xs
xsm
sm
md
lg

วอนสภาผนึกประชาชน กู้วิกฤติชาติ-ต่อต้านแม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อวานนี้(11 ม.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเเผยว่า พรรคมีการหารือของคณะทำงานปฏิบัติการทางการเมือง เห็นว่าปีนี้ ถือว่าเป็นปีที่รัฐบาลสามารถนำความเชื่อมั่นกลับคืนมาสู่ประเทศ หลังจากที่ประเทศชาติได้สูญเสียโอกาส จากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นวันนี้คนไทยไม่ว่าฝ่ายไหน ต้องไม่ทำอะไรที่เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประเทศอีก
ขณะเดียวกันพรรคก็ได้มีการประเมินการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มเสื้อแดง ที่ได้ดำเนินการในลักษณะของการสร้างเงื่อนไข เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และการนำอำนาจกลับคืนมา โดยพยายามสร้างความขัดแยงขึ้นในบ้านเมือง เพราะมองว่าสถาบันองค์มนตรี และรัฐบาลเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการที่จะนำไปสู่ยุทธศาตร์การทวงคืนอำนาจ การพ้นจากความผิดและการได้ทรัพย์โดยไม่ชอบนั้นกลับคืนมา ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ เป็นการดำเนินการบนเงื่อนไขที่ปราศจากความชอบธรรม

นอกจากนี้ พรรคได้มีการประเมินเหตุการณ์ การให้สัมภาษณ์ระหว่างการเตรียมการชุมนุมที่เขายายเที่ยง ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีบทบาทสำคัญในการสร้างสถานการณ์ ตามคำสัมภาษณ์ของโฆษกพรรค ที่อ้างว่ามีการนำผู้ชุมนุมฮาร์ดคอร์ เข้ามาจำนวน 5,000 คน ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง จากภาพปรากฏของที่ชุมนุม เห็นชัดว่ามีการควบคุมสถานที่ค่อนข้างรัดกุม มีการอ้างถึงการเตรียมการปฏิวัติ เพื่อเป็นเงื่อนไขให้เกิดปฏิกิริยาจากผู้ชุมนุม ต่อเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสถานที่ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ส่วนสัญญาณที่นายนพดล ปัทมะ ทนายส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ พูดในนามพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าการต่อสู้จะเข้มข้น บ้านเมืองจะไม่มีวันสงบ และข้อเท็จจริงที่ปรากฎทางสื่อทุกฉบับ และทุกช่อง ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน มีการทำลายรั้วลวดหนาม เพื่อเข้าไปบุกรุกสถานที่เพื่อจัดการชุมนุม มีการใช้เด็กและสตรี คนชรา เป็นโล่มนุษย์เพื่อที่จะหวังผลจากการเผชิญหน้าหากเกิดขึ้น ซึ่งมีความเป็นห่วงว่า จะนำไปสู่การเกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งแนวทางของรัฐบาล คือป้องกัน และรักษาความสงบ ไม่มีการใช้กำลังจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ เป็นอันขาด โดยจะใช้ความอดกลั้น อะลุ่มอะล่วย และการพูดจากับผู้ชุมนุมเป็นสำคัญ

**รวมพลังต้านแม้ว-กู้วิกฤติชาติ

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมวอร์รูมของพรรคมองว่าส่วนนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากเหตุการณ์เดือนเมษายนปีที่ผ่านมา เชื่อว่าจะมีการกระทำเป็นระลอกๆ และการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ เชื่อว่าประชาชนจะปฏิเสธการเข้าร่วม เนื่องจากเงื่อนไขที่หยิบยกขึ้นมา ปราศจากความชอบธรรม ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมาย หรือการอ้างปฏิบัติการของรัฐบาล หรือ การเคลื่อนไหวเพื่อสร้างเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงนั้น เชื่อว่าจะถูกปฏิเสธใน 3 เรื่องคือ
1. ประชาชนปฏิเสธความรุนแรงจากการชุมนุม 2. ประชาชนจะปฏิเสธการปลุกระดม เพื่อสร้างความเกลียดชัง ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ และ 3. ประชาชนจะปฏิเสธการดำเนินการเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด โดยหวังผลว่าจะอยู่เหนือกฎหมาย และเหนือประโยชน์ส่วนรวม
"ขอเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองทุกฝ่าย พรรคการเมืองทุกพรรค รัฐสภา ร่วมกับประชาชนทุกหมู่เหล่า ผนึกกำลังป้องกันไม่ให้ประเทศชาติเข้าไปสู่ความขัดแย้ง และร่วมกันนำการเมืองออกจากวิกฤติการให้จงได้" นพ.บุรณัชย์ กล่าว

**จวก"เสื้อแดง"ทำลายป่า
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เขายายเที่ยงว่า ไม่สมควรอย่างยิ่งที่บุกรุกเข้าไปในที่ป่าสงวน โดยใช้เครื่องจักรกลแผ้วถางทำลายสิ่งแวดล้อมเขตอนุรักษ์ น่าจะรักษาสภาพป่าไว้ แต่คนเสื้อแดงก็พยายามที่จะไปบุกยึดทำลาย และการไปชุมนุมครั้งนี้ ได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาอาศัยอยู่อย่างปกติสุข วันนี้กลับถูกรบกวนจากกลุ่มคนที่หวังผลทางการเมืองเท่านั้น

นายเทพไท คาดว่าการไปชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งนี้ มีจำนวนใกล้เคียงกับที่สำนักงานตำรวจสันติบาลประเมินไว้ที่ 1 หมื่นคน ไม่ถึง 1 แสนคนตามที่ประกาศไว้ ซึ่งเป็นปกติของการชุมนุมที่ต้องการนำตัวเลขไปเบิกจากนายใหญ่ เป็นการหวังผลกำไร ต้องการเงินทอน

