“พิภพ” ดักทาง “เฒ่าร้อยเล่ห์” จับยัดร่างแก้รัฐธรรมนูญ “ฉบับกู้ชีพ นช.แม้ว” เข้าสู่สภา ชี้เข้าข่ายใช้อำนาจมิชอบ ขัดมาตรา 270 ที่ระบุชัดเจน ให้ถามเสียงประชาชน แจง เหตุยื่นถอดถอนเพราะไม่ทำหน้าที่สมเป็นประธานสภา คิดนำร่างแก้ รธน.ฉบับหมอเหวง ใช้สภาฟอกบาป “นช.แม้ว” แก้ไขมาตรา 390 ช่วยนักโทษชายหนีคุก ยัน จุดยืนพันธมิตรฯ ไม่เคยกดดัน แต่ต้องการแสดงเจตนารมย์แน่วแน่ ต้านแก้รัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ พร้อมชวน ปชช.ที่เห็นด้วย ดาวน์โหลดแบบฟอร์มถอดถอน “เฒ่าชัย-ส.ส.102 คน” กระสันอยากแก้รัฐธรรมนูญตัวสั่น
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ มี น.ส.กมลพร วรกุล รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ นายอำนาจ พละมี ตัวแทนเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) มาเป็นแขกรับเชิญ
โดยในรายการได้ต่อสายโทรศัพท์เพื่อสัมภาษณ์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงกรณีที่วันนี้เดินทางไปพบ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นคำร้องแสดงตนเป็นผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อประชาชนถอดถอน นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายกระทำผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ที่ส่อไปในทางใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยมีความพยายามนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 หรือ คปพร. ของ นพ.เหวง โตจิราการ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภา
นายพิภพกล่าวประเด็นนี้ว่า วันนี้ได้เดินทางเพื่อยื่นถอดถอน นายชัย ชิดชอบ ต่อประธานวุฒิสภาเรียบร้อยแล้ว เนื่องจาก นายชัย ในฐานะที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร มีพฤติกรรมส่อว่าไปทางที่ต้องการนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับ นพ.เหวง เข้าสู่ญัตติที่ประชุมสภา เพื่อแก้ไขมาตรา 390 ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 นำไปสู่การเปิดทางช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พ้นจากความผิด ดังนั้น ตนจึงขอเรียกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดังกล่าวว่าเป็นฉบับกู้ชีพ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายพิภพกล่าวต่อว่า แต่ประเด็นที่น่าสนใจมันอยู่ที่ น่าคิดว่าทำไมเวลานี้ นพ.เหวง และนายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตเลขาธิการประธานศาลฎีกา และอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ถึงออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้กลับมาใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือจะเป็นสนับสนุนให้มีการนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ที่ นพ.เหวง เสนอ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภา ทั้งที่สมัยก่อน ตอนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนพ.เหวงกับนายจรัญ ต่างงัดข้อมูลขึ้นมาโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เวลานี้กลับหันมาหาทางช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรีให้พ้นจากความผิด
“รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ไม่ได้ถูกฉีกด้วยฝีมือของคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่เป็นเพราะการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตลอดเวลาที่อยู่ในอำนาจได้พยายามแทรกแซงองค์กรอิสระมาตลอด ดังนั้น เวลานี้ จึงน่าสงสัยว่าทำไมคนที่เคยต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงออกมาหาทางช่วยเหลือ เรื่องนี้น่าคิดมาก” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพกล่าวอีกว่า การจะนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ของ นพ.