รายงาน
โดย...แสงตะวัน
เรียงหน้าปฏิเสธอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะคนส่วนใหญ่รู้กันดีว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงยิ่งในหน่วยงานสำคัญ โดยเฉพาะตำแหน่งใหญ่ที่มีอำนาจมาก
เรื่องผลประโยชน์-สิ่งตอบแทน-ข้อแลกเปลี่ยน ย่อมมีแน่นอน และมากเสียด้วย
คำปฏิเสธของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ มานิต วัฒนเสน ปลัด มท.ที่ยืนกรานว่าการออกมาเปิดโปงข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย ของ ไพฑูรย์ บุญวัฒน์ อดีตรองปลัดมท.ที่ระบุว่ามหาดไทยยุคนี้ ถ้าคิดจะเติบใหญ่ ต้องมีเงินถุงเงินถังไปจ่ายให้กับคนที่พิจารณาทำโผบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย
อัตราราคาน่าระทึกใจ คือ ถ้าอยากนั่งเก้าอี้พ่อเมืองต้องจ่าย 20 ล้านบาท ถ้ารองผวจ.17 ล้านบาท นายอำเภอ 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ พอมีข่าวออกมาแบบนี้ คนมหาดไทยส่วนใหญ่ทั่วประเทศก็ไม่ได้แปลกใจใดๆ เลย ส่วนใหญ่เชื่อเสียด้วยว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะหลายคนมีประสบการณ์เจอมากับตัวเอง เพราะผลงานก็มีมาก อาวุโสก็ถึง ประวัติการทำงานก็ดีเยี่ยม ไม่มีมลทินด่างพร้อย แต่ไม่เคยได้รับการเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่ง
พอมีคนกล้าออกมาเปิดโปงเรื่องสูตร 20-17-10 ล้านบาทแบบนี้ ก็เลยได้รู้ความจริงว่า เหตุที่ไม่ก้าวหน้าในชีวิตราชการ ที่แท้ก็เพราะมันไม่มีเงิน ไม่มีเส้นสายทางการเมือง
ดังนั้น พอชวรัตน์-มานิต ออกมาทำปากแข็งอ้างว่า คำแถลงแบบนี้เป็นเรื่องไม่มีมูล ข่าวลือ หาเรื่อง คนเลยไม่ฟัง แต่อยากท้า... ถ้าแน่จริง ยอมให้มีการตรวจสอบสอบสวนกันไหม ตั้งกรรมการสอบให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย มันจะได้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง
เอาอย่างตำรวจ ที่ล่าสุด พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ.2 โดนเด้งเข้ากรุ และพร้อมกับมีคำสั่งให้ยกเลิกบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายของบช.ภ.2 เนื่องจากมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการจัดทำบัญชีแต่งตั้ง
แล้ว “ชวรัตน์-มานิต” กล้าไหม ก็ไม่กล้า
คิดดูกันเองแล้วกันว่า ขนาดเก้าอี้ สารวัตร-รอง ผกก.-ผกก.รอง ผบก.แค่คุมสถานีตำรวจ-โรงพัก พื้นที่ดูแลรับผิดชอบแค่ระดับอำเภอยังจ่ายกันเป็นล้านๆ แล้ว ผวจ.-รอง ผวจ.-นายอำเภอ ที่มีขอบเขตอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบใหญ่กว่ามากมาย จะไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเจือปนในการพิจารณารายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายได้อย่างไร?
“ปู่จิ้น ซิโนไทย-มานิต ปลัดคิก..คิก” อมพระมาปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ
ก็ขนาดเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ซึ่งเป็นด่านสำคัญในการไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งนายอำเภอ-ปลัดจังหวัด-รอง ผวจ.-ผวจ.ยังถูก ป.ป.ช.สอบสวนการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ หลังมีข้อร้องเรียนว่ามีข้อสอบรั่ว-ล็อกเก้าอี้ให้เด็กนักการเมือง รวมถึงเรื่องกลิ่นไม่ค่อยดีมีผลประโยชน์ตอบแทน
อย่างล่าสุดก็มีการออกมาปูดแล้วว่า คนที่สอบเข้า ร.ร.นายอำเภอรุ่นล่าสุดมาจากข้าราชการในจังหวัดบุรีรัมย์ ฐานเสียงสำคัญของศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรมว.มหาดไทยที่ถูกเรียกขานกันว่า มท.1 ตัวจริงมากถึง 17 คน
ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์มาก่อน ที่จะมีข้าราชการจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอได้มากถึงขนาดนี้
แล้วข่าวอื้อฉาว ซื้อขายตำแหน่งกันในมหาดไทยตอนนี้ ทั้งชวรัตน์-มานิต จะนั่งทับขี้ ทำไขสือ ได้อย่างไร
ขืนปล่อยไว้แบบนี้ ชื่อมหาดไทยก็จะตกต่ำลงไปอีก ซึ่งปกติชื่อเสียงก็มีปัญหาอยู่แล้ว มีแต่ข่าวอื้อฉาวจ้องหาผลประโยชน์ในงบประมาณของกระทรวง มีแต่เอาพรรคพวกตัวเองขึ้นไปเป็นใหญ่ในกระทรวง
