รมต.สำนักนายกฯ ตกใจตื่นเสื้อแดงเคลื่อนไหวรุนแรง หวังกดดันศาลสั่งคดียึทรัพย์พ่อแม้ว รู้อยู่เต็มอก “จตุพร-มานิตย์” ทั้งขู่ฆ่า ทั้งปลุกระดมเผาเมือง แต่ขอศึกษา กม.ว่าจะเอาผิดได้หรือไม่ ทำขึงขังให้ จนท.อารักขา รมต.-องคมนตรี-ตุลาการแล้ว วอน ปชช.ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสด้วย
วันนี้ (16 ก.พ.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีเป้าหมายชัดเจน ต้องการกดดันศาลในคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลเป็นห่วงว่าผลจากคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ.อาจจะถูกใช้เป็นชนวนเพื่อนำไปสู่การชุมนุมที่เกิดการบานปลาย หากรัฐบาลไม่ชี้แจงถึงวิธีหารกระบวนการยุติธรรมของประเทศอาจจะเกิดปัญหาได้ เพราะจะมีการเปิดให้คู่ความทั้งสองฝ่ายหักล้างกันได้อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการใช้กระบวนการอย่างเต็มที่รัฐบาลต้องการชี้แจงให้เห็นขบวนการเหล่านี้เพื่อให้สังคมเข้าใจที่มาที่ไป ซึ่งก่อนถึงวันที่ 26 ก.พ.รัฐบาลต้องทำอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่มีการวางแผนคุ้มกันโรงพยาบาลศิริราชนั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าทางแกนนำ นปช.พยายามทำให้สถานการณ์สับสนและก็จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ปรามการให้ข่าวของทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์กล่าวว่า ต้องมีการแยกแยะให้ออกระหว่างการให้ข้อเท็จจริงกับการแสดงความคิดเห็น ซึ่งสิ่งที่ต้องทำในขณะนี้คือ การให้ข้อความที่เท็จจริงกับสังคม ซึ่งมีบางฝ่ายพยายามสร้างความสับสนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง รพ.ศิริราช แผนลับหรืออะไรต่างๆ แต่เป้าหมายคือต้องการทำความเข้าใจให้สังคม เพื่อให้ได้รู้ข้อเท็จจริง ซึ่งตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) โดยมีเป้าหมาย คือ การใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ต่อต้านคนเสื้อแดง หรือกลุ่มที่มาชุมนุม แต่เป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น การชี้แจงของแต่ละฝ่ายทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายรัฐบาล ก็คงต้องคุยกันโดยต้องแยกให้ออกระหว่าง การให้ข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นกับเรื่องความคิดเห็น ที่ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง จะทำให้สถานการณ์มีความชัดเจน ไม่ถูกนำไปปั่นจนเกิดความสับสน เพราะมีบางกลุ่มที่ต้องการให้เกิดความสับสน เพื่อนำไปเป็นชนวนในการสร้างความเคลื่อนไหวต่อ
ผู้สื่ออข่าวถามว่า มีฝ่ายระดับอดีตผู้พิพากษาออกมาปลุกระดมผู้ชุมนุมให้เอาอาวุธออกมา นายสาทิตย์กล่าวว่า ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดูคำพูดเหล่านี้อยู่ หากถึงขั้นมีความผิดทางกฎหมายต้องดำเนินการ แต่เห็นชัดเจนว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต้องการสร้างความสับสนให้เกิดขึ้น และมีเจตนาสร้างความรุนแรงซึ่งเป้าหมายของรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.ออกมาข่มขู่ถึงความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเขาต้องการให้เกิดความเกรงกลัว โดยสอดคล้องกับการวางระบิดต่างๆ เพื่อนำไปสู่การต่อรองอะไรบางอย่าง แต่กระบวนการยุติธรรมไทยต่อรองไม่ได้ ซึ่งนายกฯ และทุกคนก็ทราบดีว่ามาทำงานเพื่อสาธารณะ ที่ได้ทำความเข้าใจกับครอบครัวแล้ว ก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้ ส่วนเรื่องรักษาความปลอดภัยต้องทำอย่างเต็มที่ แต่จะกลัวคนเหล่านี้ไม่ได้ การจัดการทางกฎหมายต้องทำต่อไปอย่างเด็ดขาด ฝ่ายที่รักษาความปลอดภัยต้องทำงานอย่างและต้องรู้ว่าบางคนที่พยายามเข้ามาประชิดตัวนายกฯ มีเจตนาอะไร แต่นายกฯ เป็นคนใจดี ได้สั่งตลอดว่าถ้าเขามาแสดงความคิดเห็นก็ปล่อยไป ยกเว้นว่ามีเจตนามาทำร้ายก็ให้ดำเนินการ ซึ่งมีการคุยกันถึงจุดเสี่ยงที่ต้องเข้ามาดูแล้วอย่างใกล้ชิดแล้ว
ส่วนการดูแลความปลอดภัยของรัฐมนตรียังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ทุกคนก็พยายามดูแลตัวเองอยู่แล้ว เพราะเป็นบุคคลสาธารณะในช่วงนี้ต้องระมัดระวัง ส่วนความปลอดภัยของคณะรัฐมนตรีเจ้าที่ตำรวจได้เข้าไปดูแลแล้ว ซึ่งรวมไปถึงองคมนตรี และองคณะผู้พิพากษาด้วย ซึ่งต้องขอควมร่วมมือจากประชาชนด้วย และในวันที่ 18 ก.พ. เวลา 15.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงแนวทางปฏิบัติใน การรักษาความสงบต่าง ๆ และจะจัดทำศูนย์เพื่อให้ประชาชนมาชี้เบาะแส เช่น กรณีการยิงเอ็ม 79 ตนคิดว่าต้องมีคนเห็น แต่ไม่รู้จะไปแจ้งที่ไหน
“รัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ลำพังคนที่อยู่ในข่ายถูกอีกฝ่ายหนึ่งขู่ก็ต้องออกมาดูแล แต่เราต้องดูแลความปลอดภัยในที่สาธารณะ การทำหน้าที่ของทุกฝ่ายไม่ใช่เรื่องง่าย เราอยู่ที่สว่างแต่คนที่คิดร้ายอยู่ที่มืด ไม่รู้จะปรากฏตอนไหน” นายสาทิตย์กล่าว