เหวง ถือว่าเป็นญัตติที่ไม่สามารถทำได้ เพราะถ้าหากนายชัย ยังดื้อดึงทำเช่นนั้น ในฐานะที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ถือว่าเข้าข่ายผิดกฏหมายรัฐธรรมนูญทันที โดยแม้จะมี 20,000 รายชื่อที่เป็นเสียงประชาชน ก็ไม่อาจนำญัตติดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาได้ เพราะในกฏหมายระบุไว้อย่างชัดเจนว่า จะทำได้ทันทีก็ต่อเมื่อ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนั้นอยู่ในหมวดที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหรือเสรีภาพของประชาชน ดังนั้น กรณีนี้ไม่เข้าข่ายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังไม่ตรงกับเจตนารมย์เดิมของรัฐธรรมนูญที่ห้าม ส.ส.หรือ ส.ว. รีบร้อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ถามความคิดเห็นจากประชาชน
“รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่บังคับใช้กันอยู่ ถือเป็นฉบับแรกที่ได้รับเสียงประชามติจากประชาชนอย่างท้วมท้น และยังได้ตัดสิทธิ์ไม่ให้ ส.ส.หรือ ส.ว. ออกเสียงเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น กรณีนี้ เป็นขบวนการของ นพ.เหวง และนายจรัญ ที่ต้องการแก้ไขบางมาตราในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่ฟังเสียงประชาชน” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพกล่าวอีกว่า ตนอยากชี้แจงว่า หากประชาชนคนใดไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ นายชัย และเห็นว่าสมควรถอดถอน ขอให้ไปดาวน์โหลดแบบฟอร์ม และแนบสำเนาบัตรประชาชน จากนั้น ให้นำไปยื่น โดยลักษณะนี้ คล้ายคลึงกับกรณียื่นถอดถอน ส.ส. จำนวน 102 คน ที่ร่วมกันเข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550
“การกระทำดังกล่าวแม้จะต่างวาระกัน แต่ถือว่าได้กระทำความผิดด้วยเจตนาโดยสมบูรณ์แล้ว แม้ล่าสุด ที่ประชุมสภาจะมีการเลื่อนพิจารณาญัตติดังกล่าวออกไปไม่มีกำหนด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะถอน ดังนั้น ญัตตินี้ยังคงค้างเป็นประเด็นคั่งค้างอยู่ในสภา เพื่อรอเวลาพิจารณาที่เหมาะสม โดยจุดยืนของพันธมิตรฯ ไม่ได้ทำเช่นนี้ เพื่อข่มขู่ใดๆ แต่เพียงแต่ต้องการแสดงจุดยืนและเจตนารมย์ที่ชัดเจน ซึ่งหากประชาชนคนใดเห็นพ้องว่าการกระทำของ นายชัย และส.ส.ทั้ง 102 คน สมควรถูกถอดถอน ก็ขอให้ไปดาวน์โหลดแบบฟอร์มแล้วกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งนี้ ขอย้ำว่าแบบฟอร์มถอดถอนนายชัย แยกใบกับการยื่นถอดถอน ส.ส. 102 คน ดังนั้น จึงใช้ 2 ใบ พร้อมสำเนาบัตรประชาชน” นายพิภพกล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ มี น.ส.กมลพร วรกุล รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ นายอำนาจ พละมี ตัวแทนเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) มาเป็นแขกรับเชิญ
โดยในรายการได้ต่อสายโทรศัพท์เพื่อสัมภาษณ์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงกรณีที่วันนี้เดินทางไปพบ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นคำร้องแสดงตนเป็นผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อประชาชนถอดถอน นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายกระทำผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ที่ส่อไปในทางใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยมีความพยายามนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 หรือ คปพร. ของ นพ.เหวง โตจิราการ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภา
นายพิภพกล่าวประเด็นนี้ว่า วันนี้ได้เดินทางเพื่อยื่นถอดถอน นายชัย ชิดชอบ ต่อประธานวุฒิสภาเรียบร้อยแล้ว เนื่องจาก นายชัย ในฐานะที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร มีพฤติกรรมส่อว่าไปทางที่ต้องการนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับ นพ.เหวง เข้าสู่ญัตติที่ประชุมสภา เพื่อแก้ไขมาตรา 390 ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 นำไปสู่การเปิดทางช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พ้นจากความผิด ดังนั้น ตนจึงขอเรียกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดังกล่าวว่าเป็นฉบับกู้ชีพ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายพิภพกล่าวต่อว่า แต่ประเด็นที่น่าสนใจมันอยู่ที่ น่าคิดว่าทำไมเวลานี้ นพ.