xs
xsm
sm
md
lg

14 มีนา วันเริ่มต้นของจุดจบ “ม็อบไข่แม้ว-คนเสื้อแดง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มบริวารทักษิณ ชินวัตร ในนามคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มีนาคมนี้ หากรัฐบาลนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัดการเป็น การชุมนุมครั้งนี้น่าจะเป็นการก่อกวนครั้งสุดท้ายของเครือข่ายระบอบทักษิณอย่างแน่นอน

จะเพราะธรรมะจัดสรรหรือเพราะความบังเอิญก็แล้วแต่ การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเพื่อล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มักจะไม่ถูกจังหวะอันลงตัวเลยสักครั้ง

นับตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่บริวารทักษิณเปิดฉากลุยรัฐบาลนายอภสิทธิ์ทันทีตั้งแต่หลังการชนะโหวตในสภา แต่ก็บังเอิญมาตรงกับช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้ม็อบเสื้อแดงที่ไปขัดขวางการแถลงนโยบายของ “อภิสิทธิ1”กร่อยลงไปถนัดตา และเสียเวลารวบรวมไพร่พลใหม่ ในช่วงต้นปี 2552 กว่าจะจุดกระแสติดในกลุ่มสาวกแม้ว ก็ปาเข้าไปปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายน พอจะถึงจุดไคลแม็กซ์ ก็เข้าสู่ช่วงสงกรานต์พอดี แถมยังพลาดไปใช้วิธีรุนแรง ไล่ล่านายกฯ เผาบ้านเผาเมือง ยิงมัสยิด ยิงชาวบ้าน จนเสียมวลชนไปอักโข

กลุ่มเคนเสื้อแดงบริวารทักษิณ ต้องปรับขบวนใหม่โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะเคลื่อนไหวใหญ่ในช่วงปลายปี 2552 โดยพยายามปูกระแสไว้ตั้งแต่ การเข้าชื่อ 3.5 ล้านยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ แล้วจัดชุมนุมทวงถามมาเรื่อยๆ โดยวางกำหนดชุมนุมใหญ่ระดบัสงครามประชาชนขั้นแตกหักในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป้นต้นไป

แต่บังเอิญว่า ทักษิณให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ไปเดินเกม จับมือฮุนเซนมาร่วมก๊วนเสื้อแดงกดดันนายอภิสิทธิ์ โดยการตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษา ตามด้วยกรณีจับกุมวิศวกรไทย ซึ่งแทนที่จะได้คะแนน กลับโดนข้อหา “ชักศึกเข้าบ้าน” และจัดฉากสร้างคะแนนให้ตัวเอง อย่างชนิดที่แก้ตัวไม่ออก จนคะแนนนิยมในตัวทักษิณตกวูบ ขณะที่คะแนนของอภิสิทธิ์ กลับพุ่งขึ้น 3 เท่าตัว

แกนนำเสื้อแดงต้องเสียเวลาปลุกกระแสใหม่ และการนัดชุมนุมใหญ่ช่วงปลายเดือน โดยแกนนำระดับหัวขวด ถึงกับประกาศว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะไม่มีโอกาสอยู่ฉลองปีใหม่ อย่างแน่นอน

แต่เมื่อช่วงการชุมนุมตรงกับวันสำคัญของคนไทยทั้งชาติ คนเสื้อแดงจึงต้องเลื่อนชุมนุมใหฐญ่ออกไปก่อน เหลือเพียงการชุมนุมรำลึกวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม ให้ทักษิณ ชินวัตร วิดีโอลิงก์เพ้อเจ้อถึงรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475

วิดีโอลิงก์ 10 ธันวาคม 2552 เปรียบเหมือนเป็นการวางพิมพ์เขียวการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในปี 2553 โดยทักษิณ ได้เกริ่นถึงยุทธศาสตร์การรุกใหญ่ ในปีเสือ ซึ่งเขาเรียกปีนี้ด้วยภาษาอังกฤษสำนวนเชยๆ ว่า This year is my year ซึ่งเครือข่ายระบอบทักษิณจะรุกฆาตทั้งนอกสภาและในสภา โดยการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงนับล้านคนเพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา รวมถึงการนำปัญหาการทุจริตที่พบอยู่ในแทบทุกกระทรวงมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งทักษิณลั่นวาจาว่า เปิดสภาเมื่อไหร่จะยื่นทันที

แต่การวางยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวควบคู่กันทั้งนอกสภาและในสภา กลับกลายเป็นการลดทอนพลังกันเอง นี่ยังไม่นับถึงความขัดแย้งระหว่างแกนนำม็อบกับแกนนำการต่อสู้ในสภา ที่มักจะวางสนุ้กกันอยู่เสมอ เพราะหากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว มีการชุมนุมใหญ่ควบคู่กันไปด้วย นายกฯ ก็ไม่สามารถยุบสภาได้ ขณะที่การจะเอาชนะโหวตก็ยังไม่มั่นใจนัก เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังประสานประโยชน์กันได้ดีอยู่ ซ้ำยังมีปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยที่ยังหาคนจะมาเสนอชื่อเป็นนายกฯ ไม่ได้ หัวหน้าทีมอภิปรายก็ยังหาไม่ได้

