xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ดิ้นเฮือกสุดท้าย ปลุกระดมป่วนบีบยุบสภา-พลิกฟ้า!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

นาทีนี้หากจะเรียกว่า ทักษิณ ชินวัตร กำลังเดินเข้ามุมอับเรื่อยๆ คงไม่ผิดนัก โดยเฉพาะหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายึดทรัพย์จำนวน 4.63 หมื่นล้านบาท ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือกว่า 5 ชั่วโมงที่มีการชี้แจงถึงที่มาที่ไปลำดับเหตุการณ์ การทุจริต ฉ้อฉล โกงชาติโกงแผ่นดินอย่างไรบ้าง

เป็นการเปิดโปงให้เห็นถึงพฤติกรรมชั่วอย่างเป็นทางการ เหมือนกับการถูกจับเปลือยกายล่อนจ้อนต่อหน้าชาวบ้านทั้งประเทศได้เห็นกันจะจะ

ผลจากคำพิพากษาดังกล่าวแม้ว่าจะไม่ได้ยึดทรัพย์หมดทั้งก้อนคือ 7.6 หมื่นล้านบาทตามที่อายัดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ยังมีก๊อกสองที่จะตามมานั่นคือในเรื่องของการเสียภาษีที่ถูกแช่แข็งเอาไว้อีกจำนวนประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท

ที่สำคัญที่สุดจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาตามมาอีกเป็นพรวน เพราะในคำพิพากษาได้ชี้ช่องความผิดเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อนก็ไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจำนวนเงินและคดีอาญาที่จะตามมานี่แหละที่ทำให้ ทักษิณ กำลังคลุ้มคลั่งอยู่ในเวลานี้ ขณะเดียวกัน ความเสียหายต่อรัฐที่ก่อเอาไว้มีจำนวนมากกว่าจำนวนเงินที่เหลือทอนจากจำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทไม่รู้กี่เท่า

ความเป็นจริงดังกล่าวนี่แหละที่ทำให้ ทักษิณ อยู่ไม่เป็นสุข และเคลื่อนไหวตอบโต้ทันที โดยเน้นเป้าหมายเพื่อทำลาย “ความชอบธรรม” ของศาลเป็นหลัก แม้ว่าก่อนหน้าที่จะมีคำพิพากษาออกมา ทักษิณ และกลุ่มคนในสังกัดทั้งหมดต่างออกมายืนยันตรงกันว่าจะยอมรับในคำตัดสินก็ตาม

แต่เมื่อผลออกมาเป็นลบ ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้ทักษิณ ควันออกหูและส่งเริ่มสัญญาณป่วนทันที เพราะนาทีแรกที่สิ้นเสียงคำพิพากษายึดทรัพย์เขาก็แต่งชุดดำประชดพร้อมกับบริภาษด้วยถ้อยคำรุนแรงชนิดที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เช่น “ถูกปล้น” และ “มีใบสั่ง” รวมไปถึงการกล่าวหาในทำนองว่า “ตั้งธงเอาไว้ล่วงหน้า” และการพิพากษาโดยใช้กฎหมายคณะรัฐประหาร เป็นต้น

จากนั้นก็ใช้คำพูดปลุกระดมชาวบ้านให้ออกมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มีนาคม โดยอ้างว่าเพื่อทวงถามความยุติธรรมและประชาธิปไตย ซึ่งเป้าหมายของการโจมตีนอกเหนือจากรัฐบาลแล้ว ยังคงเน้นไปที่ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งกลุ่มของพวกเขาทำให้เป็นสัญลักษณ์ของ “อำมาตย์” หรือ “อภิสิทธิชน” พร้อมๆไปกับการยื่นถอดถอนองค์คณะผู้พิพากษาตัดสินคดี

อย่างไรก็ดี สิ่งที่หลายฝ่ายเป็นห่วงก็คือ การชุมนุมในครั้งนี้ได้ส่อเค้าจะเกิดความรุนแรงและเป็นความรุนแรงที่มีความจงใจให้เกิดโกลาหล ซึ่งเริ่มมีสัญญาณให้เห็นมาแล้วประปรายมาก่อนวันพิพากษาในกรณีการลอบยิงเอ็ม 79 ที่ริมรั้วมหาวิทยาลัยราชมงคลวิทยาเขตพาณิชย์พระนครที่อยู่ตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล รวมไปถึงการซุกระเบิดด้านข้างอาคารที่ทำงานศาลฎีกาก็ตาม

