เซียวเล่งนึ่ง
แต่สถานการณ์ภายนอก หรือ ปัจจัยภายนอกนี้สิ ยากที่จะควบคุม หรือจะแก้ไขแบบนั่งโต๊ะต่อรองผ่านชามหูฉลามได้ แถมยังจะเป็นตัวกัดเซาะ บั่นทอนวาระของรัฐบาลออกไปเรื่อยๆหากเดินเกมไม่ลุ่มลึกเฉียบแหลม หรือที่เรียกว่า พลาดเมื่อไหร่อาจตายได้เมื่อนั้น
ดูเหมือนว่า ทุกอย่างจะบีบรัดเข้ามาทุกที กับสถานการณ์ตั้งรับของรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ การเผชิญหน้าเกมป่วนเมืองของ นักโทษหนีคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังเอาสภาพของบ้านเมืองเป็นเดิมพัน
แม้ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จะออกมาคุยโวผ่านสื่อว่า รัฐบาลชุดนี้อยู่ยาวจนครบเทอมแน่นอน หลังจากสวมบท “แม่นมอมทุกข์” ไปซดหูฉลามกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จนได้สัญญาใจมากำไว้ในมือ
ถึงขนาด มังกรเฒ่า บรรหาร ศิลปอาชา ออกมาโปรยยาหอมให้ดมจนเคลิ้มฝันว่า อยากให้รัฐบาลอยู่ร่วมกันนานๆ
ถ้าจะมองเจาะไปถึงปัจจัยภายในพรรครัฐบาลตอนนี้ ถือว่ายังเอื้ออำนวยให้ต่ออายุยืดยาวออกไป ตามลมปากของสองผู้ยิ่งใหญ่ สุเทพ และ บรรหาร เพราะอย่างที่รู้ๆกันดีว่า นักการเมืองทะเลาะกันทีไร มักจะจบลงด้วยผลประโยชน์ที่ลงตัวทั้งนั้น
นอกเสียจากว่า จะมีปัจจัยอื่น หรือการเรียกร้องผลประโยชน์อะไรขึ้นมาอีก ถึงค่อยงอแงกันอีกครั้ง ก็ต้องดูกันต่อไป...
แต่สถานการณ์ภายนอก หรือ ปัจจัยภายนอกนี้สิ ยากที่จะควบคุม หรือจะแก้ไขแบบนั่งโต๊ะต่อรองผ่านชามหูฉลามได้ แถมยังจะเป็นตัวกัดเซาะ บั่นทอนวาระของรัฐบาลออกไปเรื่อยๆหากเดินเกมไม่ลุ่มลึกเฉียบแหลม หรือที่เรียกว่า พลาดเมื่อไหร่อาจตายได้เมื่อนั้น
แม้ตอนนี้กลุ่มแก๊งคนเสื้อแดง ภายใต้การชักใยบงการของคนชื่อ ทักษิณ จะประกาศว่า หลัง26 กุมภาพันธ์นี้ ประเทศไทยจะถึงจุดเปลี่ยน นัดระดมพลล้มรัฐบาลกันแล้วในวันที่ 12 มี.ค. ที่สนามหลวง คุยว่าจะเรียกคนนับล้านมาบีบให้รัฐบาลยุบสภา
แต่ก็ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่า ประเทศไทยจะเดินไปถึงจุดเปลี่ยนที่คนบางกลุ่มได้ตั้งเป้าไว้ได้จริงหรือไม่
เพราะยากที่จะคาดเดาว่า สภานการณ์จะออกมาหัว หรือก้อย
แต่ที่แน่ๆงานนี้จะเป็นอีกบทพิสูจน์ฝีมือของการเป็นภาวะผู้นำของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกครั้ง ว่าจะสามารถประคับประคอง ฟันฝ่าอุปสรรค และ ก้าวพ้นห้วงเวลาแห่งวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างสงบราบเรียบ หรือว่า สะบักสะบอมแค่ไหน
ที่เห็นกันจะจะตอนนี้คงไม่พ้น สถานการณ์ป่วนเมืองของกลุ่มเสื้อแดง จากที่เคยแสดงตนเป็นแมลงหวี่ แมลงวัน คอยตอแยให้รัฐบาลเกิดความรำคาญอยู่เป็นช่วงๆ นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
