xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : “ทักษิณ-ลิ่วล้อ” ส่อไร้ “หลักฐานใหม่” อุทธรณ์ยึดทรัพย์!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน(26 ก.พ.)
อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน

ขณะนี้ “ทักษิณ” และทีมทนายความ รวมทั้งฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กำลังพยายามหาช่องอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ เพื่อให้ได้เงิน 4.6 หมื่นล้านคืน หลัง รธน.2550 เปิดช่องให้ว่า ถ้ามีหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริงใหม่ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่คดี สามารถยื่นขอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีนี้ใหม่ได้ แต่ไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณและผู้สนับสนุนเข้าใจอะไรผิดหรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่ ที่คิดจะยกคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับการยึดทรัพย์สมัย รสช.และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่รับรองว่า การออก พ.ร.ก.แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ชอบด้วยกฎหมายแล้ว มาคัดง้างคำพิพากษายึดทรัพย์ทักษิณ ทั้งที่ 2 กรณีดังกล่าวเป็นเรื่อง “ข้อกฎหมาย” หาใช่หลักฐานที่เป็น “ข้อเท็จจริงใหม่”

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์กว่า 4.6 หมื่นล้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณกระทำการซุกหุ้นและใช้อำนาจในตำแหน่งนายกฯ ออกนโยบายและแก้ไขกฎหมายเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจชินคอร์ปและบริษัทในเครือ ปรากฏว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ-แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ไม่เว้นแม้กระทั่งแกนนำพรรคเพื่อไทย อย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค ต่างออกมาดิสเครดิตผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ที่ตัดสินคดีนี้เป็นการใหญ่

โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เพียงกล่าวหาว่าศาลถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อจัดการทางการเมือง(หรือจัดการตน) แต่ยังอ้างด้วยว่าการที่ศาลพิพากษายึดทรัพย์ตน ก็ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย พูดง่ายๆ ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองผิด ทุกอย่างคนอื่นผิดหมด ไม่เว้นแม้แต่ศาล

ด้าน แกนนำเสื้อแดง (นายจตุพร พรหมพันธุ์) ก็ออกมาขู่จะล่าชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อเพื่อถอดถอนองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ทั้ง 9 คนที่ตัดสินคดียึดทรัพย์ โดยหาว่าผู้พิพากษาทำผิด รธน.มาตรา 216 วรรค 5 ที่ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยแล้วว่า พ.ร.ก.แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตที่ออกในสมัยรัฐบาลทักษิณ เป็น พ.ร.ก.ที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว และว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วถือเป็นเด็ดขาด

ขณะที่ แกนนำพรรคเพื่อไทย ก็ไม่น้อยหน้า โดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค ได้นำทีมเปิดแถลงปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยกล่าวหาว่าการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ เป็นการกลั่นแกล้ง เลือกปฏิบัติ และลุแก่อำนาจ พร้อมอ้างว่า การยึดทรัพย์ครั้งนี้เป็นผลพวงจากการรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.2549 และทำลายรัฐธรรมนูญ 2540 รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

แต่ พล.อ.ชวลิตและพรรคเพื่อไทยคงลืมไปว่า ถ้าตอนนี้ยังใช้ รธน.2540 อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่มีสิทธิอุทธรณ์หรือขอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีนี้ใหม่ได้เลย เมื่อถูกศาลพิพากษายึดทรัพย์ ก็คือจบ แต่ รธน.2550 ที่ใช้อยู่ในขณะนี้ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ-พรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงอ้างว่า เป็น รธน.ฉบับ คมช. รธน.เผด็จการนั้น กลับเปิดช่องให้จำเลยที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษ สามารถยื่นพยานหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริงใหม่ที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่คดี เพื่อให้ศาลฎีกาฯ หยิบคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้

