เลขาธิการศาล รธน.ระบุคดีการสิ้นสุดสมาชิกภาพ 13 ส.ส.-16 ส.ว.ยังไม่คืบ การพิจารณาคดีอยู่ในระหว่างการรบวนรวมพยานหลักฐาน ยอมรับคดีมีซับซ้อนและติดขัดปัญหาทางเทคนิค ยันจะกำหนดเวลาพิจารณาแล้วเสร็จไม่ได้
วันนี้ (10 ก.พ.) นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดี ที่ประธานวุฒิสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ 16 ส.ว. 13 ส.ส.และ 16 ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6) และ119 (5 )หรือไม่ เนื่องจากถือครองหุ้นต้องห้ามว่า ในส่วนของการพิจารณา 16 ส.ส.ถือครองหุ้นนั้น ล่าสุด นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ถูกร้องได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ใบมอบฉันทะและบัญชีระบุพยานเข้ามาให้ศาลเป็นคนสุดท้าย ซึ่งอยู่ในกำหนดระยะเวลาที่ขยายให้ โดยศาลได้พิจารณาแล้วเห็นควรมีคำสั่งให้รับรวมไว้ในสำนวน และแจ้งให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องทราบที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
อย่างไรก็ตาม คำร้องดังกล่าวทางคณะตุลาการได้พิจารณาอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ โดยในส่วนของคดี 16 ส.ว.นั้นได้มีการประชุมพิจารณาคดีไปแล้ว 7 ครั้ง ส่วน การพิจารณาคดี 13 ส.ส.พิจารณาไปแล้ว 4 ครั้ง แต่ทั้ง 3 คดีดังกล่าวมีเอกสารสำนวนคดีและจำนวนผู้ถูกร้องจำนวนมากทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานที่คู่กรณีทยอยส่งเข้ามา ซึ่งทางสำนักงานฯไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าคดีดังกล่าวจะใช้เวลาการพิจารณานานเท่าใด รวมทั้งจะมีการออกนั่งบัลลงก์ไต่สวนหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจคณะตุลาการ
“ขณะนี้การดำเนินการเรื่องดังกล่าว อยู่ในชั้นของการรวบรวมพยานหลักฐาน และได้รับทราบจากผู้ปฏิบัติว่า เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมาก เป็นเรื่องทางเทคนิค เพราะผู้ถูกกล่าวหามีการเข้าไปถือหุ้นในหลายบริษัท จึงต้องมีการศึกษาสถานะของบริษัทเหล่านั้นอีก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถเป็นฐานในการพิจารณาของคณะตุลาการได้”
วันนี้ (10 ก.พ.) นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดี ที่ประธานวุฒิสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ 16 ส.ว. 13 ส.ส.และ 16 ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6) และ119 (5 )หรือไม่ เนื่องจากถือครองหุ้นต้องห้ามว่า ในส่วนของการพิจารณา 16 ส.ส.ถือครองหุ้นนั้น ล่าสุด นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ถูกร้องได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ใบมอบฉันทะและบัญชีระบุพยานเข้ามาให้ศาลเป็นคนสุดท้าย ซึ่งอยู่ในกำหนดระยะเวลาที่ขยายให้ โดยศาลได้พิจารณาแล้วเห็นควรมีคำสั่งให้รับรวมไว้ในสำนวน และแจ้งให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องทราบที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
อย่างไรก็ตาม คำร้องดังกล่าวทางคณะตุลาการได้พิจารณาอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ โดยในส่วนของคดี 16 ส.ว.นั้นได้มีการประชุมพิจารณาคดีไปแล้ว 7 ครั้ง ส่วน การพิจารณาคดี 13 ส.ส.พิจารณาไปแล้ว 4 ครั้ง แต่ทั้ง 3 คดีดังกล่าวมีเอกสารสำนวนคดีและจำนวนผู้ถูกร้องจำนวนมากทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานที่คู่กรณีทยอยส่งเข้ามา ซึ่งทางสำนักงานฯไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าคดีดังกล่าวจะใช้เวลาการพิจารณานานเท่าใด รวมทั้งจะมีการออกนั่งบัลลงก์ไต่สวนหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจคณะตุลาการ
“ขณะนี้การดำเนินการเรื่องดังกล่าว อยู่ในชั้นของการรวบรวมพยานหลักฐาน และได้รับทราบจากผู้ปฏิบัติว่า เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมาก เป็นเรื่องทางเทคนิค เพราะผู้ถูกกล่าวหามีการเข้าไปถือหุ้นในหลายบริษัท จึงต้องมีการศึกษาสถานะของบริษัทเหล่านั้นอีก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถเป็นฐานในการพิจารณาของคณะตุลาการได้”