xs
xsm
sm
md
lg

“อนุพงษ์” ยันทหารพร้อมรับมือป่วน เชื่อไทยจะไม่เจอเรื่องเลวร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อนุพงษ์” ยืนยันทหารพร้อมช่วยคุมสถานการณ์หาก ตร.กำลังไม่พอ ส่วนการชุมนุมคนเสื้อแดง เชื่อว่าสังคมไทยจะไม่รับความรุนแร

วันนี้ (2 มี.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเป็นประธานปิดการฝึกร่วมกองทัพบกไทยกับกองทัพบกสิงคโปร์ ภายใต้รหัส “คชสีห์ 2010” ที่ จ.เชียงใหม่ ถึงการเพิ่มกำลังทหารเข้าไปช่วยสนับสนุนตำรวจในการดูแลอาคารใหญ่ สถานที่ราชการสำคัญ โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ หลังคนร้ายลอบปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ 4 จุดกลางดึกของคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้พูดชัดเจนแล้วว่าขั้นตอนตามปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่ถ้าจำเป็นจะต้องใช้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปเพิ่มเพื่อที่จะให้ประสิทธิภาพในการดูแลพื้นที่สำคัญ หรือ การตั้งจุดต่างๆ เพื่อที่จะได้ทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย หากตำรวจไม่เพียงพอก็จะมีการร้องขอกำลังทหารเข้าไปช่วย ซึ่งเราส่งกำลังทหารไปในพื้นที่ต่างๆ โดยให้กองทัพภาคที่ 1 ประสานงานกับตำรวจนครบาลเพื่อจัดกำลังลงไป

เมื่อถามว่า การก่อเหตุตามสถานที่ราชการ โดยเฉพาะสถานที่เอกชนจะทำให้ยากต่อการดูแลหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พื้นที่กว้างมาก ถ้าเราจะดูแลทุกจุด ทุกท้องถนน มันทำได้ยากมาก ในขณะนี้มาตรการในการวางกำลังตามการประสานงานของตำรวจในฐานะเจ้าของเรื่องก็ได้กำหนดจุดต่างๆ ในพื้นที่

ส่วนที่พื้นที่นอกนั้นโดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลบางที่ไม่มีน้ำหนักเราก็ใช้สายตรวจร่วมระหว่างทหาร ตำรวจ ร่วมปฏิบัติงานด้วยกัน ซึ่งเราไม่สามารถวางกำลังได้ อย่างไรก็ตาม การวางกำลังสายตรวจไม่ได้อยู่ในที่ประจำ ถ้ามีผู้ไม่หวังดีกระทำเห็นช่องว่างของเจ้าหน้าที่ก็จะเกิดเหตุขึ้นได้

ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่พบคนร้ายก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายก็จะทำให้คนที่ทำไม่กล้าทำอีก เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันอย่างไรบ้าง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คนไทยทุกคนเป็นห่วงเหมือนกันหมด ภาคธุรกิจก็เกรงว่าจะกระทบกับภาคธุรกิจ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวของคนต่างชาติ ที่เป็นรายได้สำคัญก็มีจะผลมาก รวมถึงบรรยากาศทั่วๆ ไป ความเชื่อมั่นในการที่จะดำเนินธุรกิจ หรือบริโภคของประชาชนทั่วไปที่จะเกิดผลกระทบ เมื่อเกิดผลกระทบแล้วก็จะเป็นลูกโซ่ไปตามกัน

เมื่อถามว่าจำเป็นจะต้องใช้กฎหมายพิเศษขึ้นมาควบคุมสถานการณ์ได้หรือยัง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายสุเทพได้พูดชัดเจนแล้วว่าจะใช้กฎหมายอะไรจะต้องมีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้เงื่อนไขอะไร หรือจากการประเมินสถานการณ์แล้วจะเป็นไปตามเงื่อนไขนั้น ซึ่งรัฐบาลก็มีขั้นตอนการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ก็จะประเมิน เมื่อประเมินแล้วก็จะเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี ส่วนจะมอบหมายให้หน่วยงานใดรับผิดชอบก็สามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนแล้ว

ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์แล้วยังสามารถดูแลได้อยู่ เมื่อถามว่า เป็นห่วงพื้นที่ปริมณฑลที่กำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงานนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวก็อยู่ในการตาดการณ์ของเราว่าถ้าเรายิ่งดูแลพื้นที่แกนกลางได้ดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหตุการณ์ก็จะหนีไปเกิดที่ปริมณฑล ซึ่งเป็นหนึ่งในการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามหากออกไปนอกเขตพื้นที่ของตำรวจนครบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะต้องเตรียมการจากเจ้าของพื้นที่ คือตำรวจภูธรของแต่จังหวัด ส่วนจะให้หน่วยไหนมาสนับสนุนก็จะต้องพิจารณากันอีกครั้ง

เมื่อถามว่าในส่วนของต่างจังหวัดได้มีการขอกำลังมาหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังยืนยันไม่ได้ว่ามีการร้องขอมาหรือไม่ แต่โดยหลักการทาง ผอ.กอ.รมน.ภาค และ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด จะต้องปรึกษากัน ถ้าแม่ทัพภาค และผู้ว่าจะต้องพูดคุยกันประสานงานกัน โดยผ่านตำรวจประจำจังหวัดต่าง ๆ ก็จะมีการพูดคุยกัน ถ้าหากสมมติว่าจังหวัดยังสามารถใช้กำลังตัวเองได้ก็ดำเนินการไป แต่ถ้าหากงานล้นมือก็จะต้องมีการขอจากกำลังทหารไปช่วยสนับสนุน แต่ตอนนี้ตนยังไม่ทราบว่ามีการร้องขอมาบ้างหรือไม่

เมื่อถามว่า คตม.ได้มีการประเมินสถานการณ์การชุมนุมในวันที่ 14 มี.ค.นี้ของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากที่ประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว และ ประเมินจากคำชี้แจงของกลุ่มผู้ที่มาชุมนุมว่าจะไม่ปิดการจราจร ไม่สร้างเหตุวุ่นวายจะชุมนุมอย่างสงบ ถ้าเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นการประเมินสถานการณ์ก็จะออกมาในลักษณะว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีเจตนาจะทำรุนแรง ส่วนจะคุมกันได้แค้ไหนอย่างไร ทั้งนี้ ยกตัวอย่างหากไปจัดกิจกรรมที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งอาจจะทำให้การจราจรติดขัด ก็จะต้องมีมาตรการด้านการจราจรที่เหมาะสมทำให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ชีวิตได้ เพื่อให้สามารถเดินทางประกอบธุรกิจได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นอย่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมพูดก็คงจะไม่มีอะไรรุนแรง

เมื่อถามว่า เป้าหมายของการก่อเหตุขยายวงกว้างไปถึงสื่อมวลชน ล่าสุดมีการปาระเบิดเข้าไปที่ช่อง 3 พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงได้มีการประเมินสถานการณ์หรือไม่ว่าเหตุการณ์จะไม่ซ้ำรอยเหมือนเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราหวังและประเมินว่าสังคมไทยไม่รับความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใด สังคมไทยไม่รับ ฉะนั้นคนที่จะทำให้เกิดความรุนแรง จะเกิดผลลบกับตัวเอง และเมื่อประมาณการเช่นนั้นแล้วแนวทางที่จะดำเนินการก็จะร้องหลีกเลี่ยงในการดำเนินการไม่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้อย่างไร ก็จะต้องหลีกเลี่ยง เพราะไม่พ้นความรับผิดชอบ
 

ส่วนเจ้าหน้าที่ ถ้าหากว่าทุกคนอยู่ในกรอบซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันและเรามีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เราไม่ได้ไปรบกับสีใดทั้งสิ้น ตราบใดที่มีความสงบเรียบร้อยจะมีการชุมนุมอย่างไรจะชุมนุมกันสันติอย่างไรก็ทำไป แต่ถ้ามีความเดือดร้อนเกิดขึ้นเช่นปัจจุบันมี่กลุ่มที่พยายามสร้างสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะไปกระทำต่อกลุ่มนี้ และพยายามตรวจจับตั้งจุดตรวจช่วย เพื่อป้องกันไม่ให้คนพวกนี้ทำ แต่คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มไหนเรายังพิสูจน์ทราบไม่ได้ หรือจะเกี่ยวโยงกับใครก็ยังพิสูจน์ทราบไม่ได้