จากนั้นก็ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดที่ธนาคารกรุงเทพสาขาต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวน 4 จุด ซึ่งดูเหมือนต้องการเชื่อมโยงข่มขู่ไปถึง พล.อ.เปรม ที่ก่อนหน้านี้คนเสื้อแดงได้เคยไปชุมนุมต่อต้านมาเป็นระยะ

สัญญาณอันตรายที่น่าจับตาก็คือ การออกมาข่มขู่ว่าจะเกิดเหตุร้ายจากคนสนิทของคนที่เรียกชื่อว่า “เคทอง” คนสนิท “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล มีการระบุว่าจะเกิดระเบิดที่นั่นที่นี่เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้บ้านเมืองจนไม่สามารถควบคุมได้ ขณะเดียวกันยังมีรายงานข่าวในเรื่องของการขู่ทำร้ายบุคคลสำคัญและบุคคลที่อยู่ในเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดมชาวบ้านในต่างจังหวัด ผ่านทางหัวคะแนนและ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเพื่อระดมคนเข้ามาในกรุงเทพฯเพื่อร่วมชุมนุมใหญ่

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดความหวาดวิตกให้กับสังคม เนื่องจากเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงเดือนเมษายน

อย่างไรก็ดี แม้ว่ายังมีหลายฝ่ายที่เชื่อว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่จะเกิดขึ้นตามคำร้องขอของ ทักษิณ จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ เพราะนี่คือการเคลื่อนไหวที่ไม่เคารพคำพิพากษา ไม่เคารพกติกาที่ทุกคนก็ต้องยอมรับ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

แต่ถึงจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนจำนวนมาก แต่ก็ยังถือว่าด้วยปริมาณจำนวนคนที่ยังพอระดมกันออกมาได้ก็น่าจะสร้างความปั่นป่วนได้จนน่ากลัวได้เหมือนกัน เพราะหาก “จงใจ” ให้เกิดเหตุเพื่อบีบให้ดำเนินการในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว นาทีนี้ก็ย่อมถือว่าทำได้ทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการ

หากประเมินกันในเวลานี้เชื่อว่าสิ่งที่ ทักษิณปรารถนาก็คือ อยากได้ทรัพย์สินและอำนาจกลับคืนมา ซึ่งวิธีการเฉพาะหน้าก็คือต้องบีบให้นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาโดยเร็วที่สุดแล้วเข้าสู่สนามเลือกตั้งและมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งกลับมากุมอำนาจรัฐ เมื่อถึงตอนนั้นก็ฝันว่าสามารถทำได้ทุกอย่าง

ส่วนเป้าหมายต่อไปหากการชุมนุมในครั้งนี้เมื่อทำทุกวิถีทางมีการทุ่มเทใส่ท่อน้ำเลี้ยงให้ไหลลื่นจริง สามารถระดมคนเข้ามาได้ตามเป้า สถานการณ์ก็อาจจะเลยเถิดไปถึงขั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิด “พลิกฟ้า” กันเลยทีเดียว หากสังเกตจากการมุ่งถล่ม พล.อ.เปรม อย่างหนักหน่วง นั่นคือต้องการกระทบชิ่งให้ “เหนือ” ขึ้นไปเพื่อกดดันให้ “อภัยโทษ” ความผิดทั้งหมด

แม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวเป็นความฝันของทักษิณ ที่กำลังหน้ามืดและคลุ้มคลั่งจนแทบจะฟั่นเฟือนไปแล้ว แต่อาการของคนแบบนี้แหละที่น่ากลัวที่ทุกคนในสังคมจะต้องช่วยกันหาทางยับยั้งป้องกัน ไม่ควรประมาทเป็นอันขาด แม้ว่านี่คือการดิ้นรนครั้งสุดท้ายแล้วก็ตาม!!


กำลังโหลดความคิดเห็น