xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดท่อน้ำเลี้ยงม็อบแดงเกมที่รัฐบาลประมาทไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การประกาศสงครามครั้งสุดท้ายของ"ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ปลุกระดมม็อบเสื้อแดงทั่วประเทศ ให้ออกมาต่อสู้ล้มรัฐบาลบน "วาทะกรรมลวงโลก"ที่ "แดงตัวพ่อ" ฝังความคิดให้ออกมาต่อสู้ทวงคืนประชาธิปไตย ขับไล่อำมาตย์ กำจัดระบบสองมาตรฐาน จะว่าไปแล้วหลักการทั้งหลายแหล่ที่เอ่ยอ้างมานั้น ก็พอฟังได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็แล้วแต่สังคมคนส่วนใหญ่ก็รู้ถึง"พฤติกรรมแฝง" ว่าการรวมพลของ "คนเสื้อแดง"ไม่ได้ต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้น แต่ออกมาเพื่อต่อสู้เพื่อคนคนเดียว ซึ่งขัดหลักการอย่างประชาธิปไตยที่แท้จริง หนำซ้ำยังมี"เป้าหมาย"มากกว่าแค่กดดันให้รัฐบาลยุบสภา

ศึกครั้งใหญ่เพื่อล้มล้างกดดันให้รัฐบาลประกาศยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้ ทักษิณและบรรดาลูกหาบ 3 เกลอได้ประกาศข่มขวัญรัฐบาลว่าจะมีประชาชนออกมานับล้านคน ในภารกิจ"แดงทั้งแผ่นดิน "แต่สุดท้ายแล้วก็ระดมคนเสื้อแดงจากทั่วประเทศได้เพียง 1 แสนกว่าคนนั้น ยังถือว่าเสียรังวัดอยู่พอสมควร

ซ้ำร้ายเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละวัน จากการรายงานข่าวของสำนักข่าวจากสื่อไทยและต่างประเทศ ที่ยังคงจับตาดูการชุมนุมขับไล่กดดันรัฐบาล ได้รายงานตัวเลขผู้ร่วมชุมนุมในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง พบว่ามวลชนกลับลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะแนวทางการต่อสู้ทางการเมืองที่กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังทำอยู่นั้นเป็นแค่การออกมาต่อสู้ให้กับนักโทษเพียงคนเดียวเท่านั้น เมื่อคนเสื้อแดงทั้งหลายไม่ได้ออกมาด้วยใจและจิตวิญญาณทางการเมืองที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มาด้วยความชอบธรรมเพื่อบ้านเมืองที่แท้จริง

แน่นอนว่าเมื่อไม่ได้ออกมาด้วยใจก็ต้อง อาศัย "ปัจจัย" เป็นธรรมดา

หลักฐานชัดเจนอีกประการหนึ่งยังมีภาพที่ปรากฏชัดเจนอย่างโจ๋งครึ่ม ที่จังหวัดนครพนม ในรายการ "แจกจริงจ่ายจริง" โดยมีการจ่ายเงินม็อบเป็นเงินสดคนละ 2,000 บาท ซึ่งมีการเซ็นชื่อกำกับกันการมั่วนิ่มอย่างเป็นระบบ

ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลเอง ได้ออกมาปูดถึงกระแส"ท่อน้ำเลี้ยง"จากต่างประเทศที่คอยหล่อเลี้ยงม็อบให้ออกมาขับไล่รัฐบาลในก๊อกแรก ซึ่งรัฐบาลเปิดเกมรุกโดยการส่งโฆษกรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร ที่มีภาพลักษณ์และฐานะทางสังคม ในระดับที่ประชาชนให้ความเชื่อถืออยู่พอสมควร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้ทาง ป.ป.ง.และดีเอสไอ ติดตามเฝ้าดูเส้นทางการเงินอีกทางหนึ่ง โดยต่อมาจากการตรวจสอบพบว่ามีกลุ่มเป้าหมายใหญ่ 3 กลุ่มที่ต้องติดตามเป็นชาวไทย 16 ราย ต่างชาติ 10 ราย มีการทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติและพุ่งเป้าตรวจสอบไปที่กลุ่มนักการเมืองในประเทศ นักการเมืองต่างประเทศ และกลุ่มผู้มีประวัติความผิดฐานฟอกเงิน

