นักวิชาการสายแม้วสุดตื่นตูม!! โผล่เข้าฉากเพื่อไทย ร้องสอบบัญชีดำ “วรพล” อ้างทำลายสมาธิ ซัดทหารยึดอำนาจเกิดการเมืองซ่องโจร เลขาฯ องค์กรชาวพุทธ จี้กราบขอโทษพระสีแดง ยันไม่ห้ามสงฆ์ชุมนุม “เด็จพี่” เต้นเป็นเจ้าเข้า!! จวก “สุเทพ” แฉ 80 ล้านจัดม็อบทำพรรคเสียหาย เล็งถกทีมทนายฟันทิ้ง
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยนายเสถียร วิพรมหา เลขาธิการองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย และนายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เดินทางมายื่นหนังสือที่พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ช่วยสอบถามรัฐบาล กรณีถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนรับหนังสือ พร้อมร่วมกันแถลงข่าว
นายวรพลกล่าวว่า ได้ทราบรายงานข่าวจากสื่อมวลชนว่ามีรายชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์ที่ส่อว่าจะเป็นโทษ คุกคามเอาชีวิต ทำลายสมาธิในการประกอบอาชีพการงาน และเมื่อได้ฟังคำชี้แจงจากผู้มีอำนาจตลอดจนฝ่ายความมั่นคงก็ยังมีความคลุมเครือ ตนมั่นใจว่าความคิด อุดมการณ์ ที่ได้แสดงออกไปล้วนเป็นพฤติกรรมที่เปิดเผย สุจริต ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ยึดมั่นศาสนาพุทธและสถาบันพระมหากษัตริย์ คนที่ทำบัญชีแบล็คลิสต์นี้ขึ้นมาจะต้องเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับสถาบันเหล่านี้ อยากถามว่าตนถูกระบุรายชื่อในบัญชีรายชื่อใดๆ ที่มาจากการปฏิบัติงานของบุคลากรในหน่วยงานหรือองค์กรในสังกัดของรัฐบาลหรือไม่ และหากถูกระบุชื่อโปรดชี้แจงมูลเหตุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ทำให้ต้องมีรายชื่อในบัญชีดังกล่าวด้วย
นายวรพลกล่าวอีกว่า ตั้งแต่การยึดอำนาจปี 2549 เป็นต้นมา สะท้อนให้เห็นว่าบ้านเมืองต้องตกอยู่ภายใต้การเมืองซ่องโจรระดับชาติ ใช้อิทธิพลอันธพาล มีการมั่วสุมกันทำความผิดคุกคาม ทำอันตรายและทรัพย์สินชีวิตผู้อื่นโดยการร่วมกันระหว่างนักการเมือง ทหาร นักวิชาการ เอ็นจีโอ และสื่อมวลชนบางพวก รัฐบาลชุดนี้ได้ปกปิดข้อเท็จจริงบางอย่างที่สำคัญเช่น บัญชีรายชื่อที่รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงระบุว่ามีการติดตามพฤติกรรมบางบุคคล แต่ไม่เปิดเผย ทำให้เกิดความหวาดกลัว ดำเนินการคล้ายกับวิธีของพวกซ่องโจร และอยากไปถึงทหารอาชีพ ให้ตรวจตรากรมกองของตัวเองให้ดี เนื่องจากมีผู้ใช้ประโยชน์จากค่ายทหารไปมั่วสุมกระทำความผิดเป็นซ่องโจร
ด้าน นายเสถียรกล่าวว่า กรณีที่มีรายชื่อพระสงฆ์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่อยู่ในรายชื่อแบล็กลิสต์ และรัฐบาลยังตอบไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ สร้างความเสียหายแก่องค์กรชาวพุทธ อยากให้มีการไปกราบขอโทษพระสงฆ์ที่ทำคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ถ้าใครเป็นผู้กระทำต้องขอประณามว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวร้าย และอาจจะมีมาตรการโต้ฝ่ายที่ขึ้นบัญชีดำด้วยการไม่รับนิมนต์ ไม่ร่วมสังฆกรรมให้ความร่วมมือใดๆ สำหรับการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงนั้น องค์กรชาวพุทธไม่มีการนิมนต์พระมาเกี่ยวข้องกับการชุมนุมใดๆ แต่ไม่รับรองว่าจะมีพระสงฆ์มาด้วยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ซึ่งถ้ามาจริงรัฐบาลต้องดูแล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ
ขณะที่ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุว่า พรรคเพื่อไทยทุ่มเงินวันละ 70-80 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นการพูดโดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง ขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด การใช้ตำแหน่งหน้าที่มากล่าวอ้างดังกล่าวทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหาย ดังนั้น พรรคจะหารือกับทีมกฎหมายเพื่อเอาผิดนายสุเทพในฐานะนักการเมืองที่มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาใส่ร้ายป้ายสี ในความผิดมาตรา 104 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โทษจำคุกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งและนำไปสู่การยุบพรรคได้
