ปธ.พรรคเพื่อไทย พูดหน้าลืมหลัง แนะไข่แม้วให้ยึดมั่นสันติวิธี จี้รัฐจับมือวางระเบิดป่วนเมืองให้ได้โดยเร็ว อมพระมาพูดเชื่อจะไม่มีเหตุรุนแรงจนถึงวันยึดทรัพย์ “แม้ว” คัดหางเสธ.แดงหมาแค่หมาเน่าลอยน้ำ ทำเป็นหูทวนลม “ไอ้ก้าน” กุข่าวเช็คทำบุญ “ป๋า” แค่เรื่องส่วนตัว จุดพลุทิ้งทวนไม่ไว้วางใจกองทัพจ้องก่อรัฐประหาร
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ได้พูดให้ที่ประชุมฟังถึงสถานการณ์ทั่วไปว่า ขณะนี้ไม่มีทางอื่นนอกจากการใช้สันติวิธี แต่คนที่พูดก็ต้องด้วยความสำนึกและความเข้าใจด้วย ไม่ใช่แค่พูดเล่นๆ ในอดีตที่ผ่านมาเราก็เคยใช้แนวทางนี้ได้ผลมาแล้ว ในการยุติความขัดแย้งของบ้านเมืองรวมทั้งกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย หรือกัมพูชา ดังนั้น เมื่อสถานการณ์ขณะนี้มีการเร่งเร้าให้เกิดสถานการณ์ อยากจะให้คนรู้ว่าอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นก็ต้องคิดให้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ มีอะไรที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง เราต้องระมัดระวังให้ดี และยึดมั่นในแนวทางของเราที่จะใช้สันติวิธี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเหตุลอบวางระเบิดในสถานที่สำคัญต่างๆนั้นจะเป็นผลดีให้กับฝ่ายใด พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า อาจจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ได้ในบ้านเมือง เพราะเมื่ออยู่ในวงจรของสถานการณ์ที่มีการเร่งเร้า ดังนั้นต้องระมัดระวังให้ดี ซึ่งตนก็เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าต้องช่วยกันป้องกันเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ใช่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอยู่ฝ่ายเดียว ใครก็แล้วแต่ที่อาจจะวางแผนหรือคิดสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นล้วนเป็นอันตรายทั้งนั้น ดังนั้นเราต้องช่วยกันดูอย่างเต็มที่ อย่าให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีเหตุลอบวางระเบิดเกิดขึ้นแล้วจะมาบอกว่า จะไปเอางบลับ 50 ล้านบาทเพื่อมาป้องกันนั้นคงไม่ใช่อย่างนั้น แต่ต้องมีการดำเนินการสืบสวนจนสามารถจับกุมตัวมาให้ได้จึงจะถูกต้อง
สำหรับการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 26 ก.พ.นั้นมองว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ตนเคยบอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ และไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้น เรามีประสบการณ์กันมามากแล้ว การใช้ความรุนแรงนั้นมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดใจ ซึ่งทุกคนต่างก็รู้และเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญคือ ความสมานฉันท์เกิดขึ้นได้เมื่ออีกฝ่ายเข้าใจถึงจิตใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ให้เกียรติเขาแล้วก็มาพูดคุยกัน นั่นคือหัวใจของการแก้ปัญหา ไม่ใช่โยนให้กันอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไข
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงข่มขู่ในทำนองว่า อาจจะมีการใช้ความรุนแรงนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ไม่ถูกต้อง ซึ่งก็คงต้องไปถามพล.ต.ขัตติยะตรงๆ ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าถามตนในฐานะที่ดูสถานการณ์นั้นก็มองว่าไม่ถูกต้อง และก็ไม่ใช่แค่ พล.ต.ขัตติยะเท่านั้น ใครก็ตามที่พูดแบบนี้ต้องถือว่าไม่ถูกต้องทั้งนั้น
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช.นำสำเนาเช็คจากคณะ 11 ที่สั่งจ่ายให้กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมาเปิดเผยและเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบนั้นมองว่า เหมาะสมหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ตนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เป็นเรื่องส่วนตัว ตนสนใจแต่เรื่องส่วนรวม ส่วนความเคลื่อนไหวของกองทัพนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า มี 2 อย่างคือ 1.ไม่ตื่นตระหนก และ 2.มีแผนการณ์อะไรบางประการซึ่งไม่ทราบว่าคืออะไร อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องการปฏิวัตินั้นไม่น่าจะมี แต่ก็ฟังหูไว้หู เพราะที่ผ่านมาทหารยืนยันว่าไม่มีทีไรก็มักจะมีทุกที แต่ส่วนตัวขณะนี้ยังเชื่อว่า ไม่น่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น แต่เป็นการทำตามแผนงานมากกว่า