xs
xsm
sm
md
lg

เปิดฉากป่วนเมืองรอบใหม่ ระเบิดบอกสัญญาณเดือด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจเข้าตรวจความเสียหายจากแรงระเบิด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพาณิชย์พระนคร ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล ห่างกันเพียงประมาณ 50 เมตร
ผ่าประเด็นร้อน

ระเบิดการเมืองเอ็ม 79 กลับมาทำงานอีกครั้ง เปิดฉากคราวนี้คงเล่นเกมหนักแน่ เพราะสันนิษฐานว่าระเบิดลูกแรกที่ยิงออกมาเมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่มเศษของคืนวันที่ 13 ก.พ. เล็งเป้าหมายถล่มเข้าใส่ทำเนียบรัฐบาล แต่กระสุนพลาดไปหล่นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ที่อยู่ห่างทำเนียบฯ เพียง 50 เมตร ซึ่งข่าวเปิดเผยว่า ตกระเบิดหลังชนต้นไม้ พบความเสียหายเกิดกับรถยนต์ 3 คันที่จอดอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ

แม้ว่าเวลาเกิดเหตุจะพอบอกได้ว่าคนร้ายไม่ประสงค์ต่อชีวิตคน เหมือนทุกครั้งที่มีการยิงกระสุนเอ็ม 79 เข้าใส่ที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนธิปไตย แต่ระเบิดลูกนี้อาจจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า

ความรุนแรงกำลังจะย่ำกรายใกล้เข้ามาแล้ว


กระสุนลูกต่อๆ ไปที่จะตามอีกเป็นระลอก ก็จะทำหน้าที่เป็นยมทูต ปลิดชีวิตบุคคลสำคัญที่อยู่ในเป้าหมาย

เกมการเมืองจะเพิ่มดีกรีรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการคาดการณ์กันมาก่อนแล้ว และจุดปะทุเดือดก็คือห้วงนี้ อันเป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ที่สำคัญ คือ วันที่ 26 ก.พ. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านของ นช.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์

ซึ่งเชื่อกันว่า นช.ทักษิณ ต้องชิงลงมือป่วนเมืองก่อนที่จะถึงวันพิพากษาแน่ เพื่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เขาต้องการ

ระเบิดเอ็ม 79 ลูกแรกที่ส่งออกมาทักท้วง มันจึงบอกถึงพิกัดตำบลที่มา เจ้าของ และเป้าหมายอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้น ระเบิดเอ็ม 79 เมื่อคืนวันเสาร์ 13 ก.พ. จึงฟันธงในชั้นนี้ได้เลยว่าจะเป็นฝีมือใครไม่ได้ นอกจาก “กองกำลังติดอาวุธของทักษิณ”

แน่นอน นช.ทักษิณ จะต้องออกบอกปัดปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระเบิดครั้งนี้ หรือการป่วนเมืองที่จะเกิดขึ้นตามมาในห้วงนี้ ก็เป็นเรื่องที่พูดได้แต่คงหาคนเชื่อได้ยาก เพราะอนุมานจากการข่าว สภาพการณ์ด้านต่างๆ และศักยภาพทุกด้านในการคิดชั่วแล้ว ยังมองไม่เห็นว่า มีคนไทยหน้าไหนที่กล้าคิดร้ายทำลายบ้านเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนจากการกระทำแบบนี้

แผนชิงเมืองของทักษิณในรอบใหม่นี้ วางยุทธวิธีใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบเพื่อไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จ ที่ต้องใช้ความรุนแรงก็เพราะการยึดประเทศด้วยพลังมวลชนเสื้อแดงนั้นไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว

เนื่องจากพลังคนเสื้อแดงได้อ่อนล้าถดถอยลงไปทุกวันตั้งแต่หลังเหตุการณ์เมษาถ่อย ที่เหลืออยู่ในวันนี้ก็ล้วนแต่เป็นพวกสู้แล้วรวย ส่วนมวลชนระดับล่างก็กลายสภาพเป็นพนักงานรับจ้างรายวัน ที่ไร้อุดมการณ์และไม่มีความคิดในการรุกรบแถมยังเลี้ยงไม่เชื่อง ขอทำงานแลกเงินไปวันๆ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการออกมาชุมนุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปทุกที่ก็มีอยู่แค่หลักร้อย ดังนั้นการหวังพึ่งคนเสื้อแดงออกมาเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองจึงมืดมนไปแล้ว

