xs
xsm
sm
md
lg

ศอ.รส.รับหมดทางป้องกันเหตุบึ้ม-สั่ง ผบ.คุมโซนวางมาตรการเข้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
ศอ.รส.รับสุดวิสัยป้องกันมูลนิธิรัฐบุรุษ อ้างคนร้ายเหมือนประชาชนทั่วไป ก่อนก่อเหตุมีรถมาดูลาดเลาแล้วส่งสัญญาณมือบึ้มโยนระเบิด สั่งผู้บังคับบัญชาที่คุมโซนต่างๆ กำหนดมาตรการในรายละเอียดให้กำลังพลปฏิบัติ ปัดไม่รู้ จปร.20 เอี่ยว

วันนี้ (31 มี.ค.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงภายหลังการประชุม ศอ.รส.ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.เป็นประธานการประชุมว่า นายสุเทพเน้นย้ำ 2 เรื่อง คือ 1.มาตรการในการใช้อาวุธ ที่อนุญาตให้กำลังพลทหาร ตำรวจ พกพาอาวุธในการปฏิบัติหน้าที่ว่าต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของการใช้อาวุธ ต้องมีความระมัดระวังรอบคอบจะใช้อาวุธโดยพละการไม่ได้ โดยจะใช้อาวุธในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าผู้ที่จะเข้ามาทำร้ายเป็นใครอย่างนี้ไม่ได้ แต่ต้องดูในรายละเอียดให้ชัดเจนลงไปว่า เขามีจุดประสงค์ถึงแก่ชีวิต หรือประสงค์จะทำร้ายประชาชน ต้องดูให้ละเอียดรอบคอบ

ส่วนเรื่องที่ 2 กรณีที่เกิดเหตุระเบิดที่อาคารมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทาง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้นำภาพทีวีวงจรปิดมาให้ดู จากกรณีระเบิดที่หน้ามูลนิธิรัฐบุรุษ พร้อมกล่าวว่าป้องกันได้ลำบาก จะพูดว่าเป็นเหตุสุดวิสัยก็สามารถพูดได้ เนื่องจากผู้ที่ทำจะมีการขี่จักรยานยนต์เหมือนกับประชาชนทั่วไปตามปกติ

“ถนนยามค่ำคืนในเวลาที่เอาภาพวงจรปิดมาดู จะเห็นว่ามีรถวิ่งไปวิ่งมาตามปกติดูไม่ออก มีรถมาดูลาดเลาล่วงหน้าประมาณ 1 นาที หลังจากนั้นจะมีรถจักรยานยนต์ขี่ตามมา ผู้ที่นั่งก็หยิบวัตถุชนิดหนึ่งมาโยนเสร็จแล้วก็ขี่เลยไปผ่านเวลาประมาณ 3-4 วินาทีจะมีเสียงดังเกิดขึ้น ซึ่งลักษณะอย่างนี้เห็นได้ว่าผู้ที่พยายามก่อเหตุไม่ต้องเตรียมการมากก็สามารถก่อเหตุได้ ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่เราป้องกันได้ลำบากมาก”

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาทหารบก เน้นย้ำว่าเข้าใจเจ้าหน้าที่แต่ละจุดตรวจ อาจมีประมาณ 3-4 คน เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์สร้างสถานการณ์ในช่วงเวลากี่โมงจะไปดูถนนตลอดเวลาไม่ได้ ผิดวิสัยมนุษย์ ท่านจึงแนะนำว่าผู้บังคับหน่วย ผู้บังคับโซนต้องไปกำหนดมาตรการในรายละเอียดลงไปให้กำลังพล

ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ยังเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตำรวจเอาภาพวงจรปิดมาให้ดู แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ที่มูลนิธิจะมีหลักฐานเป็นข้อมูลภาพวงจรปิดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และมีผู้เห็นเหตุการณ์ตำรวจคงติดต่อให้มาเป็นพยาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดไม่มีการป้องกันการเกิดเหตุในสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ถ้าเอาเหตุการณ์ 24 จุด มาเรียงทุกอย่างเป็นสัญลักษณ์ทั้งหมด ซึ่งสัญลักษณ์ในกรุงเทพฯไมใช่มี 7 แห่ง แต่เป็นได้ทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง หรือทางการโจมตี สถานที่ราชการ เราจึงพยายามปรับพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายผู้ก่อเหตุพยายามเน้นที่ พล.อ.เปรมเป็นการเฉพาะ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ทุกอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งในความคิดของบางกลุ่มบางฝ่าย ส่วนจะบ่งบอกถึงความไม่ปลอดภัยของบุคคลที่เป็นเจ้าของสัญลักษณ์นั้นหรือไม่ เราพยายามทำอย่างที่สุดในการป้องกัน รวมถึงพยายามเพิ่มจุดตรวจในสถานที่สำคัญ แต่พื้นที่กว้าง และกำลังของเรามีน้อย ทั้งนี้ ตำรวจมีข้อมูลว่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ส่วนข้อสังเกตที่ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มทหาร จปร.20 นั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่หากมีข้อมูลคงพูดคุยกันในกลุ่มของเจ้าหน้าที่ที่สืบสวนสอบสวนในเชิงการข่าว ซึ่งเราต้องแยกแยะ เพราะในสังคมมีคนอยู่ 3 กลุ่ม คือ ทหาร ตำรวจ พลเรือน จะไปมองว่าเป็นทหาร ตำรวจ หรือพลเรือนไม่ได้ เป็นพวกที่ไม่รู้จักหน้าที่ของความเป็นคนไทย ส่วนที่มีความกังวลว่าสถานที่เกิดเหตุใกล้กับสถานที่การจัดงานกาชาดนั้น พื้นที่งานกาชาดเป็นพื้นที่ปิดการเข้าออกตรวจด้วยเครื่องสแกน มั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยให้บ้าน พล.อ.เปรมหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เราเข้มข้นทุกจุด ต้องเข้าใจบทบาทของทหาร ตำรวจ ว่าการป้องกันไม่เรื่องง่าย การเกิดระเบิดจะมีการถ่วงเวลา ไม่ได้เกิดทันทีทันใด ซึ่งกว่าเจ้าหน้าที่ต้องตั้งสติก่อนว่า เสียงดังที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร

ส่วนการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 1 พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า จะแบ่งกำลังจาก ศอ.รส.ไปส่วนหนึ่ง ทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง และเจ้าที่ระดับปฏิบัติ ส่วนจะทำให้กำลังพลเหนื่อยล้าหรือไม่นั้น จากการพูดคุยในที่ประชุมพบว่า ขวัญกำลังใจของกำลังพลยังดีอยู่ ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยอย่างไรก็พร้อมจะทำงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น