พลพรรคมินิบัสนับ 100 คนยื่นร้องศาลปกครองให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวสั่ง ขสมก.อนุญาตเอารถเขียวออกวิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่างรอต่อรถใหม่ การต่อรถให้ถูกต้องตามระเบียบของ ขสมก.ไม่อาจทำให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน เนื่องจากรถมีจำนวนมาก
วันนี้ (18 ก.พ.) นายธนวัฒน์ สุวรรณสุข ตัวแทนคนขับรถมินิบัส พร้อมพวกร่วม 100 คน ได้ยื่นฟ้ององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รมว.คมนาคม และรมช.คมนาคม ต่อศาลปกครองกลาง กรณีที่มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนรถมินิบัสจากเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นรถเอ็นจีวีที่ใช้ก๊าซซีเอ็นจี โดยขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
ทั้งนี้ คำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.52 ทาง ขสมก.ได้มีการเรียกประชุมผู้ประกอบการรถมินิบัสเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการชำระเงินค่าธรรมเนียมย้อนหลังที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายให้ ขสมก. และการปรับปรุงรถโดยสาร โดยที่ประชุมของ ขสมก.มีมติว่าผู้ประกอบการไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม แต่ต่อมา ขสมก.กลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง โดยมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมย้อนหลัง และกำหนดระเบียบใหม่ให้ผู้ประกอบการยกเลิกการใช้รถเดิมและให้ใช้รถตามมาตรฐานที่ ขสมก.กำหนด ซึ่งคำสั่งดังกล่าวกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินการ เปลี่ยนรถจากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นรถเอ็นจีวีภายในวันที่ 17 ก.พ.53 โดยระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ประกอบการก็นิ่งเฉยและได้พยายามหาเงินทุนมาดำเนินการ แต่ต้องใช้เวลาในการขอสินเชื่อ จึงเป็นเหตุทำให้ล่าช้าและไม่มีเงินไปจ้างอู่ต่อรถ แต่ขณะนี้ผู้ประกอบการมินิบัสเกือบทุกรายได้รับอนุมัติสินเชื่อและมีเงินไปต่อรถ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการให้ตรงตามข้อกำหนดของ ขสมก. แต่การต่อรถให้ถูกต้องตามระเบียบของ ขสมก.ไม่อาจทำให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน เนื่องจากรถมีจำนวนมาก จึงยื่นฟ้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการสามารถนำรถเดิมออกมาให้บริการประชาชนในระหว่างรอการต่อรถใหม่ รวมทั้งขอให้ทาง ขสมก.ให้สิทธิผู้ประกอบการเข้าร่วมเดินรถตามสิทธิ์ที่มีอยู่เดิม
วันนี้ (18 ก.พ.) นายธนวัฒน์ สุวรรณสุข ตัวแทนคนขับรถมินิบัส พร้อมพวกร่วม 100 คน ได้ยื่นฟ้ององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รมว.คมนาคม และรมช.คมนาคม ต่อศาลปกครองกลาง กรณีที่มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนรถมินิบัสจากเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นรถเอ็นจีวีที่ใช้ก๊าซซีเอ็นจี โดยขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
ทั้งนี้ คำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.52 ทาง ขสมก.ได้มีการเรียกประชุมผู้ประกอบการรถมินิบัสเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการชำระเงินค่าธรรมเนียมย้อนหลังที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายให้ ขสมก. และการปรับปรุงรถโดยสาร โดยที่ประชุมของ ขสมก.มีมติว่าผู้ประกอบการไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม แต่ต่อมา ขสมก.กลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง โดยมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมย้อนหลัง และกำหนดระเบียบใหม่ให้ผู้ประกอบการยกเลิกการใช้รถเดิมและให้ใช้รถตามมาตรฐานที่ ขสมก.กำหนด ซึ่งคำสั่งดังกล่าวกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินการ เปลี่ยนรถจากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นรถเอ็นจีวีภายในวันที่ 17 ก.พ.53 โดยระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ประกอบการก็นิ่งเฉยและได้พยายามหาเงินทุนมาดำเนินการ แต่ต้องใช้เวลาในการขอสินเชื่อ จึงเป็นเหตุทำให้ล่าช้าและไม่มีเงินไปจ้างอู่ต่อรถ แต่ขณะนี้ผู้ประกอบการมินิบัสเกือบทุกรายได้รับอนุมัติสินเชื่อและมีเงินไปต่อรถ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการให้ตรงตามข้อกำหนดของ ขสมก. แต่การต่อรถให้ถูกต้องตามระเบียบของ ขสมก.ไม่อาจทำให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน เนื่องจากรถมีจำนวนมาก จึงยื่นฟ้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการสามารถนำรถเดิมออกมาให้บริการประชาชนในระหว่างรอการต่อรถใหม่ รวมทั้งขอให้ทาง ขสมก.ให้สิทธิผู้ประกอบการเข้าร่วมเดินรถตามสิทธิ์ที่มีอยู่เดิม