xs
xsm
sm
md
lg

จับตาม็อบแดง 12 มี.ค.หลัง “แม้ว” ออกลายโจร ขู่เผาเมืองแลกนิรโทษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คงทราบทั่วกันแล้วว่า คำพิพากษาคดียึดทรัพย์ทักษิณ ชินวัตร มูลค่า 7.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ออกมาอย่างไร ยึดหรือไม่ยึดมากน้อยแค่ไหน หลังจากที่รอคอยมาตั้งแต่ปี 2550 ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้มีคำสั่งอายัดเงินจำนวนดังกล่าวไว้ ก่อนทำสำนวนส่งอัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม คำตัดสินครั้งนี้คงมิอาจทำให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบลงได้ เพราะเงื่อนไขสำคัญ ทักษิณ ชินวัตรและบริวาร จะยังไม่หยุดก่อกวนการทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างแน่นอน จนกว่า เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาจะบรรลุ นั่นคือ ให้ทักษิณ ชินวัตรพ้นจากความผิด และได้กลับคืนสู่อำนาจ

หากคำตัดสินเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ออกมาว่า ไม่ยึดทรัพย์ เป้าหมายของทักษิณและบริวารก็ยังไม่บรรลุอยู่ดี เนื่องจากยังมีคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมทุจริตของทักษิณรอการพิจารณาอีกหลายคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้รัฐบาลพม่า สั่งการธนคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับพวกพ้อง คดีทุจริตโครงการต่างๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงคดีหวยบนดินที่มีพิพากษาจำเลยคนอื่นๆ ไปแล้ว ยังเหลือแต่ทักษิณที่หลบหนีไปก่อน

ที่สำคัญคือ ยังมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี จากคดีที่ดินรัชดาฯ รอให้ทักษิณ ชินวัตรกลับมารับโทษ

มองจากเงื่อนไขเหล่านี้ มีหนทางเดียวที่ทักษิณและบริวารจะบรรลุเป้าหมาย คือ ล้มรัฐบาลชุดปัจจุบันลงให้ได้ แล้วส่งนอมินีขึ้นเป็นรัฐบาลแทน หลังจากนั้นจึงให้รัฐบาลนอมินีใช้อำนาจออกกฎหมายนิรโทษกรรมลบล้างความผิดให้

บริวารของทักษิณในนามกลุ่มคนเสื้อแดง จึงนัดชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ ตามยุทธศาสตร์ที่จะล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ลงให้ได้ ภายใน 7 วัน โดยโอ้อวดไว้ล่วงหน้าว่าจะระดมคนมาให้ได้ 1 ล้าน และใช้รถปีกอัพ 1 แสนคัน เป็นยานพาหนะเดินทางเข้ากรุง

ทั้งนี้ ไม่ว่าผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 ก.พ.จะออกมาอย่างไร ก็ล้วนแต่เป็นประเด็นที่ทักษิณและแกนนำคนเสื้อแดงจะนำไปใช้ปลุกระดมคนในเครือข่ายให้ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลอย่างแน่นอน

หากคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ทั้งหมดหรือยึดบางส่วนก็เท่ากับว่า ทักษิณ ชินวัตร มีความผิด แกนนำคนเสื้อแดงย่อมนำไปเป็นประเด็นปลุกระดมว่า ทักษิณ โดนกลั่นแกล้งให้มีความผิด ซึ่งประเด็นนี้จะปลุกระดมได้ง่ายมาก เพราะก่อนวันอ่านคำพิพากษาราว 2 สัปดาห์ ทักษิณ ชินวัตร และบริวารได้ระดมสรรพกำลัง ทั้งเปิดเวทีอภิปราย ทำเอกสาร ทำวีซีดีแจก โหมกระพือผ่านวิทยุชุมชน สร้างกระแสว่า ทักษิณ ถูกกลั่นแกล้ง โดยอ้างว่า ทรัพย์สินที่ถูกอายัดนั้น ได้มาก่อนการเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่หากคำพิพากษาออกมาว่า ไม่สามารถยึดทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านไว้ได้ ทักษิณ ชินวัตร และบริวารก็จะนำไปเป็นประเด็นปลุกระดมว่า ทักษิณเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ที่ต้องถูกดำเนินคดีและถูกอายัดทรัพย์ไว้เกือบ 3 ปี ก็เพราะถูกกลั่นแกล้งจากคณะรัฐประหาร หรือจากอำมาตยาธิปไตย ซึ่งก็สามารถนำไประดมคนออกมาชุมนุมเพื่อล้มล้างรัฐบาลนี้ได้เช่นกัน เพราะได้ป้ายสีไว้ให้แล้วว่าเป็นรัฐบาลขี้ข้าอำมาตย์

เมื่อประเมินจากท่าทีการเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตร ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนวันตัดสินคดียึดทรัพย์ ก็พอจะมองภาพการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงราวกลางเดือนนี้ออกว่า จะใช้วิธีการที่รุนแรงและเด็ดขาดกว่าช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้วอย่างแน่นอน

