โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ออกแถลงการณ์ประณามแผนชุมนุมเสื้อแดง 7 วันอันตราย เป้าหมายหลักโค่นรัฐบาล ถึงขั้นก่อสงครามกลางเมือง หวังดึงพระเจ้าอยู่หัวเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ ซ้ำรอยพฤษภาทมิฬ จี้ รบ.บังคับใช้ กม.อย่างเข้มงวด ปกป้องสถาบันองคมนตรี แนะ “มาร์ค” เลื่อนกำหนดการเยือนออสซี่เพื่อแสดงความเป็นผู้นำในช่วงชุมนุม
วันนี้ (7 มี.ค.) นายสำราญ รอดเพชรโฆษกพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ได้ออกแถลงการณ์ชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ที่สามารถจับกุม นายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ ฉายาเคทอง ลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกได้ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์บางอย่างดีขึ้นบ้าง แต่กล่าวถึงที่สุดแล้วขณะนี้ สถานการณ์โดยรวมยังน่าเป็นห่วง โดยจะเข้าสู่ภาวการณ์วิกฤตตั้งแต่ 12-18 มี.ค.2553 หรือ “7 วันอันตราย” อะไรก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น น่าเชื่อว่าคนเสื้อแดงหลายหมื่นคนหรือเรือนแสนจะเข้าร่วมชุมตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.เป็นต้นไป แม้คนเสื้อแดงประกาศชุมนุมอย่างสันติ แต่ในขบวนคนเสื้อแดงมีแนวทางการต่อสู้หลายแนวทาง รวมทั้งแนวทางรุนแรง หากมีเหตุการณ์แทรกซ้อนเกิดขึ้นอาจเกิดการจลาจลปั่นป่วน บาดเจ็บล้มตาย ได้ไม่ยาก สำหรับแนวทางการชุมนุมต่อสู้ของคนเสื้อแดงภายใต้การบงการของทักษิณ ชินวัตร เป้าหมายหลักๆ ยังอยู่ที่
1) กดดันให้รัฐบาลยุบสภาหรือลาออก
2) หากนายกฯ ไม่ยุบสภาหรือลาออก อาจมีการสร้างสถานการณ์ให้จลาจล นองเลือด โดยหวังให้องค์พระประมุขลงมาคลี่คลายวิกฤตการณ์ในรูปแบบเดียวกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
3) หากข้อ 1, 2 ไม่บรรลุ ก็อาจจะหันไปต่อสู้ในสภาผู้แทนราษฎรเปิดศึกอภิปราย พยายามเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทยอีกครั้งหรือจัดการชุมนุมอีก
4) ทางเลือกสุดท้ายอาจจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ดังที่กลุ่มของ นายจักรภพ เพ็ญแข ได้พยายามขายความคิด
ในแถลงการณ์ยังได้ระบุอีกว่า พรรคการเมืองใหม่ มีความห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง และได้วิเคราะห์ วิจารณ์ พร้อมข้อเสนอแนะมาโดยลำดับ วันนี้เรายังยืนยันข้อเสนอเดิมและเพิ่มเติมข้อเสนอใหม่ดังนี้
1) คนเสื้อแดงมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างเต็มที่ แต่ขอให้เดินแนวทางสันติ อหิงสา อย่างที่ประกาศไว้จริงๆ ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวต่างๆ ต้องไม่ละเมิดจาบจ้วงต่อสถาบันสำคัญของชาติ
2) รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ และมีความพร้อมด้านการข่าว การแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นจริง รวมทั้งประสานกับประชาชน ชาวชุมชนต่างๆ ที่มีความเร่าร้อนเป็นห่วงบ้านเมืองอยากจะมีส่วนร่วม เป็นหูเป็นตาให้รัฐบาล
3) รัฐบาลไม่อาจจะนิ่งดูดายการโจมตีสถาบันองคมนตรี ประธานองคมนตรี ภายใต้วลี “อำมาตย์” เพราะแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นการโจมตรีตัวบุคคลอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เท่านั้น หากแต่การโจมตีในหลายๆ ประเด็นขาดเหตุผลและมุ่งกระทบไปถึงสถาบันสำคัญของชาติ
4) เพื่อเป็นผลดีต่อสถานการณ์บ้านเมือง และตัวนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอง พรรคการเมืองใหม่ ขอสนับสนุนให้นายกฯ เลื่อนการเดินทางไปประชุมระหว่างประเทศ ที่ประเทศออสเตรเลีย ในวันที่ 13-14 มี.ค.2553 ไม่ว่ารัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายใน หรือกฎหมายพิเศษหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แสดงออกถึงการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนในยามบ้านเมืองไม่อยู่ในภาวะปกติสุข และแสดงถึงภาวะผู้นำประเทศ