อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน
กรณีของ “สมเด็จฯ ฮุนเซน” นายกฯ กัมพูชา ที่มีแผนจะเดินทางเข้ามายังปราสาท “ตาเมือนธม” ของไทยที่ จ.สุรินทร์ เมื่อวันก่อน แต่สุดท้ายฝันสลาย เพราะมีกลุ่มคนไทยผู้รักชาติไปชุมนุมประท้วงนั้น ไม่เพียงสร้างความกังขาต่อคนไทยว่า ฮุนเซน ต้องการอะไรแน่ ต้องการทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ในปราสาทตาเมือนธมดังเช่นที่ทำในปราสาทพระวิหาร หรือต้องการสร้างภาพแสดงความเป็นเจ้าของปราสาทแห่งนี้ในอนาคต แต่ยังทำให้คนไทยได้เห็นความกักขฬะของผู้นำกัมพูชาอย่างฮุนเซน ที่หยาบคายอย่างไม่น่าเชื่อ หรือเป็นเพราะว่า ฮุนเซน ก็แค่เด็กวัดคนหนึ่ง ที่กะล่อนปลิ้นปล้อนตลบตะแลง เมื่อจับพลัดจับผลูได้มาเป็นผู้นำประเทศ ก็ยังไม่ยอมทิ้งนิสัยเดิม แถมยังมีหน้ามาว่าผู้นำประเทศอื่นเป็นคนชั่วช้า
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ
หลังจากสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เลือกที่จะยืนข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ โดยไม่สนว่าจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาที่มีมาช้านานนั้น ล่าสุด สมเด็จฯ ฮุน เซน ซึ่งออกอาการกร้าวกับรัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นระยะๆ ก็ได้ออกมากล่าวหา-ด่าทอนายอภิสิทธิ์ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ชนิดที่แทบไม่มีใครอยากเชื่อว่าจะออกมาจากปากของผู้นำระดับนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะของประเทศใดก็ตาม บางคนบอกว่า คำพูดที่ออกมา ถ้าไม่บอกว่าเป็นคำพูดของสมเด็จฯ ฮุน เซน ต้องคิดว่าเป็นคำพูดของแกนนำคนเสื้อแดงที่ปราศรัยบนเวที หรือไม่ก็น่าจะเป็นคำพูดของกุ๊ยข้างถนนซะมากกว่า
อาการกราดเกรี้ยวของผู้นำกัมพูชาอย่างสมเด็จฯ ฮุน เซน เกิดขึ้นระหว่างที่เขาเดินทางไปปฏิบัติภารกิจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 8 ก.พ. เพื่อเป็นประธานเปิดหมู่บ้านและอาคารของกองพันทหารที่ 422 บ้านโอรมจอง ต.โคกมอน อ.ปันเตียอำปึน จ.อุดรมีชัย ซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธมของไทย ที่ จ.สุรินทร์ แค่ 6 กิโลเมตร
ตามข่าวบอกว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ต้องการเข้ามายังบริเวณปราสาทตาเมือนธมด้วย แต่ไม่ได้แจ้งฝ่ายไทยอย่างเป็นทางการ แค่ให้ทหารกัมพูชาประสานกับเจ้าหน้าที่ของไทยในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยก็ไม่ขัดข้อง แต่ฝ่ายกัมพูชาต้องปลดอาวุธก่อนจึงจะเข้ามายังปราสาทตาเมือนธมได้ แต่กระนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ไทยแจ้งว่า ขณะนั้นมีประชาชนไทยที่รักชาติชุมนุมประท้วงผู้นำกัมพูชาอยู่ใกล้กับปราสาทตาเมือนธม อาจไม่ได้รับความสะดวก สมเด็จฯ ฮุน เซน จึงเปลี่ยนใจไม่เข้ามายังปราสาทตาเมือนธม และเดินทางกลับไปในที่สุด
