xs
xsm
sm
md
lg

เปิดก๊อก “ท่อน้ำเลี้ยง” ทุนดูไบอัดฉีดแดงฮาร์ดคอร์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


เจอทิ้งระเบิดลูกเดียวจาก ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่อง

ท่อน้ำเลี้ยง รอบใหม่ ที่ไหลมาจากประเทศแถบตะวันออกกลาง ยิงตรงถึงกระเป๋าแดงฮาร์ดคอร์ ระดับแกนนำ ที่มาในรูปแบบของการแกะรอยเส้นทางการเงิน เจอหิ้วเงินสดๆ หอบเข้าประเทศ

เท่านี้เอง ดิ้นกันเป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้า ไล่ตั้งแต่หัวขบวนยังหางแถว คือนช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้กำลังเลือดเข้าตาเพราะเงินก้อนโต 7.6 หมื่นล้านบาท ที่ซุกซ่อนเอาไว้ผ่านหุ้นชินคอร์ป ในชื่อลูกชาย ลูกสาว น้องสาว พี่ชายบุญธรรม อดีตเมีย กำลังจะถูกยึดเรียบ

ช่วงนี้อารมณ์เลยแปรปวน ใครสะกิดไม่ได้ ต้องของขึ้น ถึงขั้นหมดวุฒิภาวะกันแล้ว

ลดชั้นลงมาด่ากราดปณิธาน ซึ่งชื่อชั้นการเมืองห่างกันลิบลับ ว่าเป็นพวก “รัฐสีม่วง”

ถัดจากนั้น บรรดาลูกไล่ทั้งหลาย ก็เลยผสมโรง อาทิ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.-เสื้อแดง และเสธ.แดง พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล นักรบลวงโลกของ "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ก็เอาขี้ปากทักษิณมาพูดเรื่อง ดร.สีม่วง เพื่อตอบโต้ปณิธาน แค่ขนาดจะตอบโต้ยังไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง มัวแต่เอาใจทักษิณทุกลมหายใจเข้าออก เลยไม่ต้องสงสัยอะไรมากสำหรับฉายา "สู้แล้วรวย" ที่ได้รับ

อาการแบบนี้ เห็นได้ชัดว่า ร้อนตัว เหมือนพวกคนทำผิดแล้วถูกจับได้ ทั้งที่ ปณิธาน ก็ไม่ได้เอ่ยบุคคลใด คณะใด เกี่ยวข้องบ้าง และการพูดของปณิธาน ซึ่งทำงานอยู่ในวอร์รูม ของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเห็นแฟ้มหรือได้รับทราบรายงานความเคลื่อนไหวการเมืองแบบ

“ลับที่สุด-ลับมาก”

ที่ทุกหน่วยงานด้านการข่าวความมั่นคงของประเทศ

ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ส่งเอกสารตีตรา “ลับมาก” สรุปสถานการณ์ด้านการข่าว ส่งถึงทีมงานหน้าห้องนายกรัฐมนตรี วันละหลายต่อหลายรอบ

การพูดของปณิธาน ซึ่งเครดิตการเมืองความน่าเชื่อถือได้รับการยอมรับมาตลอดว่า ได้เนื้อหาสาระ แถมได้ความรู้เชิงวิชาการ และแนวทางการวิเคราะห์ ไม่ใช่พวกมานั่งปล่อยข่าวหรือให้สัมภาษณ์ตอบโต้รายวัน ที่วัน ๆ เอาแต่คิดจะประดิษฐ์ถ้อยคำ หวังเป็นประเด็นการเมือง แต่หาสาระข้อเท็จจริงไม่ได้ แบบพวกทีมงานโฆษกการเมืองทั้งหลายอย่าง เทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

จึงทำให้สังคมเชื่อว่า สิ่งที่ปณิธาน ออกมาระบุน่าจะมีข้อมูลความจริงแน่นอน เพราะหากไม่มีรายงานทำนองนี้ส่งไปถึงหน้าห้องนายกรัฐมนตรี ปณิธาน ซึ่งถือเป็นโฆษกรัฐบาลอันเปรียบเสมือนกระบอกเสียงของประเทศ คงไม่ออกมาพูดให้เครดิตตัวเองเสียหาย แถมสุ่มเสี่ยงจะถูกตอบโต้กลับทันควัน