**ปฏิเสธขน"ฮาร์ดคอร์"ป่วน
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่า จะมีการขนกลุ่มฮาร์ดคอร์ จาก 3 จังหวัดภาคอีสานเพื่อมาสร้างความวุ่นวาย เป็นการสร้างข่าวใส่ร้ายรัฐบาล ว่ารัฐบาลจะสร้างความรุนแรง ซึ่งไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลจะทำเช่นนั้น เพราะรัฐบาลต้องรับผิดชอบ จึงอยากเตือนพรรคเพื่อไทยว่า ควรกลับไประวังฮาร์ดคอร์ของกลุ่มคนเสื้อแดงมากกว่า เพราะมีความพยายามสร้างความวุ่นวาย แล้วโยนมาเป็นเงื่อนไขของการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ
สำหรับกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาทางกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แถลงข่าวโดยส่งสัญญาณว่า ต่อไปนี้การต่อสู้จะเข้มข้น เป็นการรับสัญญาณมาจากพ.ต.ท.ทักษิณผ่านนายนพดล แต่เชื่อว่าแนวร่วมที่อ้างว่าจะมากขึ้นนั้น ข้อเท็จจริงจะเห็นได้ว่า คนเข้าร่วมการชุมนุมน้อยลง แต่ต้องการที่จะเคลื่อนไหวเพื่อชิงพื้นที่สื่อ เช่น การขับไล่นายกฯ ระหว่างการเปิดงานบางขุนเทียนมินิฮาล์ฟ มาราธอน มีคนเพียง 8 คน บางแห่งก็สิบคน สิบห้าคน ยี่สิบคน กำลังคนที่เข้าร่วมกับพวกเสื้อแดงนับวันจะน้อยลง แต่ความรุนแรงไม่ได้น้อยลง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับนายวีระ มุสิกพงศ์ ประกาศว่า จะเป็นการประกาศเคลื่อนไหวสงครามสุดท้ายเพื่อล้มกลุ่มอำมาตย์ เห็นประกาศสงครามครั้งสุดท้ายอยู่หลายครั้ง ถ้าครั้งนี้ไม่ได้รับสนับสนุนจากประชาชน ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นก็จะอ้างว่าจะชุมนุมจนกว่าจะขับไล่รัฐบาลชุดนี้ได้

**ยัน"แม้ว"ไม่เลิกจาบจ้วงสถาบันฯ
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกณีนายนพดพ พยายามที่จะพาดพิงมายังตนว่า โจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องความไม่จงรักภักดี จาบจ้วงสถาบันฯนั้น ขอเรียนกว่า การพาดพิงทุกครั้ง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณมีพฤติกรรมจาบจ้างจริง มีการบิดเบือนใส่ร้ายรัฐบาล ก็จำเป็นต้องออกมาชี้แจง เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าเป็นจริง เพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ลีลาท่าทางชี้ถึงจิตใต้สำนึก ตั้งแต่กรณีวัดพระแก้ว ใช้ธงทรงพระเจริญต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณลงพื้นที่ การออกรายการวิทยุ และพูดต่อกลุ่มแท็กซี่ การให้สัมภาษณ์ไทม์ ออนไลน์ ล่าสุดประกาศว่าไม่ต้องการให้สังคมไทยมีฐานันดร หรือชนชั้นในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องชี้แจงต่อสังคมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีจิตใต้สำนึกเป็นอย่างไร อยากให้นายนพดล กลับไปบอกเจ้านายของตัว ก่อนที่จะบอกนายอภิสิทธิ์บอกให้ตนหยุดพูด

**อ้างที่ดิน"สุรยุทธ์"มีเพิ่มอีก 6 ไร่
ด้านนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย แถลงหลังการประชุมคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ และการเมืองของพรรคว่า ที่ประชุมหารือถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นปกติของพรรคประชาธิปัตย์ที่ชอบกล่าวหาคนอื่น โดยไม่ได้กลับไปดูตัวเองที่คนเสื้อแดงเห็นว่า ไปปล้นอำนาจมา และปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 49 ต้นตออยู่ตรงนี้
กลุ่มคนเสื้อแดงก็ชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรม และทุ่มเทการต่อสู้จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมกลับมา ทั้งนี้ความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นก็ต้องยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
ส่วนกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีบุกรุกที่ดินบนเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้น มันยิ่งตอกย้ำ 2 มาตรฐาน น่าเห็นใจอัยการว่าตกอยู่ภายใต้ควบคุม หรือไม่ที่วินิจฉัยเป็นอย่างนี้ว่าครอบครองโดยไม่มีเจตนา เป็นการหาทางออกให้ ในความเห็นส่วนตัวได้เสนอต่อที่ประชุมว่า คำสั่งของอัยการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคนเป็นถึงระดับอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มีอำนาจการปราบปรามผู้บุกรุกทำลายป่า ไม่ทราบได้อย่างไรว่า ที่ดินบริเวณนั้นห้ามซื้อขาย มันผิดกฎหมาย และถ้าพิจารณา ดูข้อมูลที่อัยการวินิจฉัย มีแค่ 20 ไร่เท่านั้น แต่ขณะนี้มีข้อมูลเข้ามาใหม่ว่า ที่ดิน บริเวณนั้นมันเพิ่มขึ้นมาอีก 6 ไร่ รวมเป็น 26 ไร่ ดังนั้นน่าจะมีการรวบรวมข้อมูล เป็นคดีใหม่ เพื่อให้อัยการวินิจฉัยว่าจะออกมาอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น