เหวง และนายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตเลขาธิการประธานศาลฎีกา และอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ถึงออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้กลับมาใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือจะเป็นสนับสนุนให้มีการนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ที่ นพ.เหวง เสนอ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภา ทั้งที่สมัยก่อน ตอนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนพ.เหวงกับนายจรัญ ต่างงัดข้อมูลขึ้นมาโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เวลานี้กลับหันมาหาทางช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรีให้พ้นจากความผิด
“รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ไม่ได้ถูกฉีกด้วยฝีมือของคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่เป็นเพราะการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตลอดเวลาที่อยู่ในอำนาจได้พยายามแทรกแซงองค์กรอิสระมาตลอด ดังนั้น เวลานี้ จึงน่าสงสัยว่าทำไมคนที่เคยต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงออกมาหาทางช่วยเหลือ เรื่องนี้น่าคิดมาก” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพกล่าวอีกว่า การจะนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ของ นพ.เหวง ถือว่าเป็นญัตติที่ไม่สามารถทำได้ เพราะถ้าหากนายชัย ยังดื้อดึงทำเช่นนั้น ในฐานะที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ถือว่าเข้าข่ายผิดกฏหมายรัฐธรรมนูญทันที โดยแม้จะมี 20,000 รายชื่อที่เป็นเสียงประชาชน ก็ไม่อาจนำญัตติดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาได้ เพราะในกฏหมายระบุไว้อย่างชัดเจนว่า จะทำได้ทันทีก็ต่อเมื่อ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนั้นอยู่ในหมวดที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหรือเสรีภาพของประชาชน ดังนั้น กรณีนี้ไม่เข้าข่ายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังไม่ตรงกับเจตนารมย์เดิมของรัฐธรรมนูญที่ห้าม ส.ส.หรือ ส.ว. รีบร้อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ถามความคิดเห็นจากประชาชน
“รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่บังคับใช้กันอยู่ ถือเป็นฉบับแรกที่ได้รับเสียงประชามติจากประชาชนอย่างท้วมท้น และยังได้ตัดสิทธิ์ไม่ให้ ส.ส.หรือ ส.ว. ออกเสียงเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น กรณีนี้ เป็นขบวนการของ นพ.เหวง และนายจรัญ ที่ต้องการแก้ไขบางมาตราในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่ฟังเสียงประชาชน” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพกล่าวอีกว่า ตนอยากชี้แจงว่า หากประชาชนคนใดไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ นายชัย และเห็นว่าสมควรถอดถอน ขอให้ไปดาวน์โหลดแบบฟอร์ม และแนบสำเนาบัตรประชาชน จากนั้น ให้นำไปยื่น โดยลักษณะนี้ คล้ายคลึงกับกรณียื่นถอดถอน ส.ส. จำนวน 102 คน ที่ร่วมกันเข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550
“การกระทำดังกล่าวแม้จะต่างวาระกัน แต่ถือว่าได้กระทำความผิดด้วยเจตนาโดยสมบูรณ์แล้ว แม้ล่าสุด ที่ประชุมสภาจะมีการเลื่อนพิจารณาญัตติดังกล่าวออกไปไม่มีกำหนด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะถอน ดังนั้น ญัตตินี้ยังคงค้างเป็นประเด็นคั่งค้างอยู่ในสภา เพื่อรอเวลาพิจารณาที่เหมาะสม โดยจุดยืนของพันธมิตรฯ ไม่ได้ทำเช่นนี้ เพื่อข่มขู่ใดๆ แต่เพียงแต่ต้องการแสดงจุดยืนและเจตนารมย์ที่ชัดเจน ซึ่งหากประชาชนคนใดเห็นพ้องว่าการกระทำของ นายชัย และส.ส.ทั้ง 102 คน สมควรถูกถอดถอน ก็ขอให้ไปดาวน์โหลดแบบฟอร์มแล้วกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งนี้ ขอย้ำว่าแบบฟอร์มถอดถอนนายชัย แยกใบกับการยื่นถอดถอน ส.ส. 102 คน ดังนั้น จึงใช้ 2 ใบ พร้อมสำเนาบัตรประชาชน” นายพิภพกล่าว