เพราะคนอย่างปณิธาน ก็ต้องคิดได้ว่าหากพูดเรื่องแบบนี้ไปต้องถูกท้าให้เปิดหลักฐาน เพียงแต่เมื่อมันเป็นความลับ ปณิธานในความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็เลยพูดได้แค่ในขอบเขตที่ควรจะพูด เพราะข้อมูลส่วนใหญ่อยู่ในมือ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงหมดแล้ว

นอกจากน้ำหนักความน่าเชื่อถือของปณิธาน ที่มากกว่าพวก จตุพร-ณัฐวุฒิ ที่มาเบี่ยงเบนประเด็นว่า รักษาการโฆษกรัฐบาลดูถูกประชาชน ว่ารับเงินท่อน้ำเลี้ยงต่างประเทศมาเคลื่อนไหวการเมือง อันเป็นการบิดเบือนประเด็นอย่างเห็นได้ชัด เพราะปณิธาน บอกแค่ว่ามีการจ่ายเงินเข้าบัญชีแกนนำเท่านั้น ไม่ได้บอกว่ามีการโอนเงินเพื่อให้เอาไปแจกประชาชนให้มาเคลื่อนไหวการเมือง แถมพวกแกนนำเสื้อแดงยังเล่นมุกเก่าๆ คือการท้าเปิดเอกสารหลักฐาน

ทั้งที่ทั้งสองคนก็รู้อยู่แล้วว่า ของแบบนี้มันเป็นความลับส่วนบุคคล เปิดเผยกันมากไม่ได้เพราะคนให้ข้อมูล เช่น สถาบันการเงิน หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งตรวจพบสิ่งผิดปกติในการเคลื่อนไหวของกระแสเงินฝากในรูปแบบต่างๆ เช่นบัญชีธนาคาร จะเดือดร้อน

แต่สิ่งที่ปณิธานต้องการ ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจกันดีว่า รักษาการโฆษกรัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการป่าวประกาศให้พวกอยู่เบื้องหลังการคิดจะก่อการ ก่อเหตุความไม่สงบในประเทศ ทั้งคนจ่ายเงิน-คนรับเงินไปดำเนินการ ได้รู้ว่า

รัฐบาลรู้แล้วว่า มีการเคลื่อนไหวอัดฉีดเงิน เปิดก๊อกให้ท่อน้ำเลี้ยงไหลเข้ามาในประเทศเพื่อเอาเงินไปจัดกิจกรรมการเมืองป่วนบ้าน ป่วนเมือง และวางแผนเผาบ้านเผาเมืองได้แล้ว ดังนั้นใครที่คิดจะทำอะไร ก็ขอให้รู้ว่า รัฐบาลกำลังเฝ้าติดตามอยู่ทุกย่างก้าว ไม่เว้นแม้แต่การแกะรอยเส้นทางการเงิน

ป่านนี้ คงทำให้คนที่อยู่ในข่ายมีพฤติการณ์ดังกล่าวรู้ตัวแล้วว่า ตกอยู่ในบัญชีการเฝ้ามองของเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว

เรื่องแบบนี้ เรา-ทีมข่าวการเมืองเห็นว่า ไม่ได้ถือว่าเป็นการก้าวล่วงสิทธิส่วนตัวหรือใช้อำนาจรัฐไปตรวจสอบแบบล้ำขอบเขต เพราะของแบบนี้หากบริสุทธิ์ใจ หรือไม่ได้คิดร้ายใดๆ ต่อบ้านเมือง ก็ไม่มีทางที่รัฐจะไปเอาผิดได้

และหากเป็นบุคคลปกติธรรมดา ทำมาหากินโดยสุจริต ไม่มีประวัติใดๆ ที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคง เชื่อเถอะว่าหน่วยงานของรัฐด้านความมั่นคง คงไม่บ้าจี้ไปเที่ยวไล่ตรวจบัญชี เฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวเป็นแน่แท้ เพราะลำพังเจ้าหน้าที่รัฐส่วนนี้ก็ไม่ค่อยมีกำลังมากนัก แถมขาดงบประมาณในการพัฒนาการทำงาน

แต่คนที่รัฐเฝ้าจับตามอง หรือติดตามความเคลื่อนไหวก็เพราะมองว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมในการจะก่อเหตุความไม่สงบเรียบร้อยภายในบ้านเมือง ซึ่งจะมี 10 ยุทธการป่วนเมือง ในช่วงก่อนและหลังวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งศาลฎีกาฯ จะอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน เขาจึงต้องเฝ้าระวัง โดยหากคนบริสุทธิ์ คนที่ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับการเมืองแล้วถูกละเมิดสิทธิแบบนี้ เราก็เห็นด้วยที่จะต้องเอาเรื่องหน่วยงานรัฐที่ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตมากเกินไป

ที่สำคัญอย่าลืมว่า การเคลื่อนไหวทางการเมือง สิ่งสำคัญคือการจัดตั้งมวลชน ซึ่งการเคลื่อนไหวการเมืองของเสื้อแดง แม้หลายครั้งจะพบว่ามีคนบริจาคเงินให้เสื้อแดงในบางเวที แต่ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับลักษณะการจัดงานที่เป็นการจัดแบบระดับจังหวัด ที่ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการค่อนข้างมาก

ยิ่งหากเป็นการชุมนุมใหญ่ๆ ชุมนุมยืดเยื้อ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก เรื่องเงินสนับสนุนจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่การสนับสนุนนั้น ต้องเป็นเงินสะอาด และไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ประเทศวิกฤติจากการจัดตั้งม็อบเอาไปก่อเหตุวุ่นวาย แต่ส่วนใหญ่จากการข่าวที่ได้รับก็เห็นชัดว่า การจัดกิจกรรมต่างๆ ของคนเสื้อแดง ก็พบว่ามีเงินอุดหนุนทั้งจากแกนนำพรรคเพื่อไทย และนายใหญ่ เมืองดูไบ เกือบทั้งสิ้น

ไม่นับรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น การจัดตั้งสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชแนล แพร่ภาพตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทีวีดาวเทียม เพื่อให้เป็นกระบอกเสียงของคนเสื้อแดง ถามว่า สามเกลอเสื้อแดง มีเงิน มีทุนมาจากไหนมาทำทีวีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแพร่ภาพข่าว และเนื้อหาสาระที่สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร คนเสื้อแดง และ พรรคเพื่อไทย แบบไม่ลืมหูลืมตา

รวมถึงการแพร่ขยายการเปิดสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง หลายจังหวัดทั่วประเทศในตอนนี้ ที่คาดว่ามีเกินร้อยคลื่น ที่เป็นกระบอกเสียงคนเสื้อแดงไปแล้ว ไม่นับรวมการออกสื่อสิ่งพิมพ์คนเสื้อแดงอีกหลายต่อหลายเล่ม เพื่อเสนอข่าว และความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ

**การบริหารจัดการสื่อเสื้อแดง –การจัดกิจกรรมเวทีคนเสื้อแดงทั่วประเทศ แล้วให้ทักษิณโฟนอิน-วีดีโอลิงค์ มาคุยกับประชาชนจะได้ไม่เหงา และไม่บ้าเพราะกลัดกลุ้มนั่งบ่นอยู่คนเดียว มันก็ต้องใช้ทุนทั้งสิ้น

คำถามจึงมีว่า เงินสนับสนุนจากคนเสื้อแดง มีมากพอหรือที่จะทำกิจกรรมการเมืองและสื่อการเมืองเช่นนี้ได้ หากไม่มีเงินอุดหนุนจากทักษิณ ที่ส่งผ่านมาในรูปแบบต่างๆ

ดังนั้นเรื่อง ทุนดูไบ เปิดก๊อกรอบใหม่ เพื่อส่งเสบียงกรังมายังแกนนำพรรคเสื้อแดงจะได้เอาไปเคลื่อนไหวการเมืองก่อน และหลังการตัดสินของศาลฎีกาฯ ในคดียึดทรัพย์ บนการข่าวของรัฐบาลพบว่า เริ่มพบความเคลื่อนไหวดังกล่าวในช่วงปลายปี 2552 จึงย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกว่า เป็นไปไม่ได้

เพียงแต่รูปแบบการเปิดก๊อก เชื่อว่าคงไม่เปิดแบบให้ไหลแรง เปิดอ้าซ่าหน้าบ้านตัวเองให้ถูกจับได้ แต่คงพยายามใช้วิธีให้เนียนมากที่สุด แต่กลับดันมาถูกแกะรอยเจอเสียก่อน มันเลยเสียเส้นกันหมด

และคนที่ฉุนสุดขีด คงหนีไม่พ้น สามเกลอสู้แล้วรวย ที่กำลังจะได้ลาภ แต่ดันถูกจับได้เสียก่อน เลยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างที่เห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น