โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ชี้คดีเงินบริจาค 258 ล้านประชาธิปัตย์ น่าจะสร้างความเคลื่อนไหวรุนแรงกว่าตัดสินยึดทรัพย์ “นช.แม้ว” จี้ กกต.ใช้มาตรฐานเดียวยุบพรรค ย้ำแก้รัฐธรรมนูญทันทีที่เปิดสภาฯ หวัง ปชป.ไม่โหวตสวน รับข่าว “มาร์ค” คุย “ป๋า” บีบ “เติ้ง” ทำเสียหาย ซัดคนกุยุติ
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า พรรคฯ ขอให้สื่อมวลชนและสังคมจับตามองสถานการณ์การเมืองจากนี้จนถึงเดือน ก.พ. โดยพรรคเชื่อว่าสถานการณ์จะมีความเคลื่อนไหวรุนแรงเพียงใดขึ้นอยู่กับ 3 กรณี คือ คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ, กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินป่าสงวนเขายายเที่ยง ซึ่งทั้งสามประเด็นไม่ว่าจะมีผลสรุปอย่างไรจะมีผลทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองอย่างแน่นอน โดยในคดียึดทรัพย์หากมีการยึดทรัพย์จริงเชื่อว่าไม่น่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นภายในประเทศ เพราะแกนนำกลุ่มเสื้อแดงและพ.ต.ท.ทักษิณ มีบทเรียนว่าการใช้ความรุนแรงไม่สามารถเอาชนะใจประชาชนได้ ดังนั้น การแสดงออกที่จะทำได้มากที่สุดคือ การแสดงถึงความไม่ชอบมาพากลและการใช้หลักเกณฑ์สองมาตรฐาน
“พรรคประเมินว่าประเด็นที่จะสร้างแรงกระเพื่อมได้มากที่สุด คือ ประเด็นเงินบริจาค 258 ล้านบาท เพราะเกี่ยวข้องกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และมีสังคมเฝ้าดูจำนวนมาก ฉะนั้นพรรคจึงขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด โดยต้องใช้มาตรฐานเดียวกันกับการยุบพรรคการเมืองอื่นที่ผ่านมา โดยให้ยึดหลักกฎหมายมากกว่าหลักรัฐศาสตร์ เราไม่ได้กดดัน กกต. แต่เป็นการเรียกร้องของคนทั้งประเทศที่ต้องการเห็นความเป็นธรรม” นายวัชระกล่าว
นายวัชระกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่เขายายเที่ยงนั้นพรรคเชื่อว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว และหวังว่าจะมีคำตอบออกมาโดยเร็ว เพราะอาจมีการขับเคลื่อนทางการเมืองของประเทศในเรื่องสองมาตรฐาน
โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนายังกล่าวอีกว่า พรรคยืนยันที่จะเดินหน้าผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป โดยขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้จัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็นตามมติของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พรรคจะนำเสนอเพียง 2 ประเด็น คือ การแก้ไขประเด็นการพิจารณากรอบความร่วมมือสนธิสัญญาระหว่างประเทศ มาตรา 190 และประเด็นที่มาของ ส.ส.และเขตเลือกตั้งแบบเขตเดียว มาตรา 165 และ 93 โดย พรรคพร้อมที่จะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่หวั่นไหวต่อกระแสข่าวใดๆ ทั้งสิ้น พรรคขอให้เรื่องนี้ไปตัดสินกันในสภา โดยพรรคเชื่อว่าแนวทางนี้จะเป็นหนทางดีที่สุดที่จะแก้ไขสถานการณ์การเมือง
“พรรคมั่นใจเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคภูมิใจไทย และเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.บางส่วน รวมประมาณ 90 กว่าเสียงแล้วโดยพรรคมั่นใจว่าจะมีเสียงสนับสนุนสามารถยื่นญัตติได้ ส่วน พรรคการเมืองอื่นจะเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคก็ยินดี ซึ่งนายกฯก็บอกว่าเป็นเรื่องการเมือง เราก็รอพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่พรรคขอยืนยันว่านี่คือการจับมือเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญสองประเด็นนี้ ไม่มีผลประโยชน์หรือการเปลี่ยนขั้วใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับพรรคประชาธิปัตย์เราเข้าใจเขา และเราไม่กดดัน คือไม่ว่าจะไม่โหวตให้หรือโหวตสวนคงมีค่าเท่ากัน ผมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มีมารยาทพอที่จะไม่โหวตสวน เราไว้วางใจประชาธิปัตย์ แต่ขอตั้งคำถามว่าประชาธิปัตย์ไว้วางใจเราหรือไม่ เพราะประชาธิปัตย์เองก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงท่าที ทั้งนี้เราต่างคนต่างต้องแยกแยะ โดยเวลานี้เราคิดเพียงอย่างเดียวคือหาเสียงสนับสนุนให้พอ” นายวัชระกล่าว
นายวัชระกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวลือการเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเนื่องจากไม่พอใจกระแสกดดันแก้ไขรัฐธรรมนูญจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะจากพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า ข่าวลือไม่ว่าจะปล่อยมาจากที่ใดไม่มีผลดีต่อนายกรัฐมนตรี และประธานองคมนตรี โดยเฉพาะนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาโดนมากที่สุด จึงขอเรียกร้องไปยังผู้ปล่อยให้ยุติการปล่อยข่าวเพราะไม่ใช่สิ่งที่ดีและบ้านเมืองได้รับความเสียหายมากเพียงพอแล้ว