จากนั้นกระแสข่าวดังกล่าวยังถูกสำทับให้มีน้ำหนักมากขึ้นไปอีกจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาปูดว่ามีนักธุรกิจการเมือง 3 คน อักษรย่อ พ.-ส.-ป. นายทุน นักธุรกิจการเมืองที่เป็นเครือข่ายคนใกล้ชิดกับทักษิณ คอยปฏิบัติการส่งเงินมาหนุนม็อบให้ออกมาขับไล่รัฐบาล

กระแสข่าวจึงถูกโฟกัสไปนายทุนที่อยู่ในเครือข่ายของทักษิณซึ่งบุคคลที่ถูกกล่าวถึง อักษรย่อ พ. หนีไม่พ้น พายัพ ชินวัตร น้องชายทักษิณ ในฐานะประธาน ส.ส.ภาคอีสาน เพราะก่อนที่จะเคลื่อนพลนำกำลังเสื้อแดงอีสานบุกกรุง มีการประชุมกันเตรียมความพร้อมของ ส.ส.เพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงภาคอีสาน โดยในที่ประชุมยังมีการขอเงินสนับสนุนม็อบจากนายพายัพ เป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท ท้ายสุดแล้วก็จบลงที่ให้ ส.ส.แกนนำภาคอีสานสำรองจ่ายไปก่อน เป็นประเด็นที่สร้างความขุ่นเคืองไม่น้อยต่อแกนนำ ส.ส.ภาคอีสานและแกนนำเสื้อแดง

อักษรย่อ ส. - สันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.จังหวัดเพชรบูรณ์หลายสมัย ดีกรีเคยเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แต่บทบาทที่แท้จริงในพรรคพลังประชาชน นอกจากเป็น ส.ส.สัดส่วนกลุ่มภาคเหนือตอนล่างแล้ว ยังแปะยี่ห้อ"นายทุนพรรค"ตัวจริง พ่วงท้าย ซึ่งการเลือกตั้งหลังรัฐประหารในปี 2550 ที่พรรคพลังประชาชนเถลิงอำนาจเป็นรัฐบาลสำเร็จ ส่วนหนึ่งก็มาจาก"ท่อน้ำเลี้ยง"ของเขา และยังถือเป็นตัวตายตัวแทนซี้ตัวจริงของทักษิณอย่าง "เฮียเพ้ง"พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ที่ถูกแช่แข็งทางการเมืองติดหล่มอยู่ในซากนักการเมือง 111 ศพ ที่ถูกศาลตัดสินยุบพรรคไทยรักไทยไป

อักษรย่อ ป. ถูกโฟกัสไปที่ ประยุทธ มหากิจศิริ หรือ"เจ้าสัวเป้า" เจ้าพ่อเนสกาแฟ ที่มีความสนิทชิดเชื้อกับทักษิณ ชินวัตร ซึ่งโด่งดังคับฟ้าอย่างยิ่งในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย เคยเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มีภาพปรากฏบ่อยครั้งในการร่วมออกรอบตีกอล์ฟกันในก๊วนรัฐบาลยุคนั้นอีกทั้งสังคมยังทราบกันดีถึงความสนิทแนบแน่นของทั้ง 2 ตระกูล ในยุคนั้น ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เฉลิมชัย มหากิจศิริ หรือ กึ๊ง ยังถูกผลักดันได้แต่งตั้งถึงตำแหน่งรองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ 2/1 ท่ามกลางเสียงครหาดังระงม อย่างไรก็ตาม ประยุทธ มหากิจศิริ ยังถูกจับตาใน ประเด็นส่งท่อน้ำเลี้ยง เพราะรู้กันดีในวงการตลาดหุ้นว่า "เจ้าสัวเป้า" เป็นขาใหญ่ในตลาดหุ้น ซึ่งเคยได้รับการจัดสรรหุ้นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลทักษิณมีนโยบายแปรรูปอย่างเป็นกอบเป็นกำ