และในเวลาต่อมา สื่อออนไลน์ของกัมพูชาก็ได้เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่กล่าวระหว่างเปิดที่ทำการทหารของกัมพูชา ซึ่งฮุน เซนอยู่ในอารมณ์กราดเกรี้ยว และด่าทอรัฐบาลไทย โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและรุนแรง เช่น “ในบรรดานายกรัฐมนตรีไทยทั้งหมด ไม่มีใครชั่วช้าเท่า” , “ไอ้คนนี้มันบ้าๆ บอๆ ชอบถูกด่า ไอ้นี่มันไม่มีสกุลรุนชาติ ผมว่าให้ขนาดนี้ เจ็บหรือไม่เจ็บ ถ้าโต้กลับมา ผมก็จะอัดกลับไปอีก” สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังเยาะเย้ยถากถางประชดประชันนายอภิสิทธิ์กรณีที่ถูกมือมืดปาอุจจาระใส่บ้านพักด้วยว่า “ขี้ในประเทศไทยมีค่า มีราคาแพงมาก เพราะประชาชนไทยเอาไปใช้แสดงความยินดีต่อนายกรัฐมนตรีขนาดนั้นแล้ว ยังไม่ยอมลงจากตำแหน่งอีก” ไม่เท่านั้น สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังกล่าวหาว่าไทยรุกรานวัดแก้วคีรีสวาระ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่พิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา แต่กัมพูชาอ้างว่าเป็นของกัมพูชาด้วย พร้อมแช่งชักหักกระดูกนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงด้วย “ขอบอกว่า ถ้ากองทัพไทยไม่เข้ารุกรานวัดแก้วคีรีสวาระ ขอให้ผมฉิบหายวายวอด ขอให้รู้จักฮุน เซน หน่อย สุเทพ ถ้าเป็นจริงก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หักคอคุณ ถูกยิง รถชน ไฟช็อร์ต ปืนลั่นใส่”
การที่จู่ๆ สมเด็จฯ ฮุน เซน ควงนางบุญ ราณี ภริยา ใส่ชุดพรางทหาร ไปทำพิธีบวงสรวงที่ปราสาทพระวิหารเมื่อวันที่ 6 ก.พ. และต่อด้วยการไปเป็นประธานเปิดหมู่บ้านและที่ทำการทหารใกล้ปราสาทตาเมือนธมของไทยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. พร้อมตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “ตาเมือนธม” เช่นกันนั้น หลายฝ่ายอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน อาจหวังผลในแง่การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่ขณะนี้กัมพูชาอยู่ระหว่างเร่งทำแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เพื่อส่งให้ยูเนสโก หลังจากต้องเลื่อนกำหนดส่งจากปีที่แล้วมาเป็นปีนี้ เพราะติดปัญหาที่ไทยไม่ยินยอม เนื่องจากแผนบริหารจัดการดังกล่าว อาจรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ที่เป็นดินแดนของไทย โดยเฉพาะพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหารที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของ นอกจากการหวังผลในแง่การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแล้ว ยังอาจมองได้ว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน กำลังรุกคืบเพื่อฮุบปราสาทตาเมือนธมของไทยหรือไม่?
นายวีระ สมความคิด ตัวแทนกลุ่มคนไทยผู้รักชาติ ที่นำมวลชนไปชุมนุมใกล้ปราสาทตาเมือนธมเมื่อวันที่ 8 ก.พ. เพื่อไม่ให้นายกฯ และทหารกัมพูชาบุกรุกดินแดนของไทย บอกกับวิทยุ ASTVผู้จัดการโดยยืนยันว่า กัมพูชาไม่ใช่แค่ต้องการปราสาทตาเมือนธมเท่านั้น แต่รวมถึงปราสาทตาเมือนโต๊ดด้วย โดยมีการปักหลักเขตแดนห่างจากปราสาทตาเมือนธมเข้ามาในแผ่นดินไทยเกือบ 2 กม.ตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนเหตุผลที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ต้องการเข้าชมปราสาทตาเมือนธมในครั้งนี้ นายวีระ บอกว่า มีข้อมูลยืนยันว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ต้องการทำพิธีไสยศาสตร์ในปราสาทตาเมือนธม เพื่อข่มประเทศไทย
“ผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่มีข้อมูลยืนยันว่า ฮุน เซนเขาเป็นคนเชื่อไสยศาสตร์ เขาต้องการที่จะเข้ามาบริเวณนี้เพื่อทำพิธีไสยศาสตร์ให้ครบ เพราะบริเวณปราสาทตาเมือนเนี่ยเป็นอีกจุดหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะเป็นจุดศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาพราหมณ์ตามความเชื่อของโบราณว่าเป็นจุดที่สามารถจะทำพิธีที่สำคัญทางศาสนา เพราะมันเหมือนปราสาทพระวิหารยังไงอย่างนั้นเลย และถ้าเขาทำครบ 2 จุด เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ 6 เขาไปทำที่ปราสาทพระวิหารใช่มั้ย วันจันทร์ที่ 8 ถ้าเขาขึ้นมาทำที่ปราสาทตาเมือนธมเสร็จ มันก็จะครบเลย ความเชื่อของเขาก็เชื่อว่า เขาสามารถจะข่มประเทศไทยได้ และทำให้ประเทศไทยเนี่ยอ้าปากไม่ขึ้น เวลาจะต้องเถียงกันในศาล ในที่ประชุมอะไรต่างๆ เราจะ พูดง่ายๆ เถียงสู้เขาไม่ได้ โดยเขาเชื่อว่าเมื่อครั้งที่เราสู้กันในศาลโลก ก็มีการทำพิธีแบบนี้ อันนี้เราไม่รู้นะ จริงหรือไม่ อันนี้ผมก็ไม่ยืนยันนะ แต่มีผู้รู้เขายืนยันว่าอย่างนี้ คือฮุน เซนค่อนข้างเชื่อเรื่องไสยศาสตร์”
“(ถาม-รู้สึกอย่างไรที่ฮุน เซนออกมาด่าคุณอภิสิทธิ์ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย?) ผมว่านั่นคือนิสัยที่แท้จริงของเขา ฮุน เซนก็เป็นอย่างนี้ล่ะ เขาก็ไม่ใช่คนที่มาจากผู้ลากมากดีจากไหน เขาก็มาจากเด็กกำพร้า ประวัติของฮุน เซน เป็นเด็กกำพร้า เด็กวัด ไม่ได้มีการศึกษาอะไร และจับพลัดจับผลูขึ้นมาเป็นผู้นำทหาร อาศัยว่าเป็นคนรบ พอจะมีฝีมือทางการรบ และก็เป็นคนกะล่อนปลิ้นปล้อนตลบตะแลง เอาตัวรอดเก่ง ประวัติเขาเลยนะ ผมไม่ได้ใส่ความเขานะ ไปศึกษาประวัติเขาดูละกันเป็นอย่างนั้นจริงๆ และหักหลังทุกคนเพื่อเป็นใหญ่เป็นโต นิสัยเขาเป็นอย่างนั้น มันก็ ที่เรามีคำพังเพยของเราน่ะ สำเนียงบอกภาษา กิริยาบอกสกุล”
ด้าน ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการมรดกโลกแห่งชาติ(ของไทย) และอดีตประธานคณะกรรมการมรดกโลกนานาชาติ มองกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน เดินทางมาเปิดหมู่บ้านและที่ทำการทหารใกล้ปราสาทตาเมือนธมของไทยว่า เพื่อแสดงความระรานประเทศไทยอย่างที่ฮุน เซนทำมาตลอด เมื่อถามว่า คิดว่าวัตถุประสงค์ของสมเด็จฯ ฮุน เซน น่าจะต้องการให้ปราสาทตาเมือนธมเป็นของกัมพูชาด้วยหรือไม่ ศ.ดร.อดุล บอกว่า ตอนนี้อาจจะยังไม่ แต่ถ้าฝ่ายไทยทำเฉย ปล่อยให้สมเด็จฯ ฮุน เซน ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ในที่สุดก็อาจยกทหารเข้ามายึดครองปราสาทตาเมือนธมของไทยได้
“ถ้าหากว่าเขาทำแล้ว เราเฉยๆ หนักเข้า ก็อาจจะเข้ามาแสดงท่าทีมากกว่านี้ แต่ปัจจุบันนี้มันจะต้องค่อยๆ คืบคลาน เพราะเราครอบครองมาตลอด แล้วปราสาทตาเมือนธมเราก็ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานมาตั้งหลายสิบปีแล้ว กว่ากึ่งศตวรรษแล้ว แต่ถ้าเราปล่อยเฉยๆ เนี่ย มันจะค่อยๆ คืบคลานเข้ามา แล้วในที่สุดถ้าเข้ามาครอง ยกทหารเข้ามาครอง มายึดได้ก็เป็นกรณีพิพาทอีก ความจริงมันไม่ใช่กรณีพิพาทแล้ว มันเป็นของเราโดยสิ้นเชิง แต่ฮุน เซนต้องการจะแสดง พูดง่ายๆ ว่า แสดงความไม่เป็นมิตรกับเราตลอดมา และยิ่งทักษิณไปนั่นด้วย ก็ยิ่งเอาใหญ่ แต่เขาทำครั้งนี้ก็เพื่อว่าประชามติให้ชาวเขมรสนับสนุน เพราะพวกนั้นก็เป็นธรรมดาแล้วขณะนี้ ก็คลั่ง เลือดรักชาติ เลือดบ้า แล้วก็กลบกระแสข่าวเรื่องเวียดนาม ตัวเองยอมเวียดนามทุกอย่าง แต่พอกับไทยมาแสดงท่าที”