คาดว่าหลังวันเชือด นักโทษหน้าเหลี่ยม จะกระหน่ำสำแดงฤทธิ์เดชปั่นมวลชนผ่านสื่อออนไลน์ กระหน่ำทวิตเตอร์กรอกหูแฟนคลับเป็นระยะ แบบไม่ต้องหลับต้องนอน
ยุทธศาสตร์มีอยู่ว่า อาศัยจังหวะเปิดช่อง ฉวยชิงโอกาสที่คณะตุลาการศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพาษากยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท มาเป็นหัวเชื้อ เป็นข้ออ้าง เพื่อขยายผลป่วนเมืองต่อไปจนกว่าจะบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้คือ
ตอกฝาโลงรัฐบาลหอกข้างแคร่ และ การกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งของคนหน้าเหลี่ยม
งานนี้แม้รัฐบาลจะปากกล้า ขาสั่น ว่าแค่เรื่องจิ๊บๆ แต่ก็มีการเตรียมรับมืออย่างอลังการณ์ทุกรูปแบบ ถึงขนาด เทพเทือก ต้องลงมาควบคุมกำกับด้วยตัวเอง
เพราะภาพวันประวัติศาสตร์สงกรานต์เลือด เมื่อปีที่แล้ว ยังหลอกหลอนรัฐบาลและประชาชนอยู่ไม่หาย หากยังปล่อยให้เกิดขึ้นอีกรอบมีหวังรัฐบาลอายุสั้นแน่นอน
ยิ่งมีบรรดาโหรฯดังจากหลายสำนักออกมาทำนายทายทักว่า ช่วงเมษายน อาจร้อนระอุจนทำให้ “มาร์ค” ต้องกระเด็นจากเก้าอี้ ก็เป็นได้
ถ้าจะตัดภาพข้ามช็อตไป โดยสมมุติว่า หนุ่มมาร์ค สามารถพารัฐนาวาของเขาผ่านมรสุมลูกนี้ไปได้ พร้อมกับผลสำรวจ หรือโพลจากสำนักต่างๆ ที่อาจจะมีตัวเลขคะแนนความนิยมในภาวะผู้นำของหนุ่มมาร์คไต่ระดับขึ้นไปได้อีก
แต่ ก็ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลจะถึงฝั่งฝัน อยู่ดีมีแฮงได้สบายไปตลอด เพราะยังมีอีกหลายวิบากกรรมที่ยังให้ต้องเผชิญต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลที่จอคาอยู่ในสภา รอวันโผ่หางมางอแงอีกหน ถือเป็นอีกไม้หนึ่งของพรรคร่วมเก็บไว้ต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างดี
และเกมญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะของฝ่ายค้าน ที่แม้ตอนนี้ ทักษิณ จะยังอุบเหลี่ยม ไม่หยิบไพ่ใบนี้ขึ้นมาเล่น หรือจะเป็นเพราะยังเคลียร์ปัญหาภายในกับการตบตีแย่งชิงชิ้นกระดูกที่นายใหญ่โยนให้กันนัวเนียอยู่ตอนนี้ ก็ยากที่จะคาดเดากันได้
แต่เมื่อไรที่ นักโทษหน้าเหลี่ยมเคลียร์ปัญหาภายในได้แล้ว หรือ รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม ก็พร้อมที่จะหงายไพ่ใบนี้บนโต๊ะ หวังใช้เป็นเครื่องมือเชือดรัฐบาลต่อไป
โดยในระหว่างรอเวลาที่เหมาะๆก็ปฏิบัติการเฉพาะกิจเฉพาะหน้าไปก่อนด้วยการเปิดเกมไล่ล่า เช็กบิลเครือข่ายและกลุ่มนายทุนที่เป็นถุงเงินของคู่ต่อสู้อย่างพรรคประชาธิปัตย์ คนที่อยู่เบื้องหลังเบื้องลึกสนับสนุนในการก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์
