xs
xsm
sm
md
lg

เผยธาตุแท้ “แกนนำเสื้อแดง” สู้เพื่อเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ
ผ่าประเด็นร้อน


แม้สังคมส่วนใหญ่จะรู้ล่วงหน้ามานานเป็นปีแล้วก็ตาม ว่าการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ว่าทำไปเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ส่วนเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงอะไรนั่นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างบังหน้าเพื่อให้การเคลื่อนไหวของฝ่ายตัวเองมีความชอบธรรม และสามารถดึงเอาชาวบ้านที่ยังไม่เข้าใจถึงที่มาที่ไปได้ดีและเข้าไม่ถึงข้อมูลให้คนเหล่านั้นได้เข้ามาร่วมเท่านั้น

แต่ล่าสุดกลายเป็นว่า มีบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงที่ร่วมเคลื่อนไหวมาในหลากหลายรูปแบบต่างออกมาเปิดเผยให้เห็นวัตถุประสงค์ในการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่า ทำไปเพื่อไม่ต้องการให้มีการยึดทรัพย์สินของทักษิณ ที่ได้มาจากการทุจริตฉ้อฉล จำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ. หรือไม่เช่นนั้น หากมีการยึดทรัพย์จริงๆ ก็จะหาทางให้มีการคืนทรัพย์สินเหล่านั้นให้ได้หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล โดยประกาศว่าจะทำทุกทางเพื่อให้ได้เงินก้อนดังกล่าวกลับคืนมาให้ ทักษิณ ชินวัตร โดยให้เหตุผลแบบรวบรัดว่าเป็นเงินส่วนตัวที่หามาได้

คำพูดของ มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยเป็นผู้พิพากษาได้ระบุอย่างชัดเจนว่า “ยึดก็ยึดไป เราก็ไปเอากลับคืนมาได้ โดยใช้มติมหาชน ซึ่งหลังการเลือกตั้งเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเมื่อได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเราจะเอาทรัพย์สินคืนมาทั้งหมด โดยกระบวนการมีการเตรียมเอาไว้แล้ว”

หรือคำพูดของ นิยม วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวทำนองเดียวกันว่า “ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของ ทักษิณ จะเอาไปได้อย่างไร ถ้ายึดไปก็เอากลับคืนมาได้ ซึ่งกระบวนการทำได้หลายอย่าง แม้ศาลตัดสินไปแล้ว เช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

จากคำพูดที่เปิดเผยออกมาดังกล่าวทำให้ประเมินกันได้ทันทีว่า การเคลื่อนไหวนับจากนี้ไปก็จะทำเพื่อให้ได้ทรัพย์สินคืนมา หรือหากไม่ได้คืนมาโดยต้องคำพิพากษายึดทรัพย์ก็จะต้องหาทางเอาคืนมาให้ได้ในโอกาสต่อไปนั่นคือใช้อำนาจรัฐเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขหลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาล

ดังนั้น การต่อสู้โดยชูประเด็นในเรื่องประชาธิปไตยแท้จริง ก็จะต้องถูกกลบลงไปเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงได้เปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกแล้ว

หากสังเกตให้ดีประเด็นที่คนเสื้อแดงกำลังขยายผลอย่างต่อเนื่องก็คือเรื่อง “สองมาตรฐาน” ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้นำร่องในเรื่องของกรณี “อำมาตย์-อภิสิทธิชน” พร้อมทั้งมีการเร่งรัดให้ดำเนินคดีต่างๆที่อ้างว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการล่าช้า หรือไม่ดำเนินการ