นั่นเพราะสงครามครั้งนี้ น่าจะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของทักษิณ หากจะบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ ต้องเอาชนะในการศึกครั้งนี้ให้ได้
ด้วยเป้าหมายที่จะเอาชนะให้ได้ สิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงก่อนวันอ่านคำพิพากษายึดทรัพย์ คือ ธาตุแท้ของทักษิณ ชินวัตร ที่แสดงพฤติกรรมในลักษณะ “โจร”อย่างโจ่งแจ้งยิ่งขึ้น

ช่วง 1 สัปดาห์ก่อนวันอ่านคำพิพากษา ทักษิณ ชินวัตร โหมกระพือการปลุกระดมคนเสื้อแดงอย่างหนัก ด้วยการปรับเปลี่ยนการจัดรายการวิทยุทางอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ Thaksinlive.com จากสัปดาห์ละครั้งในวันอังคาร เป็นการจัดทุกวันจันทร์-ศุกร์ และโฟนอินไปยังเวทีคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง

ไฮไลต์สำคัญ คือวันที่ 22 ก.พ.ซึ่ง ทักษิณ ได้วิดีโอลิงก์เข้าไปในงานเสวนาเรื่อง “ทิศทางประเทศไทยปี 2553” จัดโดย กลุ่มกรุงเทพ 50 พรรคเพื่อไทย ที่ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์

วันนั้น ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวในเชิงข่มขู่ที่จะก่อความรุนแรง หลายครั้ง หากผลคำพิพากษาไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ

ทักษิณกล่าวอ้างถึงสาเหตุความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยตอนหนึ่งว่า “ปัญหาทั้งหมดเกิดจากผู้มีบารมีไม่พอใจหรือโกรธตนจากเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่จริงๆ แล้วตนเป็นคนพูดง่าย พูดดีๆ ก็จบ จริงๆ แล้วเรื่องนี้คลี่คลายได้ และให้กลไกต่างๆ เดินต่อไปได้ แต่หากบีบให้ตายมันไม่ตายหรอก ตรงนี้แหละคือปัญหาที่น่ากลัว”

คำพูดของทักษิณดังกล่าว เป็นการบิดเบือนว่า การดำเนินคดีทุจริตกับตัวเขาคือการบีบให้ตาย ซึ่งถ้าไม่หยุดบีบ ก็จะเกิดเรื่องที่น่ากลัว ซี่งก็ต้องตีความคำว่า “น่ากลัว”นั้น หมายถึงอะไรแน่

ทักษิณอ้างด้วยว่า “ทางที่ดีที่สุดต้องสร้างความปรองดองของคนในชาติ คนที่แอบสั่งการต้องเลิกสั่งการ และพูดคุยกัน อย่าคิดเอาชนะคะคานกัน ไม่มีใครแพะ ใครชนะ นอกจากประเทศชาติที่แพ้...”

ตีความได้ไม่ยากว่า คำว่า “ปรองดอง”ในความหมายของทักษิณ คือ ต้องไม่ดำเนินคดีกับตัวเขา ต้องไม่ให้เขามีความผิด ไม่เช่นนั้นประเทศชาตืจะแพ้ ซึ่งนี่คือการช่มขู่อีกครั้ง เพราะในความเป็นจริง การดำเนินคดีกับทักษิณ ชินวัตร อย่างถึงที่สุด ไม่น่าจะทำให้ประเทศชาติแพ้ แต่ทำให้กระบวนการยุติธรรมในประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่า

ทักษิณยังขู่อีกว่า “หากไม่ได้รับความยุติธรรม การต่อสู้ไม่เลิกลาแน่ เพราะถ้ารังแก กลั่นแกล้งเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้ ...ทางออกวันนี้ต้องนิรโทษกรรมทุกฝ่าย ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน และเริ่มต้นกันใหม่ ที่ผ่านมาเจ็บคนละหน่อย ก็ขอให้เห็นแก่บ้านเมืองร่วมกัน แต่ไม่ใช่เองยอมถูกยึดทรัพย์ ยอมถูกติกคุกเถอะ แบบนั้นไม่ใช่ปรองดอง”

“...วันนี้ถอยคนละก้าวสองก้าวบ้านเมืองจะกลับสู่ภาวะปกติได้ แต่หากบี้ให้ตายปี 2553 จะเป็นปีแห่งความเละตุ้มเป๊ะ”

นั่นคือประโยคทิ้งท้าย ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่วิดีโอลิงก์เข้าไปยังงานเสวนาของเหล่าบริวารที่ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ วันที่ 22 ก.พ. เป็นการประกาศข่มขู่ จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ หากตัวเองไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ต่างจากโจรเรียกค่าไถ่ที่ขี่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ได้เงินตามที่ต้องการ

การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 12 มี.ค.นี้จึงน่าติดตามอย่างยิ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น