ประธานวิปวุฒิสภา โยนมติ 2 สภาฯ เลื่อนญัตติแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อวันนี้ถกเถียงกันมันแน่ รับ ส.ว.บางส่วนอยากทำให้จบๆ ไปเลย ชี้ “พันธมิตรฯ” ยื่นถอด “ชัย” ก็ทำได้
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) เปิดเผยว่า วิปวุฒิได้รับการประสานจากวิปรัฐบาลในการขอเลื่อนวาระการประจำพิจารณากรอบ ความร่วมมือระหว่างประเทศขึ้นมาพิจารณาก่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วแต่ก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการพิจารณากรอบความร่วมมือระหว่างประเทศตามมาตรา 190 ทั้ง 6 ฉบับมีความสำคัญ โดยได้รับแจ้งว่ามีการบรรจุวาระเร่งด่วนของกระทรวงการคลังเพิ่มมาอีก 2 เรื่อง จากเดิม 4 เรื่อง ซึ่ง 2 เรื่องที่เพิ่มมาใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยากเพราะสมาชิกยังไม่ได้รับเอกสาร จึงเกรงอาจมีการปัญหาในการพิจารณา ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าการเพิ่มเรื่องกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศขึ้นมาอีก 2 เรื่องอาจเป็นการเพิ่มน้ำหนักในนำกรอบความร่วมมือขึ้นมาพิจารณาก่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“การประชุมต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ความจริงทั้งสี่เรื่องเดิมควรทำนานแล้ว ส่วนการเพิ่มอีกสองเรื่องของกระทรวงกาคลังก็ควรทำนานแล้ว เรื่องนี้มีมาตั้งแต่ปี 50 ความจริงไม่ต้องเอามาพิจารณาก็ทำไปได้เลย แต่เมื่อเพิ่มมาก็ตั้งข้อสังเกตได้ว่าเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้เลื่อนกรอบความร่วมมือตาม 190 ขึ้นมาพิจารณาก่อน” นายนิคมกล่าว
นายนิคมกล่าวอีกว่า เชื่อว่าการประชุมในวันนี้คงต้องใช้เวลาถกเถียงกันมาก ทั้งนี้ หากองค์ประชุมครบคงไม่มีปัญหาให้การประชุมดำเนินไปได้ สำหรับ การพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว.เลือกตั้งบางส่วนรู้สึกหนักใจ โดย ส.ว.บางส่วนอยากให้มีการพิจารณาเรื่องนี้ให้จบๆ ไปเพื่อให้เกิดความชัดเจนไม่ต้องค้างคาไว้ นอกจากนี้การบรรจุเรื่องที่ยังไม่มีความชัดเจนเข้ามาพิจารณา เมื่อมองไปข้างหน้าก็เห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่เดินต่อไปลำบาก
นายนิคมกล่าวว่า ส่วนกรณีที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมาแสดงตนต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อรวบรวมรายชื่อถอดถอนประธานรัฐสภานั้น เรื่องนี้เป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถเข้าชื่อถอดถอนนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาได้หาก เห็นว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่ขยายวงความขัดแย้งออกไปนอกสภา โดยตนเชื่อว่าถึงจุดหนึ่งทุกฝ่ายจะเข้าใจบรรยากาศและทิศทางที่การเมืองจะเดินไป
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) เปิดเผยว่า วิปวุฒิได้รับการประสานจากวิปรัฐบาลในการขอเลื่อนวาระการประจำพิจารณากรอบ ความร่วมมือระหว่างประเทศขึ้นมาพิจารณาก่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วแต่ก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการพิจารณากรอบความร่วมมือระหว่างประเทศตามมาตรา 190 ทั้ง 6 ฉบับมีความสำคัญ โดยได้รับแจ้งว่ามีการบรรจุวาระเร่งด่วนของกระทรวงการคลังเพิ่มมาอีก 2 เรื่อง จากเดิม 4 เรื่อง ซึ่ง 2 เรื่องที่เพิ่มมาใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยากเพราะสมาชิกยังไม่ได้รับเอกสาร จึงเกรงอาจมีการปัญหาในการพิจารณา ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าการเพิ่มเรื่องกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศขึ้นมาอีก 2 เรื่องอาจเป็นการเพิ่มน้ำหนักในนำกรอบความร่วมมือขึ้นมาพิจารณาก่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“การประชุมต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ความจริงทั้งสี่เรื่องเดิมควรทำนานแล้ว ส่วนการเพิ่มอีกสองเรื่องของกระทรวงกาคลังก็ควรทำนานแล้ว เรื่องนี้มีมาตั้งแต่ปี 50 ความจริงไม่ต้องเอามาพิจารณาก็ทำไปได้เลย แต่เมื่อเพิ่มมาก็ตั้งข้อสังเกตได้ว่าเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้เลื่อนกรอบความร่วมมือตาม 190 ขึ้นมาพิจารณาก่อน” นายนิคมกล่าว
นายนิคมกล่าวอีกว่า เชื่อว่าการประชุมในวันนี้คงต้องใช้เวลาถกเถียงกันมาก ทั้งนี้ หากองค์ประชุมครบคงไม่มีปัญหาให้การประชุมดำเนินไปได้ สำหรับ การพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว.เลือกตั้งบางส่วนรู้สึกหนักใจ โดย ส.ว.บางส่วนอยากให้มีการพิจารณาเรื่องนี้ให้จบๆ ไปเพื่อให้เกิดความชัดเจนไม่ต้องค้างคาไว้ นอกจากนี้การบรรจุเรื่องที่ยังไม่มีความชัดเจนเข้ามาพิจารณา เมื่อมองไปข้างหน้าก็เห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่เดินต่อไปลำบาก
นายนิคมกล่าวว่า ส่วนกรณีที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมาแสดงตนต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อรวบรวมรายชื่อถอดถอนประธานรัฐสภานั้น เรื่องนี้เป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถเข้าชื่อถอดถอนนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาได้หาก เห็นว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่ขยายวงความขัดแย้งออกไปนอกสภา โดยตนเชื่อว่าถึงจุดหนึ่งทุกฝ่ายจะเข้าใจบรรยากาศและทิศทางที่การเมืองจะเดินไป