ซึ่งฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (เช่น นายประเกียรติ นาสิมมา) ก็เริ่มหาช่องอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว โดยจะยกกรณีที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2536 ว่า ประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ฉบับที่ 26 ที่ตั้ง คตส.ขึ้นมาสอบสวนและยึดทรัพย์นักการเมืองในสมัยนั้นตกเป็นของแผ่นดิน ถือเป็นการออกและใช้กฎหมายที่ขัดต่อธรรมนูญการปกครอง พ.ศ.2534 จึงใช้บังคับไม่ได้ เพราะเป็นการตั้งบุคคลที่ไม่ใช่ศาลมาทำการเช่นเดียวกับศาล

เพื่อความชัดเจนว่า ข้ออ้างของฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย และข้ออ้างของแกนนำเสื้อแดงจะสามารถหักล้างคำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ ที่พิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณได้หรือไม่ หรือสามารถยกเป็นหลักฐานใหม่ข้อเท็จจริงใหม่ให้ศาลนำคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้หรือไม่ ลองมาฟังคำตอบจากนักวิชาการทั้งด้านกฎหมาย-ด้านรัฐศาสตร์ และอดีต คตส.ดู

ทั้งนี้ อดีต คตส.ท่านหนึ่ง(ขอปกปิดนาม) พูดถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ด้วยการยกคำวินิจฉัยของศาลฎีกาสมัย รสช.มาหักล้างคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งกรณีที่มีการอ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า การออก พ.ร.ก.แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต เป็นสิ่งที่ชอบด้วย รธน.แล้วว่า การจะให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดียึดทรัพย์ใหม่ได้ จะต้องมีข้อเท็จจริงใหม่เท่านั้น ไม่ใช่ประเด็นข้อกฎหมายที่มีการยกมาพูดกัน เช่น คดีฆ่าเชอร์รี่ แอน ถ้าได้ความว่ามีคนฆ่าอีกคน ไม่ใช่คนนี้ ก็ต้องพิจารณาใหม่ ส่วนคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ หากจะขอให้ศาลพิจารณาใหม่ จำเลยก็ต้องมีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใหม่ เช่น ได้หลักฐานจากธนาคารมารับรองว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ซุกหุ้น การโอนหุ้นต่างๆ ลูกเป็นคนสั่งการทั้งหมด ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าหาหลักฐานมารับรองไม่ได้ มีแต่เรื่องข้อกฎหมายที่พยายามยกมาอ้างเท่านั้น ต่อให้ยื่นศาลฎีกาฯ ไป ศาลก็ไม่รับ

ด้าน อ.คมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช บอกกับวิทยุ ASTVผู้จัดการว่า ข้ออ้างเรื่องที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยกรณียึดทรัพย์สมัย รสช. และเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ชอบด้วย รธน.แล้วนั้น ไม่สามารถนำมาหักล้างหรือขอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดียึดทรัพย์ใหม่ได้ เพราะ คตส.ที่แต่งตั้งโดย คมช.ไม่ได้ใช้อำนาจแทนศาลเหมือน คตส.สมัย รสช.

“ช่วง รสช.ในช่วงนั้นปี 34 รธน.ไม่พูดเรื่องหลักเกณฑ์การยึดทรัพย์ไว้ มีแต่อยู่ในกฎหมาย ป.ป.ป. พอไปบัญญัติกฎหมายไว้ เป็นประกาศ รสช.26 แยกต่างหากจากกฎหมาย ป.ป.ป. ก็ไม่ได้ใช้กระบวนการตามกฎหมาย ป.ป.ป. และไม่ได้ใช้กระบวนการตาม รธน.ที่ให้อำนาจ ซึ่งหมายความว่า ศาลของ กม.มันไม่มีความแน่ชัด และไปให้คณะกรรมการซึ่งไม่ใช่ศาล ให้มีอำนาจวินิจฉัยแบบศาล อันนี้ก็คงจะยกประเด็นตรงนี้ไม่ได้ ศาลวินิจฉัยตรงนั้นก็ถูกต้อง แต่กรณีการยึดทรัพย์ของคุณทักษิณเนี่ย มันมีฐานของ รธน.อยู่แล้ว และมีฐานของ พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต คตส. ขณะนั้นทำหน้าที่เสมือนเป็น ป.ป.ช.คล้ายกับ ป.ป.ช. และการยึดทรัพย์ใช้กระบวนการตามกฎหมายของ ป.ป.ช.ด้วย เพราะฉะนั้นฐานของกฎหมาย สำหรับกรณีของคุณทักษิณเนี่ยจะไปยกเรื่องเก่าสมัย รสช.26 เนี่ย มันยกไม่ได้หรอก เพราะ รธน.มันกำหนดประเด็นเรื่องการยึดทรัพย์ไว้ และกฎหมาย ป.ป.ช.ก็กำหนดเรื่องการยึดทรัพย์ไว้ด้วย ประเด็นที่จะอ้างว่ามีคณะกรรมการทำหน้าที่เหมือนศาล แบบนั้นคงไม่ใช่ เพราะ คตส.ทำหน้าที่สอบสวนอย่างเดียว อันนี้ความแตกต่างค่อนข้างเยอะ”

