นายกฯ ระบุข่าวติดสินบนตุลาการหลักพันล้านบาท ควรยุติได้แล้ว หลังคณะผู้พิพากษาออกมาปฏิเสธ ย้อนถาม “นช.แม้ว” จะเอาประเด็นไหนไปฟ้องศาลโลกคดียึดทรัพย์ ตั้งเป้าจีดีพีปีนี้ 4.7 เป็นปัจจัยทางการเมืองกระทบเศรษฐกิจ วอนคนไทยอย่าปล่อยให้ปัญหาของคนคนเดียวกระทบชาติ
วันนี้ (22 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวจ่ายสินบน 5 พันล้าน กับองคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาว่า เห็นศาลออกมาปฏิเสธแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องที่จบไป ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่าทั้งหมดอยู่ที่คำพิพากษา ซึ่งต้องมีคำอธิบายอยู่แล้วว่าเหตุผลคืออะไร ตนจึงได้เน้นย้ำว่าจริงๆ สัปดาห์นี้อย่าตื่นเต้นกัน รอคำพิพากษาของศาล และศาลคงจะแจกแจงเหตุผลทั้งหมด เมื่อเรารับฟังเหตุผลของศาลและยอมรับ ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป
เมื่อถามว่าในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังมีการโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยและบอกว่าจะไปฟ้องศาลโลก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนยังนึกไม่ออกว่าจะไปฟ้องในประเด็นไหนอย่างไร เมื่อถามว่า หลังการตัดสินคดี 7.6 หมื่นล้าน อาจไม่หยุดและอาจมีการเคลื่อนไหวตามมาอีก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันแก้ไข อย่างที่ตนได้เน้นย้ำว่าในสังคมเราต้องให้ความเคารพกระบวนการยุติธรรม ที่จริงแล้วเรามาสนใจเฉพาะคดีใดคดีหนึ่งไม่ได้ ความจริงศาลมีการตัดสินหลายคดี หลายๆ ฝ่ายที่อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็มีแพ้บ้างชนะบ้าง แต่เวลาที่ใครไม่พอใจแล้วหยิบยกขึ้นมาก็ไปทำให้เกิดความเข้าใจว่า ตัวเองแพ้ตลอดหรือชนะตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่า กำลังจะทำให้คดีของคนๆเดียวกลายเป็นปัญหาของชาติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราต้องไม่ให้เป็น เราต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งคดีและให้ผ่านพ้นไปในวันที่ 26 ก.พ.นี้ เมื่อถามว่า ทางสภาพัฒน์มีการประเมินตัวเลขจีดีพีจะโตได้ถึง 4 ในปีนี้ แต่ไม่รวมถึงปัจจัยทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า น่าจะได้เกินนั้น แต่ปัจจัยทางการเมือง ก็จะมีผลกระทบถ้าเราไม่สามารถ ที่จะดูแลให้ทุกอย่างอยู่ในระบบได้ ตนถึงคิดว่าเราน่าจะช่วยกัน เพราะขณะนี้โอกาสของเศรษฐกิจไทยมีมาก ในทางตรงกันข้ามถ้าเราปล่อยให้เหตุการณ์บ้านเมืองไปกระทบเศรษฐกิจอีก เข้าใจว่าเลขาฯ สภาพัฒน์ก็ย้ำว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกในสายตาชาวต่างประเทศ มันจะกลายเป็นซ้ำสามซ้ำสี่ ซึ่งจะไม่ช่วยเลย
เมื่อถามว่าจะทำให้เกิดภาวะอะไรบ้างกับเศรษฐกิจ หากเกิดปัญหาขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าจะเกิดความชะงักงันขึ้นมา และการกระตุ้นการฟื้นเศรษฐกิจแต่ละครั้งไม่ใช่ง่ายๆ ต้องใช้ทั้งเวลา ทรัพยากรนั่นคือเงินภาษีอากรของประชาชน ฉะนั้นวันนี้เมื่อทุกอย่างกำลังจะเข้ารูปเข้ารอยและเดินไปข้างหน้าได้ดี ก็อย่าไปทำให้มันเสียขบวน เรื่องของความแตกต่าง ก็แสดงออกกันไปอยู่ในขอบเขต เมื่อถามว่า คิดว่าจีดีพีจะเกินสี่นั้นเท่าไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้สภาพัฒน์ปรับมาที่ 3.5-4.5 ซึ่งตนเคยบอกอยากทำให้ได้ 4.7 แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่โดยพื้นฐานของมันทำได้ เมื่อถามว่าอยากจะฝากอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ สักครั้งไหม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เหมือนเดิมขอให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าคนเสื้อแดงเริ่มทยอยเข้า กทม.พร้อมปืนลูกกรด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้เข้ามานั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน
