“อภิสิทธิ์” วอนประชาชนกลั่นกรองข่าวสารก่อนเสพ เย้ย “ตู่” แฉเอกสารไม่มีอะไรลับ ยันรัฐเลี่ยงใช้กฎหมายพิเศษ จี้ทุกฝ่ายฟังคำตัดสินยึดทรัพย์ และเคารพศาล ซัดสื่อเสนอข่าวทำชาวบ้านกลัว ย้ำรัฐไม่คิดปราบประชาชน ยังไม่พบเหตุทำปฏิวัติ แขวะเสื้อแดงอย่ากุเรื่อง ลั่นรัฐใช้มาตรฐานเดียวสอบทุจริต ชี้ ขรก.ถ้าปฏิบัติตามหน้าที่ก็ไม่โดนล้วงลูก
วันนี้ (20 ก.พ.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า ถ้ารัฐบาลสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็มีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งนี้ตนยอมรับในการแสดงความคิดเห็นได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง พร้อมขอให้ประชาชนกลั่นกรองข้อมูลที่ได้รับก่อน ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำเอกสารลับจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาเป็นเผยนั้น ตนเห็นว่าไม่มีอะไรเลย เพราะประเด็นหลักที่คุยคือ รัฐบาลมีหน้าที่รับรองความปลอดภัยแก่ประชาชนทุกคน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่เองก็มีการซักซ้อมแผนไว้รับมือความวุ่นวายแล้ว และตนยังยืนยันว่า ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมทำนอกกรอบต้องดำเนินการตามกฎหมายตามขั้นตอน โดยรัฐจะหลีกเลี่ยงการใช้กฏหมายพิเศษอย่างชัดเจน และรัฐบาลเองก็ไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุการเมือง และไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่า สถานการณ์ในช่วงนี้จนถึงเดือนมีนาคม จะมีความเข้มข้นขึ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกลุ่มคนที่มาต่อต้านตนเวลาที่ไปปฏิบัติราชการว่า ตนเป็นคนสมาธิดีจึงสามารถทำงานได้ แต่เวลามีคนต่อต้านตนก็ได้ฟังได้ยิน ก็ถือเป็นข้อมูลที่ทำให้ตนทราบว่า เขาคิดอะไร ได้รู้ว่าเขาได้ข้อมูลที่คาดเคลื่อน ซึ่งตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดอย่างนั้น และนิสัยคนไทยเวลาไม่ชอบใครก็ไม่ทำเช่นนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ถอดใจ เพราะถ้าถอดใจ เขาก็ยังด่าต่อ ขณะที่การตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องมีฝ่ายที่พอใจและไม่พอใจ ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าศาลจะตัดสินคดีออกมาเป็นอย่างไร แต่ทุกฝ่ายก็จะต้องยอมรับในคำตัดสิน และตนเองอยากให้ทุกคนฟังคำตัดสิน พร้อมฟังเหตุผลในการชี้แจงของศาลด้วย ส่วนที่มีบางคนกล่าวหาศาลว่าทุจริต ฉ้อฉลนั้น ปัจจุบันก็มีกฏหมายขึ้นมาจัดการ ทั้งนี้ตนยังเชื่อว่า หลังจบกรณียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว บ้านเมืองก็ยังจะมีความขัดแย้งเป็นระยะๆ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของสังคม ที่จะมีความขัดแย้งทางความคิดกัน
ส่วนกรณีที่ต่างประเทศออกโรงเตือนบุคคลในชาติตนที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทยให้ระวังตัวนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนได้สั่งกระทรวงการต่างประเทศทำการชี้แจงนานาชาติแล้ว ทั้งนี้ตนเข้าใจการเตือนประชากรของแต่ละประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสื่อเองก็นำเสนอข่าวทำให้ประชาชนรู้สึกกลัว ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่คิดปราบผู้ชุมนุมถ้ามีการชุมนุมโดยสงบ และตนมองว่า ขณะนี้ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น จึงอยากขอให้แกนนำผู้ชุมนุมอย่าพูดในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิด ส่วนกระแสข่าวที่พรรคฝ่ายค้านจะใส่ชื่อบุคคลในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ตนไม่เชื่อฝ่ายค้านจะกระทำดังกล่าว ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าฝ่ายค้านยื่นญัตติมาก็ต้องไปชี้แจงตามปกติ
