นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปรากฎการณ์ที่พรรคร่วมรัฐบาลผลักดันให้เลื่อนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในการประชุมร่วม 2 สภาเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็คงทำให้ฝ่ายค้านได้เห็นว่าความสามัคคี ในพรรคร่วมรัฐบาลยังแน่นแฟ้น จึงทำให้ฝ่ายค้านคิดหนัก ในการที่จะยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจ และท่ามกลางความขัดแย้งของแกนนำพรรคเพื่อไทยทั้งสองขั้ว คือ รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำกลุ่ม ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ไม่มีความพร้อม ในการที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อยากเรียกร้องว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ใช้เทศกาลกฐิน ที่เมื่อถึงเวลาแล้วต้องทอดกฐิน ถ้าหากว่าไม่มีความพร้อม หรือข้อเท็จจริงเพียงพอ ก็ไม่ควรที่จะดื้อรั้นอภิปรายไปตามประเพณี
อยากฝ่ายค้านไปเตรียมข้อมูลและหาความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาตัวนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ให้ได้เสียก่อน
นายเทพไท กล่าวว่า ตนสนับสนุนให้บุคคลตาม มาตรา 158 มาจากบุคคล ในพรรคเพื่อไทยมากกว่าที่จะไปหยิบฉวยเอาบุคคลภายนอก ตามที่มีกระแสข่าว เพราะอย่างน้อยวันที่มีการโหวตเลือกตั้งนายกฯก็เห็นได้ชัดว่า พรคเพื่อไทยสิ้นคนที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ โดยจะไปยก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จากพรรคการเมืองอื่น มาเป็นนายกฯ ตนคิดว่าถ้าหากว่าทำอย่างนั้นอีก ก็คงจะทำลายความรู้สึกของ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่สิ้นไร้ไม่ตรอก ที่จะหาคนมาเป็นนายกฯอุปโลกได้
ด้านนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เปิดแถลงข่าวปฏิเสธว่าไม่ได้เข้าไปวุ่นวาย เรื่องการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสกัดกั้นไม่ให้เสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นนายกรัฐมนตรีในการยื่นญัตติฯดังกล่าว ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวหา เพราะที่ผ่านมาตนอยู่เฉยๆ ในฐานะสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และขอร้องอย่านำตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นปัญหากับพรรคเพื่อไทย
ถ้าใครโดนอย่างดิฉันก็เสียใจ ไม่เชื่อลองเปลี่ยนสรรพนามนำหน้าชื่อ ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ใช้กับดิฉันเป็นชื่อตัวเองจะเสียใจหรือไม่ เพราะดิฉันไม่เคยเสนอหน้าหรือเสนอใครเป็นนายกฯ และแม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่เคยทำอะไรลับหลัง
ส่วนที่มีการระบุว่านายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย จะมาเป็นนายกฯ ถามว่าจะเป็นได้อย่างไร ยืนยันว่าเวลาที่ส.ส.มาหาตนก็จะพูดแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ผู้สื่อข่าวถามว่าร.ต.อ.เฉลิม ปักใจเชื่อว่าคุณหญิงสุดารัตน์เป็นคนขัดขวางให้ให้ตัวเองถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่เคยเห็นความสำคัญของคนที่สื่อกล่าวมาว่ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปขัดขวาง และอยากให้ผู้บริหารพรรคออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เกิดจาก มีส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทยคนหนึ่งไปให้ความเห็นว่ามีคนไปถามว่าใครเหมาะที่จะมาเป็นนายกฯ ซึ่งตนก็ถามไปที่ส.ส.คนดังกล่าว และทราบว่าไม่ใช่มติของภาค กทม. ความเห็นที่ออกมาจึงเป็นเรื่องส่วนบุคคล และบอกไปว่าไม่ และให้ระมัดระวังมากขึ้น เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับร.ต.อ.เฉลิม หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ย้ำว่าอย่ามายุ่งกับตนเลย
นาย วัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นภารกิจสำคัญของพรรค แต่ที่เลื่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป เพราะเห็นว่ากรอบการเจรจาความร่วมมือกับต่างประเทศที่รัฐเสนอมาตามมาตรา 190 สำคัญกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญได้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมแล้ว ส่วนที่ประชุมจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเมื่อไหร่ก็อยู่ที่ประชุม
ยืนยันว่าการเลื่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับการต่อรองผลประโยชน์ใดๆ พรรคที่ตั้งข้อสังเกตุเรื่องนี้อย่าเอาบรรทัดฐานตัวเองมาตัดสินคนอื่น และการเลื่อนญัตติก็ไม่เกี่ยวกับแรงต้านจากกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเราไม่ให้ความสำคัญกับแรงกดดันภายนอกสภา
นายวัชระ กล่าวว่าที่กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่าหากเกิดวิกฤตการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายบรรหาร ศิลปอาชา ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้นั้น ตนขอบอกว่าการพิจารณา เป็นเรื่องของสภา พันธมิตรฯกล่าวพาดพิงคนในพรรคชาติไทยพัฒนาถือว่า ไม่เป็น ธรรม ตนคิดว่าสังคมเข้าใจดีว่าในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมาความขัดแย้งทางการเมือง เกิดขึ้นเพราะใคร กลุ่าไหน การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องปลายน้ำไม่ใช่ต้นเหตุ แต่ต้นเหตุเกิดจากรัฐธรรมนูญปี 50 ที่สร้างขึ้นมาจากฝ่ายที่ยึดอำนาจ นอกจากนี้พันธมิตรฯถือว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในประเทศนี้ด้วย
