ศูนย์ข่าวนครราชสีมา – ม็อบอดีตสหายอีสาน เรียกร้องเงินช่วยเหลือจากรัฐรายละกว่า 2 แสน หน้าศาลากลางจังหวัดโคราช เคลื่อนพลบุกร้องขอความเป็นธรรมหน้าบ้าน “ป๋าเปรม” อดีตนายกฯ เจ้าของนโยบาย 66/23 ท่ามกลางดูแลความสงบเรียบร้อยของกำลังตำรวจ-ทหารเข้มงวด ด้านแกนนำ ผรท. แฉ คกก.คัดกรองระดับจังหวัด-ระดับภาคไม่เป็นกลางเรียกเก็บเงินหัวคิว เล่นพรรคพวก ทำให้ ผรท.ตัวจริงหลายคนตกหล่นไม่ได้รับความช่วยเหลือ ลั่นสู้ถึงที่สุด ด้านกองทัพภาค2 รับปากหาทางช่วยเต็มที่
วันนี้ (27 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ในพื้นที่ภาคอีสานกว่า 100 คนนำโดย นายบุญใส ก้อนดินจี่ หรือสหายประสิทธิ์ ประธานกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 4 ภาค ที่ปักหลักชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรมเรื่องเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลรายละ 225,000 บาท อยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาวันที่ 2 ได้เคลื่อนขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมเดินเท้าไปยัง บ้านพักของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษที่ “บ้านแม่ทัพ” หน้ากองบัญชาการช่วยรบที่ 2 (บชร.2) ซอยสืบศิริ 23 เขตเทศบาลนครนครราสีมา เพื่อแสดงพลังและอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้อง
ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย บริเวณหน้าบ้านพัก พล.อ.เปรม อย่างแน่หนากว่า 100 นายร่วมกับสารวัตรทหาร กองทัพภาคที่ 2 อีกจำนวนหนึ่ง โดยมี พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ รองแม่ทัพภาคที่ 2 (รอง มทภ.2) เดินทางมาอำนวยการสั่งการและเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม
ตำรวจได้กันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ไปชุมนุมบริเวณฝากถนนฝั่งตรงข้ามบ้านพัก พล.อ.เปรม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้พร้อมกั้นบริเวณด้วยแผงเหล็ก ซึ่งทันทีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางถึง นายบุญใส ก้อนดินจี่ ประธานกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 4 ภาค แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ได้อ่านแถลงการณ์พร้อมแจกจ่าย “สาส์จากนายกรัฐมนตรี” ลงชื่อ โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งดำเนินนโยบาย 66/2523 มีเนื้อหาเรียกร้องให้ผรท.เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐและสัญญาจะให้ความคุ้มครองช่วยเหลือย่างดีที่สุด
สาระสำคัญของแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้ได้รับทราบว่า คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.)ในประเทศไทยทั้ง 4 ภาค ตามคำสั่งที่ 190/2552 บัดนี้คำสั่งดังกล่าวนั้นทาง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (กอ.รมน.ภาค 2) ได้นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของรัฐบาล
ทำให้กลุ่ม ผรท.หลายจังหวัด ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และเกิดความขัดแย้งกันขึ้นหลายประการ มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก จนทำให้ขั้นตอนการคัดกรองคุณสมบัติสมาชิก ของผรท.นั้น เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย และหาข้อยุติได้ยาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ของ กอ.รมน.ภาค 2 และ กอ.รมน. แต่ละจังหวัดวางตัวไม่เป็นกลาง
นอกจากนี้ คณะกรรมการคัดกรองคุณสมบัติของ ผรท.บางกลุ่มยังวิ่งหาผลประโยชน์เรียกเก็บเงินหัวคิว ไปแบ่งผลประโยชน์กัน และคณะกรรมการฯในระดับภาค หลายคนวางตัวไม่เป็นกลาง ตรวจสอบคุณสมบัติของ ผรท. ไม่ผ่านหลายคนหลายจังหวัด ทำให้พวกเราไม่พอใจกับผลการพิจารณาคัดกรองของคณะกรรมการฯ ระดับภาค และคณะอนุกรรมการฯ ระดับจังหวัด จึงรวมตัวกันเดินทางมาคัดค้านผลการคัดกรองดังกล่าวอย่างถึงที่สุด
นายบุญใส ก้อนดินจี่ ประธานกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 4 ภาค กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางมาที่หน้าบ้านพัก พล.อ.เปรม ครั้งนี้เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่า พวกเราจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องให้เกิดความเสมอภาคกัน หากรัฐจริงใจจะช่วยเหลือต้องให้การช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
อีกทั้งพล.อ.เปรม ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เป็นผู้ที่ลงนามใน “สาส์นจากนายกรัฐมนตรี” เรียกร้องให้พี่น้องร่วมชาติเข้ามอบตัวกับทางการด้วยตัวเองพร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความคุ้มครองและช่วยเหลืออย่างดีที่สุด ฉะนั้นวันนี้พวกเราเดือดร้อน จึงต้องมาบอก พล.อ.เปรม ที่หน้าบ้านพักของท่าน
ขณะที่ทางตัวแทนกองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมและให้ส่งตัวแทนของแต่ละจังหวัดจำนวน 10 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือแถลงการณ์และเจรจากับ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ที่บริเวณเต็นท์หน้าบ้านพักของ พล.อ.เปรม ซึ่งมี พล.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภาค 3 และคณะเข้าร่วมด้วย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนสลายตัวเดินทางกลับไปปักหลักชุมนุม ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เช่นเดิม
พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ตนในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค ซึ่งมีแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ ในวันนี้ (27 ม.ค.)คณะกรรมการฯ ระดับภาค กำลังอยู่ระหว่างการประชุมหารือกันในการพิจารณาคัดกรอง คุณสมบัติ ผรท. ที่ผ่านกระบวนการคัดกรองในระดับจังหวัดเป็นวันที่ 2 แล้ว เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ผรท. รายละ 225,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเกิดความเข้าใจผิดกันขึ้น จึงทำให้กลุ่มของ นายบุญใส ไม่พอใจและนำมวลชนมาชุมนุมดังกล่าว ซึ่งการเจรจาได้ข้อยุติร่วมกันว่า จะให้คณะกรรมฯ ระดับจังหวัดและระดับภาค กลับไปทบทวนขั้นตอนการพิจารณาที่ยังมีปัญหาข้อบกพร่องใหม่ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ผรท. ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนไว้จำนวน 11,000 คนทั่วภาคอีสานหรือที่ตกหล่น ให้ได้รับความเป็นธรรมตามหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ และต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ซึ่งอาจทำให้การทำงานของคณะกรรมการฯ ระดับภาค ช้าออกไปกว่าที่กำหนดไว้ แต่หากทำให้ประชาชนสบายใจก็พร้อมดำเนินการ
“คาดว่าการพิจารณาคัดกรอง ผรท. ของคณะกรรมการฯ ระดับภาคจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 วันนี้ โดยในวันที่ 29 ม.ค.นี้ จะสรุปจำนวน ผรท.ที่จะได้รับการช่วยเหลือของภาคอีสานทั้งหมด ส่งให้แม่ทัพภาคที่ 2 ลงนามรับรองเพื่อส่งต่อไปยังคณะกรรมการฯ ระดับประเทศ ซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาให้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่ ผรท. ต่อไป” พล.ต.กนก กล่าว
