นายกฯ ยืนยันจะให้เสรีภาพสื่อในการนำเสนอข่าว แต่อยากให้กำกับดูแลกันเอง ติงรายการคุยข่าวให้ระวังการวิพากษ์ที่อาจคลาดเคลื่อนโดยไม่เจตนา ย้ำผลคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ “นช.แม้ว” เป็นอย่างไรทุกฝ่ายต้องยอมรับ อย่ามาอ้าง 2 มาตรฐานแล้วถือโอกาส ปลุกระดมให้มีการเคลื่อนไหวรุนแรง ยันได้กำชับ จนท.บังคับใช้ กม.พิเศษเข้าควบคุมได้ทันที ชี้ความขัดแย้งกับประเทศกัมพูชาเกิดจากท่าทีของ “ฮุนเซน” เพียงคนเดียว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"
วันนี้ (14 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวบันทึกเทปผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ โดยในสัปดาห์นี้ได้เชิญผู้สื่อข่าวพิธีนักจัดรายการร่วม 30 คน มานั่งตอบข้อซักถามกันซึ่งหน้า พร้อมกับวิเคราะห์ทิศทางทำหน้าที่ของสื่อทีวีในปัจจุบันที่หันไปจัดรายการแบบคุยข่าว ก็ถือว่าเป็นสิ่งดีที่ได้มีการพัฒนาเพื่อดึงดุดความสนใจของผู้ฟังแทนที่จะมาอ่านข่าวตามสคริปแบบยุคสมัยเก่า แต่บางครั้งการคุยข่าวก็มีจุดด้อยและเรื่องการวิเคราะห์ที่อาจคลาดเคลื่อนโดยไม่เจตนา ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของทำหน้าที่
นายอภิสิทธิ์กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลนี้ให้เสรีภาพสื่อมวลชนในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสื่อเคเบิลทีวี ที่มีบางช่องถูกร้องเรื่องการละเมิดหรือแสดงความคิดเห็นไม่เป็นกลาง อย่างนี้ต้องขอความร่วมมือสื่อให้กำกับดูแลกันเอง เพราะหากให้รัฐบาลไปควบคุมถือว่าอันตรายมาก แต่การแสดงความเห็นที่ผิดกฎหมายอย่างนี้จะปล่อยให้ดำเนินการต่อไปไม่ได้ รัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยยึดกม.และต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเสื้อสีอะไร การจัดชุมนุมต้องไม่ดำเนินฝ่าฝืนกม.และขอให้อยู่ในกรอบกติกา รัฐบาลนี้จะไม่ใช้ความรุนแรงในการพยายามยั่วยุ แต่หากเกิดการจลาจลก็จะใช้กำลังเข้าควบคุมอย่างระมัดระวัง ซึ่งการที่ประกาศกฏหมายความมั่นคง ก็เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการทำหน้าที่ไม่ให้เกิดเหตุมือที่สามฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่มีความจำเป็นต้องเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อรับมือก่อนวันพิพากษาคีดยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 26 ก.พ.นี้ เพราะได้กำชับไปแล้วว่าหากมีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษก็ดำเนินการได้เลย เพราะเจ้าหน้าที่ต่างทราบหน้าที่ดีแล้ว แต่วันนี้มีขบวนการข่มขู่ผู้พิพากษาซึ่งก็ได้สั่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลเรื่องความปลอดภัย
“ผมขอย้ำว่าในวันนั้นศาลจะตัดสินออกมาอย่างไรทุกฝ่ายก็ต้องเคารพ อย่ามาอ้าง 2 มาตรฐาน ขอฝากสื่อมวลชนช่วยนำข้อเท็จจริงมาชี้แจง บ้านเมืองทุกประเทศก็มีปัญหาทั้งนั้น แต่เชื่อมั่นว่าประชาชนคนส่วนใหญ่จะสามารถนำพาประเทศชาติเดินหน้าต่อไป เพราะไม่มีใครที่จะขออภัยโทาโดยที่ไม่ยอมความผิดก่อน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวยังถึงประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่ขอให้เป็นหน้าที่ของสภา โดยก่อนหน้านี้เคยหาทางออกร่วมกัน จึงได้ตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ไปศึกษาใน 6 ประเด็น แต่ก็มีพรรคเพื่อไทยปฏิเสธไม่เอาด้วยในภายหลัง ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลได้ยื่นญัตติของแก้ขรธน.ใน 2 ประเด็น ขณะที่มติ ปชป.ไม่ร่วมยื่นญัตติเพราะต้องการให้เป็นเรื่องของสภา
ส่วนจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือจะริบคืนโควต้ากระทรวงเกรดเอ ยังไม่แนวคิดนี้ ซึ่งคำถามที่น่าเบื่อสำหรับสื่อมวลชนก็คือปัญหาที่ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง แต่หากเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ยินดีที่จะตอบทุกคำถาม
สำหรับปัญหาความขัดแย้ง เนื่องจากกัมพูชาละเมิดไทยจากฝีมือของนายฮุนเซน ซึ่งไทยก็จำเป็นต้องตอบโต้ทางการทูต ปัญหานี้จะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อผู้นำเขาให้ความเคารพประเทศเพื่อนบ้านอย่างที่ควรกระทำ ส่วนนายฮุนเซนไปตกอยู่ภายใต้อิทธพลของใครก็ถือเป็นปัญหาของเขา และไม่จำเป็นต้องให้ใครเข้ามาเป็นตัวกลาง เพราะไทยไม่ได้ขัดแย้งกับคนกัมพูชา