ฝากถึงนายสุริยะใส กตะศิลาว่าจะเลือกทำงานแบบไหนจะเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ หรือเป็นผู้นำม็อบ การวิ่งรอกไปวิ่งรอกมาไม่เป็นคุณ จะทำให้นายสุริยะใสเหนื่อยและกองเชียร์ก็เหนื่อย พรรคไม่ว่าอะไรที่พันธมิตรฯ จะยื่นถอดถอนส.ส.แต่ไม่ควรกล่าวหาพาดพิงตัวบุคคลเพราะไม่เป็นธรรม
อยากฝ่ายค้านไปเตรียมข้อมูลและหาความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาตัวนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ให้ได้เสียก่อน
นายเทพไท กล่าวว่า ตนสนับสนุนให้บุคคลตาม มาตรา 158 มาจากบุคคล ในพรรคเพื่อไทยมากกว่าที่จะไปหยิบฉวยเอาบุคคลภายนอก ตามที่มีกระแสข่าว เพราะอย่างน้อยวันที่มีการโหวตเลือกตั้งนายกฯก็เห็นได้ชัดว่า พรคเพื่อไทยสิ้นคนที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ โดยจะไปยก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จากพรรคการเมืองอื่น มาเป็นนายกฯ ตนคิดว่าถ้าหากว่าทำอย่างนั้นอีก ก็คงจะทำลายความรู้สึกของ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่สิ้นไร้ไม่ตรอก ที่จะหาคนมาเป็นนายกฯอุปโลกได้
ด้านนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เปิดแถลงข่าวปฏิเสธว่าไม่ได้เข้าไปวุ่นวาย เรื่องการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสกัดกั้นไม่ให้เสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นนายกรัฐมนตรีในการยื่นญัตติฯดังกล่าว ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวหา เพราะที่ผ่านมาตนอยู่เฉยๆ ในฐานะสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และขอร้องอย่านำตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นปัญหากับพรรคเพื่อไทย
ถ้าใครโดนอย่างดิฉันก็เสียใจ ไม่เชื่อลองเปลี่ยนสรรพนามนำหน้าชื่อ ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ใช้กับดิฉันเป็นชื่อตัวเองจะเสียใจหรือไม่ เพราะดิฉันไม่เคยเสนอหน้าหรือเสนอใครเป็นนายกฯ และแม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่เคยทำอะไรลับหลัง
ส่วนที่มีการระบุว่านายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย จะมาเป็นนายกฯ ถามว่าจะเป็นได้อย่างไร ยืนยันว่าเวลาที่ส.ส.มาหาตนก็จะพูดแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ผู้สื่อข่าวถามว่าร.ต.อ.เฉลิม ปักใจเชื่อว่าคุณหญิงสุดารัตน์เป็นคนขัดขวางให้ให้ตัวเองถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่เคยเห็นความสำคัญของคนที่สื่อกล่าวมาว่ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปขัดขวาง และอยากให้ผู้บริหารพรรคออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เกิดจาก มีส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทยคนหนึ่งไปให้ความเห็นว่ามีคนไปถามว่าใครเหมาะที่จะมาเป็นนายกฯ ซึ่งตนก็ถามไปที่ส.ส.คนดังกล่าว และทราบว่าไม่ใช่มติของภาค กทม. ความเห็นที่ออกมาจึงเป็นเรื่องส่วนบุคคล และบอกไปว่าไม่ และให้ระมัดระวังมากขึ้น เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับร.ต.อ.เฉลิม หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ย้ำว่าอย่ามายุ่งกับตนเลย
นาย วัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นภารกิจสำคัญของพรรค แต่ที่เลื่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป เพราะเห็นว่ากรอบการเจรจาความร่วมมือกับต่างประเทศที่รัฐเสนอมาตามมาตรา 190 สำคัญกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญได้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมแล้ว ส่วนที่ประชุมจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเมื่อไหร่ก็อยู่ที่ประชุม
ยืนยันว่าการเลื่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับการต่อรองผลประโยชน์ใดๆ พรรคที่ตั้งข้อสังเกตุเรื่องนี้อย่าเอาบรรทัดฐานตัวเองมาตัดสินคนอื่น และการเลื่อนญัตติก็ไม่เกี่ยวกับแรงต้านจากกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเราไม่ให้ความสำคัญกับแรงกดดันภายนอกสภา
นายวัชระ กล่าวว่าที่กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่าหากเกิดวิกฤตการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายบรรหาร ศิลปอาชา ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้นั้น ตนขอบอกว่าการพิจารณา เป็นเรื่องของสภา พันธมิตรฯกล่าวพาดพิงคนในพรรคชาติไทยพัฒนาถือว่า ไม่เป็น ธรรม ตนคิดว่าสังคมเข้าใจดีว่าในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมาความขัดแย้งทางการเมือง เกิดขึ้นเพราะใคร กลุ่าไหน การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องปลายน้ำไม่ใช่ต้นเหตุ แต่ต้นเหตุเกิดจากรัฐธรรมนูญปี 50 ที่สร้างขึ้นมาจากฝ่ายที่ยึดอำนาจ นอกจากนี้พันธมิตรฯถือว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในประเทศนี้ด้วย
ฝากถึงนายสุริยะใส กตะศิลาว่าจะเลือกทำงานแบบไหนจะเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ หรือเป็นผู้นำม็อบ การวิ่งรอกไปวิ่งรอกมาไม่เป็นคุณ จะทำให้นายสุริยะใสเหนื่อยและกองเชียร์ก็เหนื่อย พรรคไม่ว่าอะไรที่พันธมิตรฯ จะยื่นถอดถอนส.ส.แต่ไม่ควรกล่าวหาพาดพิงตัวบุคคลเพราะไม่เป็นธรรม