ถือว่าเหนือความคาดหมายอยู่พอสมควรที่ม็อบเสื้อแดง ยังคงยืนหยัดมาได้หลายวันที่รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะชุมนุมยืดเยื้อได้ไม่ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ตัวเลขผู้ชุมนุมนั้นก็ไม่ได้มีจำนวนมากเท่าวันแรกที่ชุมนุม ซึ่งทาง พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่าผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่เหลืออยู่เหลือเพียงประมาณไม่เกิน 3 หมื่นคนเท่านั้น

"โรคท่อน้ำเลี้ยงตีบตัน" เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ม็อบเสื้อแดงออกอาการล่อแหล่ หร่อยหรอ อยู่ในสภาพจวนอยู่เจียนไปถึงขนาดว่า พจมาน ณ ป้อมเพชร ลงทุนต่อสายสั่งการโดยตรงกับ ส.ส.เพื่อไทย ให้เปิดท่อน้ำเลี้ยง ก๊อก 2 ว่ากันว่ารอบนี้ค่าใช้จ่ายจากการระดมทุนให้ม็อบตกวันละ 100 ล้านบาท จึงทำให้ม็อบสภาพใกล้หมดอายุยังมีแรงฮึดอยู่ขย่มรัฐบาลต่อไป

ล่าสุดมีกระแสข่าวมาอีกว่าจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ตรวจพบบริษัทโพยก๊วนหรือบริษัทเปิดรับแลกเปลี่ยนเงิน มีผู้นำเงิน 1,500 ล้านบาทจากนอกประเทศมาฝากไว้ที่ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ต่อมามีตัวแทนคนไทยที่ได้ประสานไว้แล้วไปเบิกเงินไปงวดแรก 500 ล้านบาท จากบริษัทโพยก๊วนเถื่อนในเมืองไทย โดยเบื้องต้นได้สั่งสะกัดเงินที่คาดว่าจะพัวพันน้ำเลี้ยงม็อบเสื้อแดงแล้วสำหรับผลการตรวจสอบบัญชี นาย พ.-นาย.ส.-นายป. ที่เคยถูกจับตา ยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด

แต่บนหลักความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่รัฐบาลจะลากตัวคนที่ส่งเงินสนับสนุนม็อบเสื้อแดง ไม่ว่าจะจากทางต่างประเทศหรือกลุ่มนักการเมือง นักธุรกิจการเมือง เพราะบุคคลที่ตกเป็นข่าวเป็นนักธุรกิจการเมืองระดับเขี้ยวลากดินทั้งหลาย มักจะไม่ทำธุรกรรมในบัญชีของตัวเองให้เกิดการพิรุธ ซึ่งอาจใช้วิธีหลบเลี่ยงเช่นใช้ "นอมินี" แทนได้ รวมไปถึงยังมีช่องทางหลบเลี่ยงการโอนเงิน เช่นใช้แหล่งเงินทุนที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขาย-โอนหุ้น กันอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ยากแก่การติดตาม

อีกทั้งหน่วยงานราชการทั้ง ป.ป.ง.และดีเอสไอ ในเรื่องการที่เข้าไปดำเนินการเอาผิดได้นั้นต้องอาศัยระยะเวลาอยู่พอสมควร เพราะการตรวจสอบหาหลักฐานชัดๆที่จะระบุว่าใครทำนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายหรือกว่าจะจับได้ผู้ชุมนุมคงสลายกลับไปกันหมดแล้ว

ปัญหาจึงอยู่ที่รัฐบาลจะใช้วิธีใดในการจัดการสกัดท่อน้ำเลี้ยง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น จึงประมาทไม่ได้ในสภาวะที่ "ทักษิณ ชินวัตร" หมดทางเลือกให้ตัวเองน้อยลงไปทุกขณะ



กำลังโหลดความคิดเห็น