โฆษก ชทพ.ชิงปัดสวะเสื้อแดงโหมข่าว “มาร์ค” ดอดหารือ “ป๋า” ใช้ “เติ้ง” เป็นเหยื่อกดดันยุบสภา มั่นใจ ปธ.องคมนตรีไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง วอนสังคมเห็นใจ ชพท.ยันจับมือพรรคเล็กลุยแก้ รธน. เผยยังรอ ปชป. เปลี่ยนใจหนุนแก้ 2 มาตรา
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ชี้แจงข้อเท็จจริงถึงกระแสข่าวที่มีการพาดพิงถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาว่า ขอความเป็นธรรมให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาต่อกระแสข่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาและนายบรรหารกดดันรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะนำไปสู่ประเด็นการยุบสภา อย่างไรก็ตาม พรรคชาติไทยพัฒนาขอความเป็นธรรมและปฏิเสธข่าวในประเด็นที่เข้าไปกดดันรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นนายบรรหารหรือพรรคชาติไทยพัฒนา
นายวัชระกล่าวต่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นขอทำความเข้าใจและชี้แจงว่าเป็นการริเริ่มของนายอภิสิทธิ์ หลังเกิดเหตุการณ์เดือนเมษายนที่ผ่านมา ในส่วนของพรรคจะยื่นแก้ไขใน 2 ประเด็น คือ มาตรา 190 เรื่องการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศ และกติกาการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตในลักษณะเบอร์เดียว เขตเดียว ซึ่งเกี่ยวพันกับมาตรา 93 และ 94 ตนเชื่อว่าสื่อมวลชนจำได้ดี ซึ่งนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์และนำไปสู่การมีข้อสรุปการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฯ พูดออกมาอย่างชัดเจนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภา และแต่ละพรรคการเมือง และนำไปสู่ที่มาของการนำเสนอของนายบรรหารและพรรคชาติไทยและพรรคอื่นๆ”
นายวัชระกล่าวอีกว่า ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวมีความชัดเจน และอยากทำความเข้าใจว่าเป็นภารกิจของพรรคการเมืองไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนานั้น ถือเป็นภารกิจของพรรคชาติไทยพัฒนาที่จะไปนำเสนอสู่สภา และนำเสนอสู่พี่น้องประชาชน แพ้ชนะ ว่ากันที่สภา และการโน้มน้าวเหตุผลของพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคร่วมอื่นๆ ที่จะนำเสนอให้กับพี่น้องประชาชนและบรรดาสมาชิกของสภา ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
“นี่คือสิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาและนายบรรหารอยากจะขอความเป็นธรรม ไม่ว่าข้อกล่าวหาจะมาจากที่ไหนก็แล้วแต่ หรือกระแสข่าวที่เกิดขึ้นว่าพรรคชาติไทยพัฒนาบีบรัฐบาล โดยโยงใยเข้าสู่ประเด็นของการแก้รัฐธรรมนูญ จึงปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นกระบวนการทางการเมืองของรัฐสภาและพรรคการเมือง ซึ่งนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์เองก็รับทราบและรับรู้อีกทั้งยังเปิดไฟเขียวมาให้ตลอด” นายวัชระกล่าว
นายวัชระกล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าการพูดคุยของนายอภิสิทธิ์ และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง ยังเชื่ออีกว่าโดยสถานภาพ บทบาทและหน้าที่ของประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่ลงมายุ่งเกี่ยวกับประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายบรรหาร หรือเกี่ยวข้องกับนักการเมืองคนหนึ่งคนใด แต่ในส่วนของประเด็นการเมืองคงต้องแยกว่าแต่ละพรรคคงต้องมีบทบาทและภาระกิจอของตนเอง น่าจะนำไปสู่การเมืองที่สงบและสันติของประเทศไทย
“ฉะนั้นจึงขอความเป็นธรรมกับทางสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนอีกครั้ง อย่ามองว่าพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นต้นเหตุหรือจะนำไปสู่ประเด็นการยุบสภาหรือการบีบคั้นทางเมืองของนายกฯ และรัฐบาล และเราย้ำเสมอ ในแง่ของการบริหารเราพอใจกับการปฏิบัติงาน เรายังเชื่อมั่นและพอใจกับการปฏิบัติงานของนายกฯ ในฐานะนายกฯ เรายังมองว่าวินาทีนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถเป็นนายกฯ ได้ดีกว่านายอภิสิทธิ์” นายวัชระกล่าว