ไล่ตั้งแต่ปลัดกระทรวงมหาดไทย มานิต วัฒนเสน ที่ได้ตั๋วเนวิน ชิดชอบ ผลักดันบนข้อกังขาของคนมหาดไทยทั่วประเทศ เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่า ความสามารถและผลงานไม่เจ๋งจริง
อีกหลายตำแหน่งก็มีข้อกังขา เช่น ไพรัตน์ สกลพันธุ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เป็นอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ หากไม่ใช่เพราะเคยอยู่บุรีรัมย์มาก่อน ทำให้รู้จักทั้ง ชัย-เนวิน-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ นินทากันว่า ป่านนี้ก็อาจเป็นแค่ข้าราชการซี 10 ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่ได้มาคุมกรมใหญ่คุมงบประมาณหลายหมื่นล้านแบบนี้
หรือ มงคล สุรัจสัจจะ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คนนี้ก็ขยับขึ้นมาจากผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ที่แสดงผลงานเข้าตา “เสี่ยห้อย” เลยได้ดิบได้ดีเข้าเมืองกรุงมานั่งอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน
และผู้ว่าราชการจังหวัดภาคอีสานอีกหลายพื้นที่ เช่น นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.บุรีรัมย์ ที่เนวินผลักดันจากรองผวจ.หนองคายให้มาคุมพื้นที่บุรีรัมย์- คมสัน เอกชัย ผวจ.หนองคาย ที่ขยับมาจากผวจ.ตากซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่ามากมาอยู่หนองคาย ซึ่งภูมิใจไทยกำลังเร่งสร้างฐานเสียงอย่างหนักเพื่อแข่งบารมีกับกลุ่มพญานาคของพินิจ จารุสมบัติ
รวมถึงในจังหวัดใหญ่ๆ เช่น สุรชัย ขันอาสา ผวจ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานนายศักดิ์สยาม ก็ได้การผลักดันจากรอง ผวจ.สมุทรปราการมาเป็นพ่อเมืองจังหวัดใหญ่ภาคกลาง
บอกได้ว่า มหาดไทยยุคนี้ มันไม่ใช่ทั้งยุคสิงห์ขาว รัฐศาสตร์ เชียงใหม่ มานิต วัฒนเสน ปลัดมท.และวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง, สิงห์แดง รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ขวัญชัย วงศ์นิติกร รองปลัดมหาดไทย, สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ตอนนี้ถือว่าเป็นยุคขาลงอย่างแท้จริง เพราะแทบไม่มีใครในสายนี้คุมกำลังหลักในกระทรวงมหาดไทยเลยแม้แต่คนเดียว
แต่มันเป็นยุค “สิงห์น้ำเงิน” เสื้อตราประจำพรรคภูมิใจไทย ที่หากใครได้สวมเสื้อน้ำเงิน รับรองชีวิตราชการในมหาดไทยยุคภูมิใจไทยเป็นใหญ่ รุ่งโรจน์ โชติช่วงชัชวาล จะได้ดิบได้ดี แซงหน้าพรรคพวกเพื่อนฝูงทั้งรุ่นพี่รุ่นเพื่อน
แถมหากทำงานเข้าตาก็ยิ่งมีงานให้ทำมากมายโดยเฉพาะงานการเมือง ที่มีข่าวว่าฝ่ายการเมืองในมหาดไทยกำลังรอคิดโปรเจคต์สารพัดเพื่อปูฟื้นปูพรหมรองรับสถานการณ์การเมืองที่อาจจะพลิกผันได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะการเลือกตั้ง เลยจำเป็นต้องใช้มือไม้มาช่วยงานอีกมาก
แบบนี้ ทั้ง สิงห์แดง-สิงห์ดำ-สิงห์ขาว-สิงห์ทอง ทั้งหลาย คงพร้อมใจกันถอดเสื้อสีสถาบันมาใส่ “เสื้อน้ำเงิน”กันแบบไม่ต้องคิดมากแน่นอน หลังเห็นข้าราชการรุ่นพี่ๆ ทั้งหลายที่ได้ดิบได้ดี
เพราะเป็น “สิงห์น้ำเงิน” กันมาแล้ว
สำหรับเรื่องซื้อขายตำแหน่งที่ฉาวโฉ่ ก็อยู่ที่ตัวข้าราชการมหาดไทยกันเองแล้วว่า จะปล่อยให้เรื่องซื้อขายตำแหน่ง เอาเงินแลกเก้าอี้ ปล่อยให้หายไปง่ายๆแบบนี้หรือ เพียงเพราะแค่ชวรัตน์-มานิต ปฏิเสธว่าไม่มี ก็จบๆ กันไป
กระนั้นก็ดี ต้องมีการตรวจสอบสาวลึกขยายผลให้ได้ แต่ความหวังก็ริบหรี่ เพราะแม้แต่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไม่ขยับให้ตรวจสอบและเข้ามาจัดการเรื่องนี้เลย ก็ทำให้คิดไปได้ว่า ที่ไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวจะไปแตะต้อง “พรรคเนวิน” แล้วจะเจอเอาคืน
เพราะตอนนี้ยิ่งใกล้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยยิ่งกลัวว่าหากทำอะไรให้ภูมิใจไทยขุ่นเคือง แล้วจะไม่ได้รับเสียงไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งต้องหลุดจากตำแหน่งกลางสภาฯ
ซึ่งนายกฯอภิสิทธิ์คิดจะกวาดบ้านเปิดฉากแล้วที่วงการสีกากี ดังนั้นที่มหาดไทย ซึ่งมีเรื่องอื้อฉาว กลิ่นเน่าเหม็นพอกับตำรวจ ตั้งแต่สิงห์น้ำเงินผงาด ก็น่าจะถือโอกาสนี้ กวาดบ้านล้างสิ่งสกปรกไปพร้อมๆกันเลย
แต่คำถามก็คือ คนอย่างอภิสิทธิ์หรือจะกล้า?