แต่นั่นก็เพียงแค่ปูทางนำร่องเท่านั้น เพราะหากพิจารณาจากคำพูดข้างต้นของบรรดาคนของทักษิณ เชื่อว่าเป้าหมายที่แท้จริงกำลังพุ่งเป้าไปที่สถาบันศาลมากกว่า นั่นคือจะพุ่งเป้าโจมตีว่ามีการ “ตั้งธง” เอาไว้ล่วงหน้า หากผลออกมาไม่ตรงกับที่ตัวเองต้องการก็จะชี้หน้าทันทีว่า “สองมาตรฐาน” อะไรประมาณนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ทักษิณ ก็เคยกล่าวย้ำหลายครั้งสร้างกระแสเอาเองว่านี่คือกระบวนการ “ยุติความเป็นธรรม” และเชื่อว่าจะนำไปสร้างเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวเพื่อก่อความวุ่นวายตามมาอย่างแน่นอน

เมื่อประเมินจากท่าทีทั้งหมด เชื่อว่า ความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตามองก็คือจะเกิดขึ้นก่อนและหลังคำพิพากษาเป็นหลัก ซึ่งเมื่อแกะรอยความเคลื่อนไหวก็จะพบว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง

อย่างไรก็ดี เริ่มจากสถานการณ์ก่อนถึงวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งมีการวิเคราะห์กันว่าฝ่ายทักษิณ จะต้องทำทุกทางเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการอ่านคำพิพากษาให้ได้หรือยื้อให้เลื่อนออกไปเรื่อยๆ และล่าสุดก็มีการปูดข้อมูลออกมาแล้วว่าให้จับตาดูว่าจะมี “องค์คณะผู้พิพากษาไม่ครบ”


ขณะเดียวกัน ได้ปรากฎร่องรอยที่เกิดขึ้นอย่างผิดสังเกตก็คือคำพูดของ ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ออกมาเปิดเผยให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวให้เห็นภาพอย่างชัดเจนโดยอ้างข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงว่า “ได้พบเงินจำนวนมากผิดปกติถูกโอนมาจากต่างประเทศ 2-3 เส้นทางทั้งจากต่างประเทศและจากกลุ่มทุนในประเทศเข้าบัญชีแกนนำระดับสูงของคนเสื้อแดง ซึ่งกำลังแกะรอยดูว่าเมื่อเงินดังกล่าวถูกส่งผ่านไปอยู่ในมือของกลุ่มผู้ที่ใช้ความรุนแรงก็จะประเมินได้ว่าสถานการณ์จะรุนแรงมากขึ้น”

คำพูดของรองเลขาธิการนายกฯ ผู้นี้ยังประเมินจากข้อมูลระบุว่า คนเสื้อแดงจะมีการโหมชุมนุมในช่วงก่อนและหลังวันที่ 26 ก.พ.ซึ่งฝ่ายความมั่นคงกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มฮาร์ดคอร์เพราะมีทิศทางในการใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อมาความหมายเหล่านี้ยังถูกสำทับยืนยันข้อมูลจริงจากปากนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าไปอีกทำให้เห็นภาพความน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีก หลังจากที่ผ่านมาได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เมื่อปะติดปะต่อจากข้อมูลและคำพูดของแต่ละฝ่ายทำให้สรุปได้ชัดเจนว่า การเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดงในสังกัดของ ทักษิณ ชินวัตร ล้วนแล้วมีเป้าหมายเพื่อปกป้องเงินจำนวน 76,000 ล้านเท่านั้น โดยจะใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างความวุ่นวายทั้งก่อนและหลังคำพิพากษา ซึ่งก่อนจะถึงวันที่ 26 ก.พ.ก็ต้องจับตาการสร้างสถานการณ์รุนแรงเพื่อให้เลื่อนการตัดสินคดีออกไป

แต่เชื่อว่ามาถึงเวลานี้สังคมเริ่มรู้เท่าทัน และรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่เหมือนบ้านเมืองไร้ขื่อแป ไม่เคารพคำพิพากษาของศาล หรือรังเกียจคนที่ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็จะวุ่นวาย เสียโอกาสไปตลอด เพียงแค่ปัญหาของคนเพียงคนเดียว!!

กำลังโหลดความคิดเห็น