ศึกนี้ชักบานปลาย “เป็ดเหลิม” ก้าบๆๆ!! ปากเปราะ แฉ “โปลิตบูโร” ชั้น 33 ตึกชินฯ อยู่เบื้องหลังชักใยเพื่อไทย แถมเป็นตัวจุดชนวนขัดแย้งทั้งหมด แง้มอาจมีผลต่อการทำงานในอนาคต พร้อมเชิดใส่ ส.ส.ไข่แม้ว รุมถีบขับไล่ไสส่ง ลั่นไม่นำซักฟอกแน่ หากนายกฯ เงาเป็นคนนอก
วันนี้ (18 ก.พ.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการให้สัมภาษณ์ของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ไม่ใช่เป็นการสร้างปัญหา แต่เป็นการพูดในหลักการที่ถูกต้อง คือถ้าตนถอนตัวก็ต้องหาคนใหม่มาแทน เพราะพรรคเพื่อไทยมีคนเยอะ คนเก่งเยอะ หาใครมาแทนก็ได้ และได้คุยกันแล้วไม่มีปัญหา แต่หลักการตนยังเหมือนเดิมคือ ถ้าพรรคนำคนนอกพรรคมาใส่ชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีตนจะถอนตัวจากการอภิปรายอย่างแน่นอน แต่ยังยินดีที่จะให้ ส.ส.ของพรรคนำข้อมูลของตนไปอภิปรายได้ แต่เชื่อว่าคงไม่สามารถอภิปรายได้ เนื่องจากอ่านแล้วอาจจะไม่เข้าใจ เพราะมันต้องใช้คนให้ถูกกับงาน อย่างไรก็ตาม หากพรรคใส่ชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนใดก็ตามเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ใช่ชื่อของตนก็ตาม ตนก็ยังพร้อมที่จะร่วมอภิปรายเหมือนเดิม ใส่ชื่อใครก็ได้ไม่เป็นปัญหา เพราะใส่ไปก็ไม่ได้เป็นอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การที่ตนออกมาพูดเรื่องนี้นั้นขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้น้อยใจที่หากไม่ได้ถูกใส่ชื่อเป็นนายกฯ เพราะพรรคจะใส่ใครก็ได้แต่ขอให้เป็นคนในพรรค จะใส่ชื่อนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. หรือนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนก็ได้ เพียงแต่วันนี้อยากให้พรรคชัดเจนว่าจะใช้ใคร จะให้ไปรบก็ต้องให้พกปืน จะให้ไปรำก็ต้องให้สวมชฎา หากยังไม่มีความชัดเจนตนก็จะยังไม่เข้าประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สำหรับข้อมูลที่เตรียมไว้ใช้ในการอภิปรายนั้น บางเรื่องเช่นชุมชนพอเพียงก็ตัดจากหนังสือพิมพ์มาทั้งนั้น อภิปรายนายก อบต.ยังไม่ได้เลย เลิกคิดเสียทีว่าอภิปรายแล้วจะทำให้พรรคร่วมเปลี่ยนขั้ว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยขณะนี้ ส.ส.จะรับรู้ตรงกันว่ามีฝ่ายบริหารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีศูนย์ประจำการอยู่ที่ชั้น 33 ตึกชินวัตร 3 หรือเรียกว่า “แกนนำโปลิตบูโร” ซึ่งจะมีอำนาจเหนือพรรค รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง ส.ส.ส่วนใหญ่มองว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นเพราะการปรับโครงดังกล่าวยังไม่เหมาะสมกับสภาพของพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคใหญ่ การตั้งฝ่ายบริหารลักษณะดังกล่าวอาจยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น และอาจกระทบกับการทำงานในอนาคตเช่น กรณีที่ผ่านมาที่คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์และการเมืองอาจมีมติหรือความเห็นที่ขัดแย้งกับกลุ่มโปลิตบูโรในเรื่องการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค การเตรียมข้อมูลอภิปรายไมไว้วางใจที่ยังไม่ลงตัวในขณะนี้ เป็นต้น
ขณะที่ แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ความขัดแย้งล่าสุดที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาประกาศว่าจะไม่ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจหากมีการเสนอชื่อคนนอกพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม ทราบข้อมูลว่า คุณหญิงสุดารัตน์พยายามไปทาบทามบุคคลต่างๆ มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อคานอำนาจ ร.ต.อ.เฉลิม โดยก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการยุบพรรคพลังประชาชนนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ก็เคยทาบทามนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และได้พยายามจะผลักดันนายเสนาะเป็นผู้นำฝ่ายค้านแต่ถูกแรงต้านจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรค โดยล่าสุดคุณหญิงสุดารัตน์ได้ไปทาบทาม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากทั้ง 2 คน