“(ถาม-กรณีที่ศาล รธน.เคยเห็นชอบกรณี พ.ร.ก.เกี่ยวกับการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตไปแล้ว?) คือเรื่อง พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิตเนี่ย ถูกต้องฮะ ศาลเห็นชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่า การกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายจะไม่เอื้อประโยชน์นะ มันคนละประเด็นนะ ถึงแม้จะมีการกระทำที่เอื้อกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ผิดกฎหมาย คนละกรณี เพราะถ้าทำแล้ว ใช้อำนาจตามกฎหมายเนี่ย ก็เลยผิด กม.ก็ยังเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นในบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญาอันหนึ่งบอกว่า เจ้าพนักงานผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยทุจริตหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ในกฎหมายเองเขาบอกว่า แม้แต่การปฏิบัติตามกฎหมายแต่ทุจริต คือทำให้มีการแสวงหาประโยชนอันมิควรได้ ก็ยังผิด ไม่ได้หมายความว่า พ.ร.ก.ถูกต้องแล้ว การกระทำเกี่ยวกับ พ.ร.ก.จะไม่ผิด หรือการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนการออก พ.ร.ก.จะไม่ผิด ผมคิดว่ามันคนละประเด็นกัน (ถาม-คือศาล รธน.ดูว่ามันชอบด้วย รธน.แต่ไม่ได้ดูว่ามันเอื้อประโยชน์หรือเปล่า?) ใช่ ถูกต้อง ศาล รธน.ไม่ได้บอกว่าการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนการมี พ.ร.ก.น่ะขัด รธน.หรือเปล่านะ เพราะศาล รนธ.วินิจฉัยเรื่อง รธน. เพราะฉะนั้นเมื่อเงื่อนไขของการตรา พ.ร.ก.ชอบ ศาลก็ต้องบอกว่าชอบ แต่การกระทำก่อนการออก พ.ร.ก.หรือผลประโยชน์ที่ได้รับในภายหลัง มันเรื่องอาญา ไม่ใช่ประเด็นเรื่อง รธน. หมายความว่า ถึงแม้ พ.ร.ก.จะชอบ การกระทำก็อาจผิดกฎหมายได้”


ขณะที่ รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พูดถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย จะหักล้างคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการยกกรณีศาลฎีกาเมื่อปี 2536 เคยพิพากษาว่า การยึดทรัพย์สมัย รสช.ไม่ชอบ เพราะ รสช.ตั้ง คตส.มาทำหน้าที่เหมือนศาลว่า การทำหน้าที่ของ คตส.ที่ตั้งโดย คมช.นั้น ศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้วว่า คตส.มีอำนาจตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐได้ ส่วนฝ่ายที่คัดค้านว่า คตส.ตั้งมาโดยไม่ชอบ เพราะมาจากรัฐประหารนั้น คงมองในแง่ว่า การรัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม แต่ก็ต้องถามกลับว่า แล้วถ้าไม่มีรัฐประหาร ไม่มีกฎหมายของ คปค. ไม่มี คตส. จะมีอะไรทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบได้ เพราะช่องทางและหน่วยงานต่างๆ ถูกแทรกแซงและครอบงำหมด

“มันก็ต้องตั้งคำถามว่า ถ้าไม่มีรัฐประหาร ไม่มีกฎหมายของ คปค. ไม่มี คตส.เนี่ย คุณทักษิณเองก็ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเลยไง คือเราปฏิเสธไม่ได้ว่า คำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเนี่ยมีเหตุผล เราปฏิเสธไม่ได้ว่า คำวินิจฉัยมีเหตุมีผลว่า เขาผิดจริงในแง่ที่ว่า โอนหุ้นอะไรต่างๆ ความสลับซับซ้อน คนฟังจะรู้ว่าทำไมสิ่งที่ศาลอ่านมันสลับซับซ้อน มันไม่ใช่เป็นปัญหาที่ศาล แต่เป็นปัญหาที่คุณทักษิณทำอะไรแบบสลับซับซ้อนขนาดนั้น ทีนี้ พรรคเพื่อไทยเขาไม่ได้แย้งสิ่งที่ศาลวินิจฉัยไง แต่เขาแย้งว่ากระบวนการมันไม่ถูกต้อง คือ คตส. ทีนี้ก็ต้องถามกลับว่า ในเมื่อพรรคเพื่อไทยเองก็คงไม่ได้มองว่าคุณทักษิณบริสุทธิ์แล้วล่ะ เพียงแต่มองว่า ที่มาของกระบวนการยุติธรรมนี้มันไม่ถูกต้อง ก็ต้องตั้งคำถามว่า คุณทักษิณเองสมัยปี 49 ทางสมาชิกวุฒิสภากลุ่มหนึ่งก็พยายามเอาเรื่องคุณทักษิณเข้าไปสู่สภาเพื่อให้มีการตรวจสอบ แต่เนื่องจากสภา วุฒิสภาเป็นสภาผัวเมีย ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคไทยรักไทย ก็ปฏิเสธ คือเสียงส่วนใหญ่เขาไม่รับเรื่องคุณทักษิณเข้าไปตรงนั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็อยู่ภายใต้การครอบงำของพรรคการเมือง ก็ปฏิเสธ เพราะฉะนั้นช่องทางที่จะนำเรื่องคุณทักษิณเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ มันถูกปิดกั้นหมดเลย รวมทั้งสภาผู้แทนราษฎรตอนนั้นเนี่ย ซึ่งตอนแรกคุณทักษิณบอกว่าจะเข้าไปแถลงในสภาเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายหุ้น ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ทีนี้ทางพรรคฝ่ายค้านก็บอกว่ามีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการถ่ายทอดโทรทัศน์ ทีนี้คุณทักษิณกลับลำแล้วยุบสภาไปเฉยอย่างนี้ คือมันไม่มีช่องทางที่จะตรวจสอบได้เลย”

“แล้วพอเลือกตั้งมันก็มีปัญหา ประท้วงการเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็มีการประกาศการเลือกตั้ง 2 เม.ย.โมฆะ เพราะมีการทำผิดกติกาหลายอย่าง และมาถึงการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ทีนี้พอจะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ก็ปรากฏว่า มันก็มีบรรยากาศที่ดูเหมือนว่าจะมีการเข็นคนเข้ามาปะทะกับฝ่ายพันธมิตรฯ ในวันที่ 20 ก.ย. ซึ่งก็มีข่าวว่ามีคนทางเหนือเกณฑ์ประชาชนเข้ามาเพื่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย แล้วคุณทักษิณตอนนั้นซึ่งอยู่ต่างประเทศก็อาจจะปล่อยให้คนที่รักษาการเป็นผู้ที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ทำให้พันธมิตรฯ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หรือว่าดีไม่ดีแกก็คิดว่าจะทำสิ่งที่เรียกว่าจลาจลแล้ว นองเลือดแล้ว เกิดความสับสนวุ่นวาย ก็อาจจะต้องมีรัฐประหารขึ้นมา ซึ่งมันก็จะกลบเกลื่อนเรื่องราวหลายๆ อย่าง ผมก็เลยคิดว่ามันก็เลยเป็นเงื่อนไขที่ทำให้มีการทำรัฐประหารเสียก่อน และทำยังไงก็แล้วแต่เพื่อจะทำให้คุณทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีศาลตรวจสอบ มีอัยการ มี คตส.ขึ้นมา ซึ่งในแง่หนึ่งผมว่ามันก็ยังดีกว่าการทำรัฐประหารในสมัยก่อนที่ว่า เมื่อยึดอำนาจได้แล้ว แล้วก็ยึดทรัพย์โดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้เปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาได้ต่อสู้ แต่คราวนี้ถือว่าแตกต่างจากที่ผ่านๆ มา ตรงที่ว่าก็ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ก็ใช้เวลานาน คตส.ก็ใช้เวลานาน ตรงนี้มันก็เป็นภาวะที่อย่างว่า คุณทักษิณเองก็บีบให้สังคมจะต้องเผชิญกับการเรียกว่า ต้องอาศัยช่องทางที่อาจจะดึงสิ่งที่มองแล้วมันไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐประหาร”