นายกรัฐมนตรียังตอบคำถามถึงปัญหาจริยธรรมทางการเมืองด้วยว่า ปัญหาการเมืองบางอย่างไม่ได้เกิดจากกติกา แต่เกิดจากตัวนักการเมือง ซึ่งตนพยายามจะสร้างค่านิยมต่างๆ อาทิ กฏเหล็ก 9 ข้อ เพื่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือ การที่ตนเดินทางไปตอบกระทู้ในสภาฯ เป็นประจำ ก็เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎร อย่าสักแต่ว่าพูดเชื่อในประชาธิปไตย แต่ไม่เคยไปตอบกระทู้ รวมทั้งกรณีนายวิทยา แก้วภราดัย ลาออก จากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ตนขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนด้วยว่า หากเกิดกรณีการทุจริตขึ้นอย่าเพิ่งไปกล่าวหาว่า นักการเมืองจะมีส่วนร่วมไปทุกเรื่อง
สำหรับกรณีปัญหาวิทยุชุมชนนั้น ก็อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งตนก็พร้อมเร่งรัดกฏหมายตั้งคณะกรรมการกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมแห่งชาติ (กส.ทช.) ขึ้นมาให้ก่อน โดยคาดว่าจะเสร็จทันในสมัยประชุมนี้ ทั้งนี้ถ้าพบว่าวิทยุชุมชนเชิญชวนให้ทำผิดกฏหมายก็ต้องดำเนินการ ส่วนจะไปบังคับให้คนไม่ชอบเราไปฟังเราไม่ได้ แต่ถ้าพบว่ามีการบิดเบือน ก็คงต้องใช้สิทธิ์ให้คนที่ถูกเป้าโจมตีได้ออกมาชี้แจง โดยรัฐบาลไปชี้แจงแทนคนอื่นคงจะไม่ได้ ทั้งนี้ตนมองว่า ยังต้องมีเวทีกลางให้ 2 ฝ่ายได้พูด เช่นสภาฯ
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาการทุจริตในรัฐบาลว่า ยืนยันว่ารัฐบาลใช้มาตรฐานเดียวกันในการตั้งกรรมการสอบทุจริต แต่กระบวนการอาจจะไม่เหมือนกัน ซึ่งถ้าสอบไปแล้วจะมีปัญหากับใครหรือไม่ ตนไม่มีสิทธิ์จะไปตอบตรงนั้น ยอมรับว่าบางเรื่องตนก็เชื่อ บางเรื่องตนก็ไม่เชื่อ แต่ว่าจะให้ได้หลักฐาน 100% อาจจะยาก แต่ยืนยันยุคของตนไม่มีเรื่องใดที่ตนไม่ตั้งกรรมการสอบสวนเหตุทุจริตที่เกิดขึ้น ขณะที่ปัญหาระหว่างข้าราชการการเมือง กับข้าราชการประจำ ถ้าทุกคนทำตามหน้าที่ ฝ่ายการเมืองอย่าล้วงลูกข้าราชการ ส่วนฝ่ายข้าราชการประจำไม่เล่นการเมือง ยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักก็จะแก้ปัญหาได้ ซึ่งตนยืนยันว่า จะไม่นำข้าราชการมาใช้ในทางการเมือง
ขณะที่ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ดีขึ้นมาก และตนมั่นใจว่า องค์การประชุมอิสลาม (โอไอซี) จะไม่นำไปเป็นประเด็นปัญหาละเมิดโดยนโยบายของรัฐ ทั้งนี้ได้มีการประสานประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย เพื่อทำความเข้าใจในปัญหาดังกล่าวด้วย ส่วนกรณีเครื่องตรวจจับระเบิด จีที200 นั้น เหตุที่ตนไม่สั่งห้ามใช้ทันทีเพราะเกรงว่าจะเกิดความโกลาหลและสับสนจากเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ซึ่งต้องให้เวลาในการไปชี้แจงต่อกำลังพล ทั้งนี้ตนได้สั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปแล้วว่า ให้เตือนเจ้าหน้าที่อย่านำเครื่องดังกล่าวไปใช้ในการตรวจสอบบุคคล และถ้าเจ้าหน้าที่มีความประสงค์จะใช้จริง ก็ต้องบอกก่อนว่าใช้แล้วไม่ดี แต่ถ้าจะใช้ก็ใช้ไป ส่วนเรื่องการทุจริตการจัดซื้อนั้น ยืนยันว่า ถึงแม้เครื่องดังกล่าวจะใช้ได้จริง แต่ถ้าพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นก็ต้องตั้งกรรมการสอบ พร้อมดูรายงานจัดซื้อย้อนหลัง แต่ยืนยันไม่ได้เริ่มจัดซื้อจากรัฐบาลนี้ ทั้งนี้ตนยอมรับว่า ถ้าถูกหลอกจริงก็คงจะโดนกันทั้งโลกแน่