นายกฯ ยัน 5 มือขนอาวุธจบแล้ว หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง รับไม่อยากให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ พร้อมส่งกลับบ้านเกิดไปตรวจสอบกันเอง ยันทำตามมติสหประชาชาติ ไม่กลัวมะกันฉุนแตก ไม่เชื่อจะถูกฟ้องกลับ ส่วนของกลางรอยูเอ็นตัดสิน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง 5 ผู้ต้องหาแก๊งค้าอาวุธสงครามประกอบด้วย นายอิสยาส อิสวาคอฟ ( IIyas Issakov ) อายุ 56 ปี สัญชาติคาซัคสถาน นักบินที่ 1 , นายวิคเตอร์ อับดุลลายัฟ (Viktor Abdullayev) อายุ 58 ปี สัญชาติคาซัคสถาน เนวิเกเตอร์ , นายมิคคาอิล พีทูคู (Mikhail Petukou) อายุ 54 ปี สัญชาติเบลารุส ช่างเครื่องยนต์ , นายอเล็กซ์ซานดะ ไซร์บาเนฟ (Alexandr Zrybnev) อายุ 53 ปี สัญชาติ คาซัคสถาน ช่างเทคนิค และนายวิทาลี ชุมคอบ (Vitaliy Shunkov) อายุ 54 ปี สัญชาติคาซัคสถาน นักบินที่ 2 ที่ถูกจับกุมได้ขณะนำเครื่องบินบรรทุกอาวุธสงครามร้ายแรงลงจอดที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่12 ธ.ค. 52 ที่ผ่านมา และถูกแจ้งข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากร ,พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 ,พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 , พ.ร.บ.การเดินอากาศไทย พ.ศ. 2479 ว่า เราจะส่งตัวไปเพราะประเทศของคนเหล่านี้เขาต้องที่จะนำตัวกลับไปดำเนินการสอบสวนเอง ถือว่าจบเรื่องนี้ไปในส่วนของคน ส่วนเรื่องของอาวุธก็ดำเนินการต่อไปตามที่สหประชาชาติจะแนะนำมา ส่วนที่หลายคนสงสัยต่อการดำเนินการของทางการไทย ทำไมก่อนที่จะดำเนินการไม่มีการเสนอแนะตั้งแต่ขั้นต้น เพราะเขาไม่ได้ขนอาวุธเข้ามาบ้านเรา แค่จอดเติมน้ำมันเท่านั้น เรามีพันธะในการที่จะต้องปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติและเมื่อมีการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและมีการแจ้งเรื่องตามกฎหมายภายในขอเราก็ต้องดำเนินการไปตาม กระบวนการ แต่เมื่ออัยการได้ใช้ดุลยพินิจในการสั่งเพื่อที่จะไม่ฟ้องก็เป็นเรื่องกฎหมาย ภายใน ซึ่งถือว่ายุติไป ขณะเดียวกันเราก็ได้ทำหน้าที่ตามข้อผูกพันของสหประชาชาติเรียบร้อย
เมื่อถามว่า หากเขาฟ้องกลับจะทำอย่างไร นาอยภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใครจะฟ้อง ไม่มี และไม่คิดว่าจะมีปัญหาอย่างนั้น เพราะสิ่งที่เราดำเนินการนั้นเป็นไปตามมติของสหประชาชาติและเราก็ดูหมายภายในของเราประกอบด้วย เมื่อถามว่า เรื่องอาวุธจะดำเนินการต่อไปอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รอทางสหประชาชาติ ซึ่งมีการรายงานไปและติดต่อประสานงานกันอยู่ เมื่อถามว่า ขณะนี้มีข่าวว่าทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ไม่ ยอมส่งตัวกลับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวตามขั้นตอนก็จะมีการดำเนินการ เพราะได้ประสานงานกับประเทศที่จะรับตัวไปสอบสวนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ทาง ตม.ต้องตรวจสอบสัญชาติก่อนหรือไม่ เพราะเรื่องสัญชาติยังไม่ชัดเจน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศมีการประสานกับประเทศที่เขาจะรับไปสอบอยู่แล้ว และเราก็ใช้หลักฐานทางเอกสารต่างๆที่มีอยู่ เมื่อถามว่า จะมีปัญหาหรือไม่หากทาง ตม.ไม่ยอม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มีปัญหา เพราะน่าจะมีความเป็นเอกภาพ มีความชัดเจนอยู่แล้วในแนวทาง เมื่อถามว่า ยืนยันยังไงก็ต้องส่งตัวกลับใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ประเทศไทยสามารถดูแลอาวุธได้ภายใน 1 ปีจากนั้นจะนำไปทำอะไรก็ได้ ตรงนี้แนวทางเป็นอย่างไร นยอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันก็มีข้อกฎหมายอยู่ วันนั้นในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติก็มีการซักซ้อมกัน แต่เรื่องนี้ต้องฟังทางสหประชาชาติด้วย มันต้องจำแนกประเภทของอาวุธ ทางสหประชาชาติก็ไม่ได้ตอบรายละเอียดมาทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อดีของการส่งตัวผู้ต้องหากลับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางอัยการได้แถลงไปแล้วถึงเหตุผลในการใช้ดุลยพินิจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศและประโยชน์ของประเทศโดยรวม เมื่อถามว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้ประเทศสหรัฐฯที่ประสานมามีปัญหาไม่พอ ใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เรามีหน้าที่ทำตามมติสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งที่ตัวอาวุธ ส่วนเรื่องการส่งตัวผู้ต้องหากลับไปเป็นเรื่องกฎหมายภายในของเรา เมื่อถามว่ามีข้อท้วงติงจากนักวิชาการต่างประเทศมองว่าประเทศต้นทางไม่เคยมีการตัดสินคดีพวกนี้มาก่อนเลยจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกประเทศต้องแยกกันระหว่างการมีพันธะข้อผูกพันระหว่างประเทศ ซึ่งมุ่งเรื่องอาวุธ ส่วนเรื่องคนมันเป็นเรื่องกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ เมื่อถามว่า ได้ช่างน้ำหนักแล้วใช่หรือไม่ต่อการดำเนินการครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ทางอัยการได้ใช้ดุลยพินิจแล้ว เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจจะไม่เกิดปัญหาตามมาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรและคิดว่าที่ทางอัยการพิจารณาออกมาน่าจะเป็น ประโยชน์ที่สุดแล้ว