"เกาะกระแส"
โดย....ก้อนกรวด
00 ในที่สุดก็เหลวตามคาด ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหลังจากแต่ละฝ่ายต่างหวังจะใช้เวทีเจรจาให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเองมากที่สุด หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็มีทั้งสองฝ่ายทั้งรัฐบาลที่นำโดย นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับเสื้อแดงที่นำโดย วีระ มุสิกพงศ์ ส่วนความได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นอยู่กับวาทะของแต่ละฝ่าย ซึ่งหากจะพิจารณากันโดยรวมแล้วก็ยังให้แต้มฝ่ายนายกฯดีกว่าประเภทชนะคะแนน ทั้งภาพลักษณ์ก็ดูดีกว่า โดยที่ไม่ต้องไปพิจารณาถึงเนื้อหาสาระ
00 การเจรจารอบสองเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่เสร็จสิ้นลงหลังจากผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมงก็ต้องยุติลงแบบไม่ได้อะไรมากนัก แม้ว่าจะไม่ได้ปิดฉากลงอย่างสิ้นเชิงเสียทีเดียว เพราะมียืดเวลาห้อยติ่งเอาไว้และนัดคุยกันอีกรอบในวันพฤหัสบดีภายใต้กรอบการยุบสภาภายในเวลา 9 เดือน หลังจากที่ฝ่ายเสื้อแดงยื่นข้อเสนอแบบยื่นคำขาดว่าต้องยุบสภาภายใน 15 วัน อย่างไรก็ตามไม่อยากไปทำนายล่วงหน้าให้เสียบรรยากาศแต่ดูแนวโน้มแล้วก็คงออกมาในแนวทางเหลว
00 แม้ว่า 3 แดงที่ถือวิสาสะอ้างเป็นตัวแทนก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคนละเรื่อง และแม้ว่าบรรดาแกนนำเห็นสภาพของม็อบในเวลานี้ก็ต้องยอมรับว่าเปลี้ยเต็มที คงไม่สามารถเผด็จศึกรัฐบาลได้แน่นอน และยิ่งได้เห็นสภาพการโต้วาทีในวงเจรจาก็ยิ่ง “ปลุกไม่ขึ้น” เพราะฝ่ายรัฐบาลไม่ได้สร้างอารมณ์โกรธได้เลย ตรงข้ามเมื่อได้ฟังการพูดและลีลาของนายกฯอภิสิทธิ์แล้ว อาจมีความคิดไปอีกแบบ หลังจากที่เคยได้ฟังแต่คำปลุกระดมกรอกหูอยู่ทุกวันจากทีวีจอแดง
00 บรรดา แกนนำถึงจะพยายามหาทางลงก็ตาม แต่ก็ทำได้ยาก เพราะคนที่จะกดปุ่มคือ ทักษิณ ชินวัตร และการเจรจาตราบใดที่ เขาไม่ได้ประโยชน์ในฐานะผู้ลงทุนก็จะไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด ดังนั้นฟันธงไว้ล่วงหน้าเลยว่า ข้อเสนอทั้งหลายที่ทั้งสองฝ่ายต่อรองกันอยู่นั้น หากไม่ยุบสภาในทันทีตามที่ทักษิณ ต้องการก็เสียเวลาเปล่า อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องยอมรับกันก็คือการเจรจาที่เกิดขึ้นเป็นการ “ยกระดับ” ให้กับทั้ง “3 แดง” คือ “วีระ-จตุพร-เหวง” เท่านั้น เพราะได้ฉกฉวยโอกาสในการออกสื่อระหว่างเจรจากับนายกฯ
00 ข้อเสนอของ นายกฯที่ต้องการให้เวลาอย่างน้อยยืดไปถึงสิ้นปีหรือ 9 เดือน แม้จะมีข้ออ้างเหตุผลสารพัด แต่ต้องไม่ลืมว่าภายใต้เงื่อนไขเวลาดังกล่าวมันต้องผ่านงบประมาณ ผ่านการแต่งตั้งโยกย้ายทั้งทหาร ตำรวจในเดือนกันยายน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญก่อนการเลือกตั้ง และเชื่อว่ารัฐบาลจะต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นไปก่อน
00 แนวโน้มการยุบสภาที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคชาติไทยพัฒนาของ “บรรหาร ศิลปะอาชา” แต่มีเงื่อนไขเดียวคือต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ซึ่งก็ไม่ต่างจากพรรคภูมิใจไทยของ เนวิน ชิดชอบ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าตัวเองต้องได้ประโยชน์ !!
00 กระบวนการยุติธรรมยังพึ่งพาได้เสมอสำหรับคนที่มีใจเป็นธรรมและจิตกุศล ล่าสุดศาลอาญาได้ตัดสินยกฟ้องกรณีที่ พ.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ นายทหารคนใกล้ชิดบิ๊กกองทัพบกยื่นฟ้อง ตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการกับ บริษัทเอเอสทีวีผู้จัดการข้อหาหมิ่นประมาท กรณีลงข่าว พ.อ.(ส.) ว่าเป็นหัวหน้าทีมและเป็นสะพานเชื่อมโยงในขบวนการลงขันลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯเมื่อเดือนเมษายนปี 2551 ซึ่งศาลก็ให้ความยุติธรรม แต่อย่างไรก็ตามในข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณาก็คือการยื่นฟ้องครั้งนี้ทำเพื่อสกัดหรือข่มขู่ไม่ให้ขุดคุ้ยเรื่องของขบวนการอำมหิตหรือไม่ คนที่ทำชั่วเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ !!