านทั้งในทางกฎหมาย และประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานด้านเขตแดนระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องเท่านั้น หากแต่ยังจะเป็นการให้การศึกษาที่เหมาะสมแก่ประชาชนทั่วประเทศซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความเข้าใจที่ดีระหว่างกัน และสานต่อความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านต่อไปในอนาคต
กระทรวงการต่างประเทศจึงเห็นสมควรที่จะมอบหมายให้มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่ได้ผลิตหนังสือ สื่อ ตลอดจนกิจกรรมวิชาการเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกันในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอุษาคเนย์ และอาเซียนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เป็นหน่วยงานหลักเพื่อรับผิดชอบในโครงการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สาธารณชนเรื่องเขตแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้
สำหรับ คณะทำงานโครงการ ประกอบด้วย 1.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ประธาน 2.อาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ 3.ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ 4.รองศาสตราจารย์ ดร.พิภพ อุดร 5.รองศาสตราจารย์ อาทร ฟุ้งธรรมสาร 6.ผศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ 7.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ 8.ดร.มรกต เจวจินดา ไมเออร์ 9.อาจารย์ อัครพงษ์ ค่ำคูณ 10.นายสมฤทธิ์ ลือชัย 11.นายอดิศักดิ์ ศรีสม 12.นายสุเทพ คุ้มกัน 13.นายเภตรา บรรณานุรักษ์ 14.คณะที่ปรึกษาของคณะทำงานโครงการซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในด้านประวัติศาสตร์ กฎหมาย รวมทั้งด้านการค้า เศรษฐกิจ สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า คณะทำงานทั้งหมดเป็นกลุ่มนักวิชาการที่มีแนวคิดไปในแนวทางเดียวกับนายชาญวิทย์ นั่นคือการเข้าข้างฝ่ายกัมพูชา โดยยอมรับว่าไทยได้เสียดินแดนบริเวณรอบปราสาทพระวิหารให้แก่กัมพูชาตั้งแต่ปี 2505 ตามคำตัดสินของศาลโลกไปแล้ว รวมทั้งหลายคนยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 ขณะที่บางคนก็อยู่ในกลุ่มนักวิชาการเสื้อแดงที่มีแนวคิดต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเข้าข้างฝ่ายกัมพูชา อาทิ นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีต ส.ว.จังหวัดตาก ที่ร่วมเวทีเสวนากับคนเสื้อแดงอยู่เป็นประจำ, นายธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ หัวหน้าภาควิชาสังคมศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เคยเรียกร้องให้หยุดปราบปรามการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเดื่อน พ.ค.53 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ รศ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ นักวิชาการจากรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ยังเคยเขียนบทความคัดค้านการยกเลิก MOU 2543 ในเว็ยประชาไท, ขณะที่ นายอัครพงษ์ ค้ำคูณ อาจารย์ประจำวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยแสดงความเห็นว่าสิ่งที่กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติกำลังทำอยู่เหมือนกำลังทำลายชาติ และคัดค้านการยกเลิก MOU 2543, ส่วน น.ส.มรกต เจวจินดา ไมเออร์ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ก็เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของนายชาญวิทย์
อ่านรายละเอียด โครงการ “การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สาธารณชนเรื่องเขตแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านสื่อสารคดี และการฝึกอบรม”