ปรากฏว่า ย่างเข้าสู่เดือนที่ 3 ของปีเสือดุ ทั้งการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง และการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่สามารถเริ่มต้นได้

มีเพียงการชุมนุมแบบชิมลาไปที่เขายายเที่ยง และเขาสอบยดาว ประท้วง “อำมาตย์”บุกรุกทึ่ดินไปตามเรื่องตามราว รวมถึงดาวกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ป.ป.ช. สตช. กองทัพบก กระทรวงกลาโหม เป็นม็อบแดดเดียวที่มีคนร่วมแค่หลักร้อย เป็นการจัดชุมนุมพอเป็นพิธี ไว้ทำรายงานเสนอนายใหญ่เท่านั้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร อันเนื่องมาจากการร่ำรวยผิดปรกติระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา คือ เหตุการณ์สำคัญที่มาทำลายยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของระบอบทักษิณจนเสียกระบวน และทำให้เกิดความลังเลในการกำหนดวันเคลื่อนไหว ซึ่งเดิมวางไว้ที่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่เมื่อตรงกับวันอ่านคำพิพากษา ทำให้แกนนำคนเสื้อแดงต้องเลื่อนการชุมนุมออกไปก่อน เพราะหากนัดชุมนุมใหญ่ในช่วงดังกล่าว จะเท่ากับว่ามีเป้าหมายการชุมนุมเพื่อปกป้องทรัพย์สินของนายใหญ่เท่านั้น

ผลสุดท้ายต้องเลื่อนไปชุมนุมไปเป็นกลางเดือนมีนาคม โดยแกนนำคนเสื้อแดง อ้างเหตุผลว่าเพื่อให้มีเวลาในการใช้ผลของคำพิพากษาไปกระตุ้นอารมณ์ร่วมของคนเสื้อแดงให้คุกรุ่นได้ที่ก่อนจะระดมคนมาชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพมหานครให้ได้ถึง 1 ล้านคน ซึ่งนั่นจะทำให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ต้องมีอันเป็นไปภายใน 7 วัน

แต่การทอดเวลาชุมนุมหลังจากวันตัดสินยึดทรัพย์ไปถึง 2 สัปดาห์ เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมในการมาขับไล่รัฐบาล น่าจะสร้างได้เฉพาะกับคนเสื้อแดงระดัดฮาร์ดคอร์ หรือ กลุ่มรากหญ้า ที่ขาดการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนเท่านั้น แต่ในระดบปัญญาชน หรือคนที่พอมีสติปัญญานั้น เครือข่ายระบอบทักษิณไม่สามารถเข้าไปสร้างอารมณ์ร่วมได้เลย

การที่ทักษิณ ชินวัตร ออกมาตีโพยตีพาย ไม่ยอมรับคำตัดสิน และกล่าวหา ดูหมิ่นศาลต่างๆ นานา โดยไม่สนใจว่าจะทำให้ระบบยุติธรรมของประเทศต้องเสียหายนั้น ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่า การต่อสู้ของทักษิณ มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเป็นใหญ่ คำกล่าวอ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สู้เพื่อต่อต้านเผด็จการ เป็นเพียงสิ่งประดับที่ทำให้การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงบริวารของทักษิณดูดีขึ้นมาเท่านั้น

แถมยังมีเหตุการณ์แทรกซ้อน จากฝ่ายฮาร์ดคอร์ ในกลุ่มคนเสื้อแดง กรณีการขว้างระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพฯ และการประกาศสงครามกลางเมืองล้มล้างอำมาตย์ ผ่านแคมฟร็อก ของ “เคทอง” ยิ่งทำให้เครือข่ายทักษิณเสียแนวร่วมลงไปอีก และกลายเป็นเหตุผลของฝ่ายรัฐที่จะใช้มาตรการเข้มงวดควบคุมการชุมนุมมากขึ้น

ขณะเดียวกัน การประกาศยุทธวิธีระดมรถปั๊กอัพมาจากทั่วประเทศให้ได้ 1 แสนคัน ยิ่งทำให้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงในรอบนี้ ถึงทางตันเร็วขึ้น เพราะหากระดมมาได้ตามจำนวนจริง ย่อมจะทำให้เกิดปัญหาการจราจร การหาที่จอดรถ เสียมวลชนในเมืองกรุงไปอีก แต่ถ้าหากไม่สามารถระดมมาได้จริง ก็ทำให้เห็นว่า พลังคนเสื้อแดงที่บรรดาแกนนำอวดอ้างว่ายิ่งใหญ่นักหนานั้น เป็นเพียงราคาคุยเท่านั้น

และนี่อาจทำให้ทักษิณ ชินวัตร ต้องยอมรับชะตากรรม เลิกใช้การเคลื่อนไหวทางมวลชน เหลือเพียงการใช้ปั่นป่วนในสภา ส่วนการเคลื่อนไหวใต้ดินนั้น ทักษิณต้องคิดหนักว่าจะใช้วิธีนี้หรือไม่ เพราะนั่นจะทำให้ฝ่ายรัฐใช้มาตรการเข้มงวดปราบปรามได้อย่างชอบธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น