xs
xsm
sm
md
lg

โหมโรงขู่ศาลบิดคดียึดทรัพย์ “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เวลานี้ถ้าลองเปลี่ยนช่องไปดูโทรทัศน์ของคนเสื้อแดงทั้งหลายแหล่สารพัดช่อง หรือแม้แต่วิทยุชุมชนในสังกัดเครือข่ายเดียวกันก็จะเห็นว่าจะมีการออกสปอตอย่างถี่ยิบในลักษณะชี้นำว่าทรัพย์สินจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำลังจะพิพากษาในบ่ายวันที่ 26 ก.พ.เป็นทรัพย์สินที่ ทักษิณ ชินวัตร หามาโดยสุจริต พร้อมกับระบุว่าหากยึดทรัพย์นั่นก็หมายถึง “ปล้นทรัพย์” จะต้องมีการจัดการกับ “กระบวนการยุติธรรม” ครั้งใหญ่

นับวันขบวนการบิดเบือนดังกล่าวกำลังมีการขยายผลออกไปทั่วประเทศหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญสิ่งที่น่ากลัวก็คือ หากผลการตัดสินของศาลออกมาเป็นลบกับ ทักษิณ ก็จะกลายเป็นการยั่วยุให้คนบางกลุ่มออกมาก่อความวุ่นวาย เนื่องจากเชื่อว่าไม่ยุติธรรม ซึ่งถือว่าอันตราย

ที่ผ่านมา ทักษิณ ได้ใช้ถ้อยคำปลุกระดม บิดเบือนความผิดของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง เช่นคำพูดที่ว่า “ผัวเซ็นชื่อ เมียซื้อ” ก็ติดคุก(ในคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ) หรือรวมไปถึงคดีที่ สมัคร สุนทรเวช ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีความผิดกรณีจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป” ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำนองเอื้อประโยชน์กับเอกชนบางกลุ่มในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม แต่ถูกบิดเบือนว่า “จัดรายการทำกับข้าวก็ถูกให้ออกจากตำแหน่ง” หรือมีคำพูดว่า “กูทำอะไรก็ผิด แต่มึงทำอะไรก็ถูกหมด” อะไรประมาณนี้ เป็นการใช้คำพูดปลุกระดมโดยไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้สังคมได้เข้าใจ
 
ซึ่งที่ผ่านมาทั้งตัว ทักษิณ และเครือข่ายเสื้อแดงมักจะใช้คำพูดในลักษณะดังกล่าวมาขยายผลบิดเบือนชี้นำให้สังคมได้เห็นว่ามี “สองมาตรฐาน” หรือบางกลุ่มเป็น “อภิสิทธิ์ชน” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ทักษิณ กำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ล้วนเข้าข่ายสิ่งที่กล่าวหาคนอื่นทั้งสิ้น

หากจะว่าไปแล้ว สำหรับคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท กว่าจะมาถึงวันพิพากษาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาคดีมีการเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายคือผู้ร้องกับผู้ถูกร้องได้ใช้หลักฐาน พยานมาชี้แจง หักล้างแก้ต่างกันอย่างเต็มที่ มีการไต่สวนเพื่อค้นหาความจริงกันอย่างยุติธรรม ซึ่งกระบวนการพิจารณาเป็นไปตามขั้นตอนเหมือนกับคดีอื่นๆที่อยู่ในลักษณะเดียวกัน

ในคดีอื่นๆ ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือเคยมีอำนาจ มีอิทธิพลหากต้องถูกดำเนินคดีและเมื่อดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องลุ้นฟังคำพิพากษาด้วยใจจดจ่อไม่ว่าผลออกมาทางบวกหรือลบก็ต้องยอมรับ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินก็ตาม ไม่มีใครสร้างกระแสปลุกระดมข่มขู่ศาล ดังเช่นที่ ทักษิณ และเครือข่ายกำลังดำเนินการอยู่

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่ายินดีก็คือกระแสสังคมนับวันยิ่งมีแนวโน้มให้เห็นว่าอยากให้ทุกฝ่ายเคารพในคำตัดสินของศาลไม่ว่าจะออกมาในทางใดก็ตาม เพราะนี่คือกระบวนการยุติธรรม เป็นกติกาในสังคมขั้นสุดท้ายที่ไม่ว่าใครจะมีความเห็นอย่างไร แต่ศาลก็ต้องถือว่าเป็นที่พึ่งสุดท้าย หากใครพยายามบิดเบือนหรือใช้วิธีการข่มขู่ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ และจะถูกต่อต้านในที่สุด

ดังนั้น วิธีการที่ ทักษิณ พยายามปลุกระดมอย่างหนักในเวลานี้ แม้ว่าอาจจะได้ผลบ้างในกลุ่มคนที่ขาดข้อมูล หรือถูกชี้นำด้วยภาพลวงตามานาน แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือสังคมส่วนใหญ่กำลังคิดอย่างไรมากกว่า และที่สำคัญในคำพิพากษาย่อมต้องมีคำอธิบาย มีที่มาที่ไป มีเหตุมีผลก่อนจะมีการตัดสินออกมาทีละประเด็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้วิกฤตการณ์ที่กำลังถูกสร้างขึ้นมา สามารถคลี่คลายลงได้ด้วย

แต่ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร นาทีนี้สังคมเริ่มเห็นตรงกันแล้วว่าทุกฝ่ายต้องยอมในคำพิพากษา เพราะไม่เช่นนั้น บ้านเมืองจะไร้กติกา ไร้ขื่อแป ทุกคนต้องยอมรับ ไม่ว่าใครก็ตามจะทำตัวอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้เป็นอันขาด!!

กำลังโหลดความคิดเห็น