เมื่อถามว่า ในส่วนของ บช.น.ได้มีการฝึกอบรมคนขับวินมอเตอร์ไซต์ และ ทาง กอ.รมน. ได้มีการจัดอบรมแบบนี้บ้างหรือไม่เพื่อขอความร่วมมือในการดูแลบ้านเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทาง กอ.รมน.ทำอยู่แล้ว ในขณะนี้เราเริ่มต้นด้วยการใช้มวลชนที่อยู่ในเครือข่าย กอ.รมน.ที่จะรวมตัวกัน และเอาไปใช้ประโยชน์ทางด้านการข่าว คือเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ และทาง กอ.รมน. ได้สั่งการให้กอ.รมน.ภาคแต่ละจังหวัดใช้แนวทางนี้อยู่แล้ว เพื่อสร้างเครือข่ายในระดับพื้นที่ และระดับของความแตกต่างเช่นพยายามวางให้เต็มพื้นที่ ส่วนความแตกต่างของธุรกิจ เช่นบ้านพัก สถานที่ราชการ สถานที่ประกอบการ ซึ่งขณะนี้ให้ทาง กอ.รมน. ได้ให้เครือข่ายเฝ้าระวัง โดยใช้พื้นฐานมวลชนของ กอ.รมน. และให้ กอ.รมน.ในแต่ละจังหวัดจัดตั้งมวลชน ซึ่งการประชุมกอ.รมน.ที่ผ่านมานายสุเทพ ได้กำชับไปยัง ผอ.กอ.รมน.ภาค และ จังหวัดให้สนับสนุนส่วนนี้อยู่แล้ว

อนุพงษ์ปัดพูดถึงมือป่วน

เมื่อถามว่า ได้ติดตามคลิปวิดีโอ “เคทอง” ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ข่มขู่ว่าจะลอบวางระเบิดในพื้นที่ กทม. นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนได้เห็นเมื่อเช้านี้ และให้เจ้าหน้าที่ติดตาม และตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์ในเรื่องนี้ ซึ่งเขาทำอยู่แล้ว เมื่อถามว่ากลุ่มคนร้ายต้องการยั่วยุ หรือต้องการให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อย่าให้ตนฟันธงเลย แต่มีคนพยายามที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่จะเป็นด้วยจุดประสงค์ใดนั้นให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประเมิน เราก็จะให้เจ้าหน้าที่ในส่วนการข่าวประสานงานกับตำรวจเพื่อแจ้งเบาะแสต่างๆ เพื่อให้มีความกระจ่างมากกว่านี้

เมื่อถามว่า กองทัพได้เตรียมแผนรับมือ นปช.อย่างไร โดยเฉพาะการระดมพลเข้ามาในพื้นที่ กทม.ในช่วงเดือน มี.ค.นี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของที่จะมีการแอบอ้างของกลุ่มใดก็แล้วแต่ มีเจ้าหน้าที่ที่ประเมินอยู่แล้ว ในขณะนี้เท่าที่ทราบในส่วนของทางต่างจังหวัด ทาง ผอ.กอ.รมน.ภาค และ จังหวัด พยายามสร้างความเข้าใจกับประชาชนส่วนใหญ่ในเชิงบวกที่จะเสริมสร้างความสามัคคีสันติให้เกิดในสังคมเพื่อให้สังคมเดินไปได้ ทางผู้ว่าฯ และ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ทำอยู่แล้ว ทั้งนี้ อยากขอร้องให้ประชาชนให้เห็นแก่ความสำคัญของประเทศชาติบ้านเมืองมากกว่าสิ่งอื่นใด ส่วนเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เมื่อทราบแล้วก็จะต้องมีการวางแผนว่าจะต้องทำอย่างไรที่จะไม่ให้เหตุการณ์นี้มากระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งพยายามหามาตรการต่างๆ และจะมีการประชุมหารือกัน และวางมาตรการต่างๆ ก็จะมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
 
กำลังโหลดความคิดเห็น