xs
xsm
sm
md
lg

"เสื้อแดง-เพื่อไทย" ร้าว "หัวขวด" ตกกระป๋อง "แม้ว" หันพึ่งกองทัพโจร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"พล.ท.นันทเดช" ชี้ แก้ว 3 ประการ "แม้ว" ร้าว "เสื้อแดง-เพื่อไทย" แตกทัพ "ทักษิณ" หันหน้าพึ่งกองโจร เชื่อ ทหารรับจ้างมือไม่ถึงเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ทำได้แค่ป่วนประเทศรายวันเท่านั้น ด้าน "สนธิญาณ" อัด "นช.แม้ว" แพ้ราบคาบ เตือน รัฐระวังป่วนสถานการณ์ ส่งแดงเคลื่อนไหวฆ่าเวลารอทัพจริง คาด ปฏิวัติไม่เกิด หากเสื้อเขียวไม่เล่นด้วย


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว" 

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 4 ก.พ. มี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้มีการเชิญ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีต ผอ.กอง 2 ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) และนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นักสื่อสารมวลชน มาร่วมประเมินสถานการณ์บ้านเมือง พร้อมจับตาเป้าหมายยุทธศาสตร์กลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีต่อความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทจะตัดสิน

พล.ท.นันทเดช กล่าวถึงประเด็นกระแสข่าวกองกำลังเถื่อน ว่า ตนคืดว่าความคิดนี้มาจากทางฝั่งพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเรื่องนี้เราต้องมาพิจารณาว่า กองกำลังเถื่อนนี้จะจัดตั้งขึ้นมาได้อย่างไร เพราะยุคสมัยอดีตกับปัจจุบันเงื่อนไขและสถานการณ์ต่างๆ ไม่เหมือนกัน เนื่องจาก รัฐบาลยุคนี้ไม่ได้กดขี่หรือข่มเหงฝ่ายใด มีแต่กลุ่มคนเสื้อแดงและฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามพูดให้เกิดความแตกแยก และปล่อยข่าวว่าจัดตั้งกองทัพเถื่อนขึ้นมา เพื่อแย่งบทบาทกับกองทัพไทย ทั้งนี้ เมื่อเราย้อนกลับมาดูสภาพพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง จะเห็นได้ว่ามีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น กลุ่มคนพวกนี้ไม่สามารถเคลื่อนไหวแบบมีพลังได้ แม้จะนายจ้างคนเดียวกันก็ไม่มีทางทำสำเร็จ แต่ถึงอย่างไร ตนคิดว่า แนวคิดจัดตั้งกองกำลังเถื่อนมีอยู่จริงแน่นอน แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว ได้รับปฏิกิริยาตอบกลับไม่ดี ก็เป็นธรรมดาที่ต้องกลับลำว่าไม่ได้มีการจัดตั้งกองกำลังเถื่อน

นายสนธิญาณ กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ว่า ตนอยากให้ฝ่ายรัฐบาลและประชาชน ระวังไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะว่าการต่อสู้ทางการเมืองหากมีสถานการณ์ที่ล่อแหลมมักเกิดอะไรขึ้นได้เสมอ โดยกรณีนี้ต้องกลับไปดูพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา มีความพยายามเปิดการเจรจามาตลอด เหมือนครั้งช่วงเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดเหตุเผาบ้านเผาเมือง หรือจะตอนที่ให้สัมภาษณ์ไทมส์ ออนไลน์ ที่ส่งสัญญาณบางอย่างถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้กระทั่งจนถึงปัจจุบันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเปิดทางเจรจาอยู่ โดยไม่ได้มองว่า ในเมื่อไม่มีโจทย์ให้เจรจาแล้วจะทำได้อย่างไร

นายสนธิญาณ กล่าวต่อว่า เมื่อมีความอยากเจรจา ก็ต้องสร้างราคาให้ตัวเอง โดยเป็นหลักปฏิบัติการทางจิตวิทยา ที่ต้องสร้างกระบวนการสร้างภาพให้เกิดความเคลื่อนไหว โดยอาศัยประเด็นต่างๆ ขับเคลื่อนมวลชน ซึ่งจะมีการจุดกระแสแห่งการรัฐประหาร ซึ่งเป็นที่มาของการดาวกระจายกลุ่มคนเสื้อแดงตามค่ายทหาร ทั้งนี้ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ว่าใกล้จะเกิดการปฏิวัติแล้ว โดยตนอยากบอกว่าคนพวกนี้มั่วมาก เพราะไม่ได้มองข้อเท็จจริงว่า การเปลี่ยนแปลงการเมืองจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีเรื่องสำคัญมากเท่านั้น เนื่องจากหากเกิดการปฏิวัติง่ายๆ คอมมิวนิสต์ยึดอำนาจแล้วจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ ป่านนี้ประเทศไทยคงไม่เป็นเช่นนี้