เมื่อถามว่าตอนนี้มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองติดต่อมาทางนายบรรหารบ้างหรือไม่ นายวัชระกล่าวว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล มีการสอบถามและเช็คข้อมูล แต่ขออนุญาตที่จะไม่เปิดเผยชื่อ มีการสอบถามและเช็คข้อมูลกันเลยว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ได้ปรึกษาหารือกับ พล.อ.เปรมในประเด็นที่เป็นข่าวหรือไม่ ซึ่งมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า ด้วยบุคลิกของนายอภิสิทธิ์จะไม่พูดในเรื่องราวเหล่านี้ และขออนุญาตที่จะสงวนชื่อผู้ใหญ่ที่มีการพูดคุย ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้พูดคุยกับประธานองคมนตรีในเรื่องที่เป็นข่าว ในขณะเดียวกัน เชื่อว่าประธานองคมนตรีไม่เสนอตัวหรือไม่ลงมายุ่งเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางการเมือง เพราะเป็นสิ่งที่ขัดกับตำแหน่งหน้าที่และบทบาท
เมื่อถามว่านายบรรหารมีกำหนดที่จะไปพบ พล.อ.เปรมไหม นายวัชระกล่าวว่า ถ้านับวินาทีนี้ พล.อ.เปรมเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ถ้าไม่มีเรื่องราวที่จำเป็นหรือเร่งด่วน ซึ่งยังไม่ได้สอบถาม แต่เชื่อว่านายบรรหารคงไม่ไปรบกวน พล.อ.เปรม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมือง ถ้านายบรรหารเข้าไปหาและถามเรื่องการเมือง ตนว่าคงไม่เหมาะและถูกต้อง เมื่อถามว่าจะให้ส.ส.ของพรรคชาติไทยยื่นญัตติ เพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวัชระกล่าวว่า ตรงนี้พูดชัดแล้วว่าในส่วนของพรรคชาติไทยฯ ทั้งหมด จะยื่นใน 2 ประเด็น และตามที่นายบรรหารได้พูด คือ ไปวัดดวงกันในสภา
เมื่อถามต่อว่า จะลงชื่อกับทางพรรคอื่นด้วยหรือไม่ นายวัชระกล่าวว่า ในเบื้องต้นที่จับไม้จับมือกัน คือ 3 พรรคการเมืองหลัก ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ส่วนจะมีพรรคอื่นใดมานำเสนอนั้นจะมาว่ากันอีกที แต่วินาทีนี้ยืนยันว่ายังรอพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจจะมีข้อสรุปได้ก่อนที่จะมีการเสนอร่างแก้ไขรัฐเข้าสภา
เมื่อถามว่าหลังจากที่เป็นข่าวแล้วนายบรรหารคุยกับนายอภิสิทธิ์หรือยัง นายวัชระกล่าวว่า ยังไม่ทราบข้อมูลในส่วนนี้ แต่นายบรรหารคงทราบข่าวการปฏิเสธของนายอภิสิทธิ์แล้ว เพียงแต่ขอชี้แจงให้ชัดขอความเป็นธรรมให้กับพรรคชาติไทยฯ ว่าไปกดดันนายอภิสิทธิ์และรัฐบาล โดยเอาประเด็นในเรื่องรัฐธรรมนูญกดดัน
เมื่อถามว่าไม่ว่าจะมีข่าวอย่างไรแสดงว่าพรรคยังเดินหน้าต่อ นายวัชระกล่าวว่า ยังเดินหน้าต่อเพราะเชื่อว่าภารกิจที่ทำอยู่จะนำไปสู่การสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะสมบูรณ์กว่าและใช้งานได้จริง เมื่อถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้คำตอบในการเข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายวัชระกล่าวว่า ให้เกียรติพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคแกนนำและพรรคพี่ใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าวุฒิภาวะทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ มีมากพอที่จะตอบกับเราว่าจะเอาหรือไม่เอา ก็จะมีการลงมติในสภา ตรงนี้จะรอและไม่เร่งรัดอะไร
เมื่อถามว่ามีการประสานงานกับประธานวิปรัฐบาลคนใหม่แล้วหรือยัง นายวัชชระกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุย แต่ได้มีการพูดคุยในส่วนของวิปในแต่ละพรรค แต่หลักๆ แล้วต้องรอ และไม่เร่งรัดอะไรกับประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ได้คาดหวังว่าจะชนะโหวต เพียงแต่จะนำเสนอสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด และถูกต้องที่สุด