แต่ในด้านความรุนแรงนั้น กลุ่มไหนจะรับหน้าที่ภารกิจลงมือทำงานด้านนี้ ก็พบว่ามีการจัดตั้ง “กองกำลังใต้ดิน” ไว้พร้อมแล้ว ซึ่งไม่แน่ว่าทหารแก่ไม่ยอมจนอย่างพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี กับพวกทหารเฒ่าทั้งหลายที่เข้าไปอยู่พรรคเพื่อไทยจะได้ร่วมด้วยหรือไม่

แม้แต่ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ก็อาจจะถูกจัดให้เป็นเพียง “เป้าหลอก” เท่านั้น

เพราะมีการยืนยันว่า ในคืนวันที่ 13 ก.พ. เสธ.แดงไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ แต่อยู่ระหว่างเดินสายโชว์โวหารอยู่ต่างจังหวัด เท่ากับเสธ.แดงไม่น่าเกี่ยวข้องในการลงมือปฏิบัติการ แต่กลุ่มที่ลงมือยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ทำเนียบฯ “ตัวจริง” เป็นคนกลุ่มไหน เป็นปริศนาที่น่าค้นหาคำตอบ

เพราะพวกนี้จะเป็น “ตัวจริง” ต่อไปในการก่อวินาศกรรมที่ร้ายแรงหนักขึ้นในไม่นานวันนี้

เพื่อสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมืองรอบใหม่ขึ้นอีกครั้ง จนไปเพิ่มระดับความเข้มข้นขีดสุดในวันอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์

อย่างไรก็ตาม การทำงานในทางลับได้เริ่มปฏิบัติการพร้อมกัน ด้วยหวังเพื่อให้บ้านเมืองตกอยู่ความหวาดกลัวไปทุกด้าน จากก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดในตอนกลางคืน กลางวันในวันเดียวกันก็มีการก่อกวนรถขบวนของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงสองครั้ง

นั่นก็คือ การให้สมุนพวกม้าใช้ไร้ชื่อขับรถก่อกวนขบวนรถของนายอภิสิทธิ์ เพื่อเป้าหมายคุกคามสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น และยังหวังผลในเชิงจิตวิทยาสังคม คือ ทำให้เกิดภาพคนเกลียดชังนายอภิสิทธิ์ที่กล้าแสดงออกกล้าท้าทายอำนาจด้วยการกระทำขนาดนี้

และหมากเกมนี้วางไว้ให้บรรลุผลหลายด้าน เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว นอกจากสร้างความตื่นกลัวแล้ว ยังต้องการให้เกิดเป็นรูปแบบที่ให้คนทั่วไปออกมาเลียนแบบ ถ้ามีการเลียนแบบเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้นายอภิสิทธิ์ใช้ชีวิตลำบากขึ้น ทั้งยังเป็นการทำลายศรัทธาที่มีอยู่ และการบริหารประเทศก็จะสะดุด

เมื่อระเบิดลูกแรกถูกยิงออกมาแล้ว คือการเปิดยุทธการรบกับรัฐบาล แม้ว่านายอภิสิทธิ์จะประกาศด้วยความไม่หวั่นไหวว่า คนก่อเหตุจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ก็อย่าชะล่าใจว่ามีอำนาจรัฐและกองทัพอยู่ในมือ กับไม่ควรละเมอกับชัยชนะที่ได้มาจากเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย และปราบปรามม็อบแดงถ่อยในเหตุจลาจลเมษาเลือด

เพราะครั้งนี้ฝ่ายศัตรูได้เรียนรู้บทเรียนจากความพ่ายแพ้มาอย่างดี และการสู้ครั้งนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของฝ่ายนช.ทักษิณ ซึ่งหากแพ้นอกจากจะหมดสิ้นทรัพย์สมบัติทุกอย่างแล้ว ชีวิตยังจะไม่เหลือด้วย

เดิมพันในสงครามครั้งนี้ของ นช.ทักษิณสูงมาก จึงทุ่มเททุกอย่างหมดหน้าตัก เพื่อเผด็จศึกยึดประเทศให้ได้

แต่ขณะที่เหล่าคนที่เป็นกำลังรบในมือของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในยามสงบก็ร่วมเสพสุข แต่ในยามรบจะออกมาร่วมในสมรภูมิรบด้วยหรือไม่ ก็ยังมีปัญหา ที่รู้มาก็คือยังรอว่านายอภิสิทธิ์จะควบคุมสถานการณ์ได้เพียงใดจึงจะกำหนดท่าทีในศึกครั้งนี้

ก็แปลความหมายได้ว่า ถ้าอภิสิทธิ์คุมเกมเหนือกว่ามีลู่ทางชนะก็เอาด้วย แต่ถ้าเพลี่ยงพล้ำก็แปรพักตร์ทันที

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น