นายสนธิญาณ กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้การเคลื่อนไหว 3 ยุทธวิธี คือ เรียกร้องให้กลับมาใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 การขับไล่ประธานองคมนตรี หรือการใช้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวอย่างหนัก แต่ 3 ยุทธศาสตร์ไม่สามารถพา พ.ต.ท.ทักษิณ ไปสู่เป้าหมายได้ ดังนั้น จึงคิดจะจัดตั้งกองกำลัง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ตัวเอง แต่จะเห็นว่าศักยภาพเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร โดยแก้วสามประการที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้าง 2 ประการแรก เกิดความแตกร้าวอย่างสิ้นเชิง ซึ่งก็หมายถึงความแตกแยกของกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น ก็จึงเหลือแค่ตัวเลือกกองกำลังเถื่อน หรือกองทัพปลดแอกที่จัดตั้งขึ้น

"คิดว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจกำลังรอจังหวะสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อผสมโรงก่อการอะไรบ้างอย่าง โดยมีความพยายามจะเกณฑ์คนมาให้ได้มากที่สุด จะได้ยั่วยุให้เกิดการนองเลือด โดยถ้าหากจะให้การเคลื่อนไหว ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศ คิดว่าคงทำได้ยาก เพราะต้องยอมรับว่า คนส่วนใหญ่เกลียด พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าชอบ โดยถ้าถึงขั้นนั้น ไม่เพียงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีแผ่นดินอยู่ชั่วชีวิตแล้ว ยังทำให้ครอบครัวไม่มีที่ซุกหัวนอนด้วย" นายสนธิญาณ กล่าว

พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า ตอนนี้มีกระบวนการถ่วงเวลา เนื่องจากติดปัญหา เพราะการรวบรวมขุมกำลังรบยังไม่เสร็จเรียบร้อย จึงทำให้ระหว่างนี้มีการฆ่าเวลาด้วยการใช้กลุ่มคนเสื้อแดงกระจายตัวไปข่มขู่หรือท้าทายอำนาจรัฐ เพื่อกวนสมาธิและทำให้เห็นว่า เวลานี้มีการใช้ปริมาณคนน้อย แต่ต้องการประสิทธิภาพมากขึ้น

นายสนธิญาณ กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า พ่ายแพ้ทางการเมืองไปแล้ว โดยในเรื่องการต่อสู้ทางการเมืองจะชนะได้ก็ต่อเมื่อ สิ่งที่ทำได้ใจคนส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำปรากฏหลักฐานชัดเจนตลอดว่าล่วงเกินสถาบัน และยิ่งไปเข้าร่วมกับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำให้ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชัดเจนว่าที่ผ่านมาเคลื่อนไหวแบบแฝงความรุนแรง ดังนั้น หากจะบอกว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูไม่มีอะไร หรือกลวงโบ๋ แต่ก็อยากให้ไม่ประมาท และเฝ้าระวังสถานการณ์ เพราะถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ สูญสิ้นทุกอย่าง ก็อยากต้องการทำลายทุกอย่างด้วย

นายสนธิญาณ กล่าวต่อว่า สำหรับกระแสข่าวการจัดตั้งกองกำลังเถื่อน พรรคพวกพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ทหารอาชีพแต่เป็นทหารรับจ้าง ดังนั้น คนพวกนี้ไม่สามารถควบคุมให้อยู่ภายใต้อำนาจการเมืองได้ ฉะนั้น หากเกิดความสูญเสีย กลุ่มคนเสื้อแดงและผู้ที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ แบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็อาจจะเสีย เพราะจากเดิมที่เคยประกาศไว้ว่าแดงทั้งแผ่นดิน หากเกิดความรุนแรงขึ้น ก็อาจโดนพลังผู้คนจากทั้งแผ่นดินรุมต้าน เพราะอดกลั้นมานานกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว

พล.ท.นันทเดช กล่าวถึงขุมกำลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เวลานี้มวลชน พ.ต.ท.ทักษิณ คงกำลังชั่งใจอยู่ว่า การต่อสู้ที่ทำอยู่ทำเพื่ออะไร แล้วมีจุดมุ่งหมายอย่างไร โดยบางคนถึงขั้นถอยหนี เพราะดูสิ่งที่เป็นอยู่แล้วรับไม่ได้ โดยคนพวกนี้ แม้จะรัก พ.ต.ท.ทักษิณ มากเท่าไหร่ แต่ก็เทิดทูน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากกว่า ดังนั้น ความชอบธรรมขบวนการ พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมหมดไปเรื่อยๆ

นายสนธิญาณ กล่าวถึงการต่อสู้ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เรื่องสันติ ไม่เคยอยู่ในความคิด พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะที่ผ่านมาความต้องการ พ.ต.ท.ทักษิณ อยากได้เงินคืน และหลุดพ้นจากคดีความต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ คือ การล้างไพ่ 2 ระดับ ได้แก่ การล้างระบบสังคมหรือปฏิวัติทุกอย่างเพื่อล้มกระบวนการยุติธรรม และระดับต่อมา ต้องสร้างความรุนแรงปลุกเร้าให้มวลชนเคลื่อนไหว ฉะนั้น เมื่อ 2 ระดับนี้ไม่สำเร็จ ก็อาจต้องใช้จินตภาพนำพาไปสู่เหตุการณ์เหมือนช่วงพฤษภาทมิฬ ที่พระเจ้าแผ่นดินต้องลงมาไกล่เกลี่ย ซึ่งสิ่งที่เห็นและการกระทำทุกอย่างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถชุมนุมด้วยความสงบสันติได้

"ความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะชุมนุมอย่างสันติ แต่จะมาบอกว่าคิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง บอกว่าอยากจะกลับบ้าน แต่ในความเป็นจริงแล้วจะกลับมาได้อย่างไร เพราะกลับมาก็ยังเหลืออีกหลายคดีที่รอตัดสิน ดังนั้น ความพยายามทุกวันนี้ จะนำไปสู่เหตุการณ์เหมือนเมื่อเดือนเมษายน ปี 2552 ที่เกิดการนองเลือด แต่ครั้งนี้ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ จะวางแผนให้รัดกุมและก่อความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม"

พล.ท.นันทเดช กล่าวกระแสปฏิวัติของเหล่าทหาร ว่า เวลานี้มีความพยายามให้คิดว่าทหารเป็นศัตรูกับประชาชน โดยเรื่องนี้ตนอยากให้ทหารใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือ และทำให้โปร่งใส อย่าปล่อยให้เกิดข่าวลือที่ถูกเสื้อแดงปล่อยว่าช่วงเมษายนปีที่แล้ว รัฐบาลใช้ความรุนแรงจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากนี้ รัฐบาลต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน ว่ามีคนบางกลุ่มพยายามก่อความวุ่นวาย เพื่อนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรง

นายสนธิญาณ กล่าวประเด็นกระแสปฏิวัติว่า ปฏิวัติสมัยก่อน มีผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้นำเหล่าทัพเกิดขึ้น หรือเกิดจากสถานการณ์ที่รุนแรงมาก พอนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง จนเข้าสู่เงื่อนไข ตนอยากให้ย้อนมาดูในปัจจุบัน หาก ผบ.เหล่าทัพไม่เอาด้วย ยากที่จะสำเร็จผลได้ง่าย ซึ่งตอนนี้ หากมีปฏิวัติก็แสดงว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อยากเป็นนายกฯ เพราะใกล้เกษียณแล้ว จึงอาจอยากเป็นยิ่งกว่า ผบ.ทบ. แต่ถึงอย่างไร หากกลับมาดูเงื่อนไขบ้านเมืองแม้จะมีความพยายามก่อความรุนแรง แต่กองทัพเวลานี้มีบทเรียนแล้ว ว่าช่วงเดือนเมษาฯเลือดปีที่แล้วเป็นอย่างไร

"คุณทักษิณ อยู่ในวิบัติกรรมขึ้นมาบังตา จึงทำให้มองไม่เห็นอะไร ดังนั้น เวลานี้เครือข่ายลูกน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป็นจำนวนมากว่าอยากให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ เพราะก็ไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือฟอกผิดให้บ้านเลขที่ 111 คน เนื่องจากจะทำให้ได้ผลประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย" นายสนธิญาณ กล่าว
นายเติมศักดิ์ จารุปราณ
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์
นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น