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยนายเสถียร วิพรมหา เลขาธิการองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย และนายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เดินทางมายื่นหนังสือที่พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ช่วยสอบถามรัฐบาล กรณีถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนรับหนังสือ พร้อมร่วมกันแถลงข่าว
นายวรพลกล่าวว่า ได้ทราบรายงานข่าวจากสื่อมวลชนว่ามีรายชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์ที่ส่อว่าจะเป็นโทษ คุกคามเอาชีวิต ทำลายสมาธิในการประกอบอาชีพการงาน และเมื่อได้ฟังคำชี้แจงจากผู้มีอำนาจตลอดจนฝ่ายความมั่นคงก็ยังมีความคลุมเครือ ตนมั่นใจว่าความคิด อุดมการณ์ ที่ได้แสดงออกไปล้วนเป็นพฤติกรรมที่เปิดเผย สุจริต ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ยึดมั่นศาสนาพุทธและสถาบันพระมหากษัตริย์ คนที่ทำบัญชีแบล็คลิสต์นี้ขึ้นมาจะต้องเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับสถาบันเหล่านี้ อยากถามว่าตนถูกระบุรายชื่อในบัญชีรายชื่อใดๆ ที่มาจากการปฏิบัติงานของบุคลากรในหน่วยงานหรือองค์กรในสังกัดของรัฐบาลหรือไม่ และหากถูกระบุชื่อโปรดชี้แจงมูลเหตุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ทำให้ต้องมีรายชื่อในบัญชีดังกล่าวด้วย
นายวรพลกล่าวอีกว่า ตั้งแต่การยึดอำนาจปี 2549 เป็นต้นมา สะท้อนให้เห็นว่าบ้านเมืองต้องตกอยู่ภายใต้การเมืองซ่องโจรระดับชาติ ใช้อิทธิพลอันธพาล มีการมั่วสุมกันทำความผิดคุกคาม ทำอันตรายและทรัพย์สินชีวิตผู้อื่นโดยการร่วมกันระหว่างนักการเมือง ทหาร นักวิชาการ เอ็นจีโอ และสื่อมวลชนบางพวก รัฐบาลชุดนี้ได้ปกปิดข้อเท็จจริงบางอย่างที่สำคัญเช่น บัญชีรายชื่อที่รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงระบุว่ามีการติดตามพฤติกรรมบางบุคคล แต่ไม่เปิดเผย ทำให้เกิดความหวาดกลัว ดำเนินการคล้ายกับวิธีของพวกซ่องโจร และอยากไปถึงทหารอาชีพ ให้ตรวจตรากรมกองของตัวเองให้ดี เนื่องจากมีผู้ใช้ประโยชน์จากค่ายทหารไปมั่วสุมกระทำความผิดเป็นซ่องโจร
ด้าน นายเสถียรกล่าวว่า กรณีที่มีรายชื่อพระสงฆ์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่อยู่ในรายชื่อแบล็กลิสต์ และรัฐบาลยังตอบไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ สร้างความเสียหายแก่องค์กรชาวพุทธ อยากให้มีการไปกราบขอโทษพระสงฆ์ที่ทำคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ถ้าใครเป็นผู้กระทำต้องขอประณามว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวร้าย และอาจจะมีมาตรการโต้ฝ่ายที่ขึ้นบัญชีดำด้วยการไม่รับนิมนต์ ไม่ร่วมสังฆกรรมให้ความร่วมมือใดๆ สำหรับการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงนั้น องค์กรชาวพุทธไม่มีการนิมนต์พระมาเกี่ยวข้องกับการชุมนุมใดๆ แต่ไม่รับรองว่าจะมีพระสงฆ์มาด้วยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ซึ่งถ้ามาจริงรัฐบาลต้องดูแล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ
ขณะที่ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุว่า พรรคเพื่อไทยทุ่มเงินวันละ 70-80 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นการพูดโดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง ขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด การใช้ตำแหน่งหน้าที่มากล่าวอ้างดังกล่าวทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหาย ดังนั้น พรรคจะหารือกับทีมกฎหมายเพื่อเอาผิดนายสุเทพในฐานะนักการเมืองที่มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาใส่ร้ายป้ายสี ในความผิดมาตรา 104 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โทษจำคุกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งและนำไปสู่การยุบพรรคได้