“(ถาม-อ.มองกรณีที่ฮุน เซนวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ อภิสิทธิ์ หรือแม้แต่คุณสุเทพ อย่างรุนแรงอย่างไร?) ฮุน เซนเป็นคนที่ฉลาด และจะทำทุกอย่างที่จะสมประโยชน์ตนเอง คราวนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องว่าคุณอภิสิทธิ์ ว่าสุเทพ ว่าใครทุกคน ด่าคนไทยด่าอะไรทั้งนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาของฮุน เซน ผมไม่แปลกใจเลย ฮุน เซนทำได้ทุกอย่าง คนๆ นี้ ก็เพื่อประโยชน์ของเขา แต่เราก็ต้องรู้ทัน ต้องรู้ว่านี่คือนายฮุน เซน กลเม็ดฮุน เซน จะทำทุกอย่าง ถ้ากับเวียดนามก็อ่อน เลียแข้งเลียขา ถ้ากับเราก็แสดงความแข็งกร้าว (ถาม-แล้วเราควรตอบโต้อย่างไรมั้ย?) เราก็ต้องแข็งกร้าวกลับ เราจะต้องไม่ยอมฮุน เซน ถ้าเราไปอ่อน ยิ่งไปใหญ่ ต้องแข็งกร้าวกรณีที่จะเข้ามาในดินแดนเราที่เขาพระวิหาร ก็เลยเบาไป”
ขณะที่นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยหลายประเทศ ก็มองกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ต้องการเข้ามาที่ปราสาทตาเมือนธมของไทยว่า นอกจากต้องการแสดงความเป็นเจ้าของปราสาทตาเมือนธมดังที่กัมพูชาอ้างมาตลอดแล้ว สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังต้องการกอบกู้ภาพลักษณ์ของตัวเองในสายตาประชาชนกัมพูชาให้กลับคืนมาอีกด้วย หลังจากถูกชาวกัมพูชามองว่าไม่ปกป้องอธิปไตยด้านชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม
“ฮุน เซนก็พูดยืนยัน พูดมาโดยตลอดอยู่แล้วว่าตาเมือนธมเป็นของเขาใช่มั้ย อันนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไร และการที่เขาจะขอเข้ามาเนี่ย แน่นอนทั้งหมดที่ฮุน เซนมา มันเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ เป็นเรื่องของสัญลักษณ์ว่าจะทำยังไงให้มันเป็นประโยชน์ในทางการเมืองแก่ทางฝ่ายกัมพูชาให้ได้มากที่สุด เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทพระวิหาร เขาก็ถือว่าเป็นของเขาทั้งนั้น ถ้าเขาได้มา เขาจะใช้คำว่ามาเยี่ยมหรืออะไรก็แล้วแต่ ในด้านสัญลักษณ์ ทางฝ่ายกัมพูชาสามารถที่จะตอกย้ำได้อีกครั้งหนึ่งว่าทั้ง 3 แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กัมพูชา และอย่าลืมว่าที่เขาทำอันนี้ ความจริงแล้วก็เพื่อผลในทางการเมืองภายในกัมพูชาเอง ต้องการสร้างภาพให้คนกัมพูชานิยมเลื่อมใสในตัวฮุน เซนว่าพยายามที่จะสร้างให้คนกัมพูชามีความภาคภูมิใจที่รัฐบาลกัมพูชา คือนายกฯ ฮุน เซนเอง พยายามเรียกร้องให้คนกัมพูชามีความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์กัมพูชา และอีกส่วนหนึ่งผมคิดว่า โดยที่มันก็เป็นข้อเท็จจริงว่า ฮุน เซนก็ถูกสม รังสี และฝ่ายค้านทางการเมืองในกัมพูชากล่าวหาว่า ฮุน เซนไปยอมเสียดินแดนให้กับทางเวียดนามใช่มั้ย เข้าใจว่าแถว จ.สวายเรียงใช่มั้ย เพราะฉะนั้นอันนี้เมื่อฮุน เซน ถูกมองว่าไม่ได้ปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาในด้านชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม ฮุน เซนก็คงส่วนหนึ่งก็มีวัตถุประสงค์ที่จะกอบกู้ภาพพจน์ ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของเขา โดยเอาประเทศไทยเป็นแพะในด้านนี้”
“เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฮุน เซนมาประเทศไทยนี่ ผมก็คิดว่าเป้าประสงค์ที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อที่จะสร้างความนิยมชมชอบ เสริมฐานทางการเมืองของเขาในกัมพูชา ที่มีอยู่แล้วตั้ง 20 กว่าปีเนี่ยให้มันหนาแน่นมากขึ้น และเพื่อพยายามแก้ภาพพจน์ ภาพลักษณ์ของเขา ในส่วนที่ถูกมองว่าในด้านชายแดนกัมพูชา-เวียดนามนั้น จนยอมเสียประโยชน์ให้กับเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮุน เซนแกก็มี ถ้าจะเรียกว่ามีแผลก็คงจะไม่ผิด เพราะแกก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเขมรแดงที่ในอดีต ในยุคเขมรแดงปกครองกัมพูชา และมีปัญหากับเวียดนาม และฮุน เซนก็หนีทัพไปอยู่ฝั่งเวียดนาม และเวียดนามก็ขุนขึ้นมา และในที่สุดเมื่อเวียดนามเข้ามายึดครองกัมพูชาได้ 10 กว่าปี เมื่อเวียดนามถอนตัวออกไป หลังจากการเลือกตั้งโดยสหประชาชาติแล้วเนี่ย หลังจากนั้นเฮง สัมรินขึ้นมามีอำนาจอยู่พักหนึ่ง แต่เสร็จแล้วฮุน เซนก็ขึ้นมา 27-28 ปีนี่แหละ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าในส่วนที่ถ้าจะมองว่าเป็นการทำให้ช่วยคุณทักษิณหรือไม่ ส่วนหนึ่งก็แน่นอน ถ้าการมาของฮุน เซนครั้งนี้ได้สร้าง ทำให้การเมืองไทยระส่ำระสาย ถ้ามันทำได้ ก็จะเป็นการช่วยคุณทักษิณ เพราะอย่างน้อยสุด ตอนข่าวฮุน เซนมา เมื่อ 2-3 วันก็มีข่าวว่าหุ้นตกใช่มั้ย ในแง่นี้มันก็จะเป็นประโยชน์กับคุณทักษิณ แต่ผมคิดว่าประโยชน์ที่ฮุน เซนได้เต็มๆ ก็คือประโยชน์ในด้านการเมืองภายในของเขาเอง”
เมื่อถามว่า มองกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ด่าทอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและหยาบคายอย่างไร? นายสุรพงษ์ บอกว่า นอกจากสมเด็จฯ ฮุน เซน จะหวังผลให้ชาวกัมพูชาที่ได้ฟังรู้สึกชื่นชมที่ตนเองพยายามปกป้องอธิปไตยของกัมพูชาแล้ว สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังต้องการทดสอบคนไทยด้วยว่า จะมีแรงต่อต้านหรือยังมีความเป็นชาตินิยมเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน เมื่อถามว่า แล้วรัฐบาลไทยควรตอบโต้สมเด็จฯ ฮุน เซน หรือไม่? อดีตเอกอัครราชทูตไทย บอกว่า นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องตอบโต้ หรือลงไปคลุกโคลนกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ท่าทีของนายกฯ อภิสิทธิ์ที่แสดงออกถือว่าถูกต้องที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม นายสุรพงษ์ แนะว่า แม้ไม่จำเป็นต้องตอบโต้ แต่รัฐบาลไทยน่าจะต้องขีดเส้น เพื่อให้ฝ่ายกัมพูชารู้ว่า เราจะทนถึงจุดไหน เพราะหากไม่ขีดเส้นเลย ก็เท่ากับเราส่งเสริมให้นายกฯ กัมพูชาพูดจาถากถาง เยาะเย้ย สบประมาท และเหยียดหยามนายกรัฐมนตรีของไทยต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้น!!