ยกตัวอย่าง เกมตามล้างตามเช็ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ องคมนตรี เรื่องที่ดินเขายายเที่ยง เซาะมาถึงปมที่มาทรัพย์สิน รายได้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี โดยมีกลุ่มทุน และกลุ่มนายทหารเข้ามาเอี่ยวด้วย
จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่แอบอ้างล้วนแล้วแต่เป็น “ข้อมูลลับ” จึงอย่าลืมว่าเครือข่ายระบอบทักษิณนั้นได้เข้าไปแทรกซึมอยู่ทุกวงการ ดังนั้นการจะหยิบกยกข้อมูลอะไรมาอภิปรายก็คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นแสนเข็ญอะไรนัก
ยิ่งในช่วงที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังมูมมามปากมัน ยิ่งง่ายต่อต้านค้นหาสืบเสาะข้อมูล แตะไปตรงไหนอาจจะโดนทั้งนั้น
ทั้งพฤติกรรมการทุจริตคอรัปชั่น การเซ็งลี้เก้าอี้ต่างๆ ไล่ตั้งแต่เรื่องฉาวโฉ่ในแวดวงสีกากี ที่มีการรื้อโผโยกย้ายแทบล้างบาง จนลามมาถึงการเซ็งลี้เก้าอี้ในกระทรวงคลองหลอดที่เริ่มส่งกลิ่นตุๆจนยากที่จะทำแบบเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ได้
ในช่วงปีแรกรัฐนาวาของ อภิสิทธิ์ ฝ่าคลื่นไปแบบหืดขึ้นคอ ความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ ทำให้สังคมยังพอจะให้โอกาสทำงานต่อไป
แต่หลังจากก้าวขึ้นสู่ปีที่สอง สถานการณ์กลับเริ่มติดหล่ม ผลงานไม่มี ความดีไม่ปรากฏชัด แถมยังล่อแหลมไปในเรื่องฉาวๆ
อีกทั้งเวลาส่วนใหญ่ต้องหมดไปกับการไล่ล่าตามล้างตามเช็ด นักโทษแม้ว และพรรคพวก ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมได้ ขณะเดียวกันก็ต้องคอยทากาวปะซ่อมรอยร้าวภายในกลุ่มก๊วนการเมืองในรัฐบาลที่คอยแต่จะปริร้าวอยู่เป็นระยะๆ
แถมยังจะต้องมาคอยสะสางปมปัญหาที่สังคมคาใจ แม้ว่าจะได้ไม่ได้เป็นก่อเกิด อย่างเรื่องจีที200 ที่ตอนนี้ กองทัพ กับรัฐบาล กำลังร้องเพลงกันคนละคีย์ อาจจะกลายมาเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างกันได้
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ เป็นจุดเปราะบางของรัฐบาล
หมากในกระดานนี้ ถ้า คนหน้าเหลี่ยมปิดเกมเร็วไม่ได้ ก็ต้องเล่นเกมยาวลากไปเรื่อยๆ หวังผลแค่ดิสเครดิตรัฐบาลในระยะยาว เพื่อปูทางกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งอาจไม่เสียแรงเปล่า
เพราะรู้ตัวดีว่ากลับมาช่วงนี้ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ฝันแน่นอน นอกจากจะใช้เกมเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ล้างความชั่วใช้นอมินี สืบทอดทายาทอสูรต่อไป
แล้ว นายกฯหน้าอ่อน จะแก้เกม นักโทษหน้าเหลี่ยม ทำรัฐนาวาให้หลุดจากหล่มนี้ไปได้อย่างไร ....เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่ง!