เมื่อถามว่า คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณให้บทเรียนหรือให้อะไรกับสังคมบ้าง รศ.ดร.ไชยันต์ บอกว่า นอกจากสะท้อนว่า นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นถึงอดีตผู้นำหรืออดีตนายกฯ ที่ได้คะแนนเสียงท่วมท้นหรือได้รับความนิยมเพียงใด แต่ถ้าทำอะไรผิด ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ และต้องมีการตัดสินลงโทษได้ ดังนั้น เมื่อคนที่มีอำนาจมาก มีเงินมาก และมีอิทธิพลมากขนาด พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่รอด ก็หมายความว่า การเมืองไทยได้พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง คือสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจของนักการเมืองและสามารถลงโทษได้จริงๆ ซึ่งจะทำให้นักการเมืองอื่นๆ ต้องดูเป็นตัวอย่างว่า ตนเองควรจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะขนาดคนที่มีอำนาจมากกว่าตัวเองยังถูกลงโทษได้

เมื่อถามอีกว่า รู้สึกอย่างไรที่พรรคเพื่อไทย และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค แถลงปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และอ้างว่ามีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ทำให้บ้านเมืองเลวร้าย รศ.ดร.ไชยันต์ บอกว่า พรรคเพื่อไทยและ พล.อ.ชวลิตต้องเปิดเผยว่าใครที่ชักใย เพราะส่วนตัวแล้วคิดว่า คนที่ชักใยคือประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้สังคมดีขึ้น ต้องการให้การเมืองปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นหรือการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือผลประโยชน์ทับซ้อน รศ.ดร.ไชยันต์ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกยึดทรัพย์ คือการที่สังคมภาคประชาชน รวมทั้งศาล ได้จัดการกับอำมาตย์ใหญ่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณคืออำมาตย์ใหญ่ ที่เป็นอดีตตำรวจ มีรุ่น มีเพื่อนพ้องเป็นทหาร เป็นตำรวจ มีบารมี และผันตัวเองมาเป็นข้าราชการการเมือง และว่า นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็นอำมาตย์ใหญ่แล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เป็นอำมาตย์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร (ญาติผู้พี่ พ.ต.ท.ทักษิณ) หรือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ) ดังนั้นหากคนเสื้อแดงต้องการจัดการกับอำมาตย์ ก็ต้องจัดการให้หมด อย่า 2 มาตรฐาน เมื่ออำมาตย์ฝ่ายตัวเองทำอะไรไม่ถูก ก็ต้องจัดการด้วยเช่นกัน!!
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง ขู่เข้าชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อยื่นถอดถอนองค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ทักษิณทั้ง 9 คน
นายประเกียรติ นาสิมมา ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เล็งยกคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับการยึดทรัพย์สมัย รสช.มาคัดง้างคำพิพากษายึดทรัพย์ทักษิณ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นำทีม ส.ส.พรรคแถลงป้อง พ.ต.ท.ทักษิณหลังถูกศาลฎีกาฯ สั่งยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน(27 ก.พ.)
คนเสื้อแดงเชียงใหม่ ทำพิธีสืบชะตาหวังให้ พ.ต.ท.ทักษิณรอดจากคดียึดทรัพย์(25 ก.พ.)
กำลังโหลดความคิดเห็น