เลขาศาล รธน.เตรียมรายงานความคืบหน้ากรณี 16 ส.ว.ถือครองหุ้นสัมปทานรัฐ ตามคำร้อง กกต.พุธนี้ หลังจากครบกำหนดแจงข้อกล่าวหา ส่วน 13 ส.ส.ยังต้องคัดแยกเอกสารก่อนส่ง ตุลาการฯ พิจารณา
วันนี้ (4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพุธที่ 7 ต.ค.นี้ ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จะรายงานความคืบหน้ากรณีคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดสมาชิกภาพของ 16 ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 119 (5) เพราะถือครองหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานจากภาครัฐที่เข้าลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 48 ประกอบมาตรา 265 แห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เพราะได้ครบกำหนดที่คณะตุลาการฯได้ให้เวลาผู้ถูกร้องทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันแล้ว ซึ่งคณะตุลาการฯก็จะมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรก็ต่อไป
หาก 16 ส.ว.ส่งคำชี้แจงมาครบทุกคนแล้วจะพิจารณาได้เลยหรือไม่ หรือยังต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม หรือหากมี ส.ว.ขอโอกาสชี้แจงด้วยวาจา และต้องการขอให้ตุลาการฯ ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนนั้น กรณีดังกล่าวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะตุลาการฯ ที่จะพิจารณาว่าหลักฐาน เอกสาร ข้อเท็จจริงที่ปรากฎ เพียงพอที่จะพิจารณาหรือไม่ หากข้อเท็จจริงปรากฎเพียงพอที่จะพิจารณาได้ ก็ไม่จำเป็นต้องออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนตามคำขอ แต่หากเห็นว่ายังมีบางส่วนที่ยังไม่ชัดเจนข้อมูลสับสน และเห็นว่ายังอยากฟังเหตุผลประกอบอีก ก็อาจจะออกนั่งบัลลังก์ก็ได้ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้ถูกร้องสามารถขอเข้ามาได้ แต่ก็เป็นดุลยพินิจว่า มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด เพราะบางกรณีมีข้อเท็จจริงที่สามารถพิจารณาได้เลย เพราะเอกสารหลักฐานทุกอย่างจะชี้ชัดอยู่ในตัวอยู่แล้ว
ส่วนคำร้องของ 13 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ได้ส่งคำร้องของ กกต.ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดสมาชิกภาพ เนื่องจากเข้าไปถือหุ้นลักษณะต้องห้ามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังต้องตรวจสอบเอกสารความถูกต้องก่อนที่จะนำเสนอคณะตุลาการฯ ให้พิจารณา เพราะเอกสารมีเป็นจำนวนมาก ได้ส่งมาเหมือนกับที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้ส่งให้กับศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา คือส่งมาทั้งหมดที่ กกต.ส่งให้ โดยระบุแนบท้ายว่า ทางประธานสภาได้พิจารณาแล้วเห็นว่าทาง กกต.ได้ร้องมาตามช่องทางที่ถูกต้องแล้ว แต่ในเรื่องของเอกสารทางสภาขอส่งมาทั้งหมดเพื่อให้ทางศาลเป็นผู้พิจารณาความสมบูรณ์ว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะประธานสภามีหน้าที่ในการนำส่งเท่านั้น ซึ่งเอกสารที่ส่งมานั้นมีมากกว่า ส.ว.จำนวนมาก ดังนั้น ในวันพุธนี้ยังไม่ทราบว่าจะสามารถจะเสนอให้กับตุลาการพิจารณาได้หรือไม่
วันนี้ (4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพุธที่ 7 ต.ค.นี้ ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จะรายงานความคืบหน้ากรณีคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดสมาชิกภาพของ 16 ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 119 (5) เพราะถือครองหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานจากภาครัฐที่เข้าลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 48 ประกอบมาตรา 265 แห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เพราะได้ครบกำหนดที่คณะตุลาการฯได้ให้เวลาผู้ถูกร้องทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันแล้ว ซึ่งคณะตุลาการฯก็จะมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรก็ต่อไป
หาก 16 ส.ว.ส่งคำชี้แจงมาครบทุกคนแล้วจะพิจารณาได้เลยหรือไม่ หรือยังต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม หรือหากมี ส.ว.ขอโอกาสชี้แจงด้วยวาจา และต้องการขอให้ตุลาการฯ ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนนั้น กรณีดังกล่าวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะตุลาการฯ ที่จะพิจารณาว่าหลักฐาน เอกสาร ข้อเท็จจริงที่ปรากฎ เพียงพอที่จะพิจารณาหรือไม่ หากข้อเท็จจริงปรากฎเพียงพอที่จะพิจารณาได้ ก็ไม่จำเป็นต้องออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนตามคำขอ แต่หากเห็นว่ายังมีบางส่วนที่ยังไม่ชัดเจนข้อมูลสับสน และเห็นว่ายังอยากฟังเหตุผลประกอบอีก ก็อาจจะออกนั่งบัลลังก์ก็ได้ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้ถูกร้องสามารถขอเข้ามาได้ แต่ก็เป็นดุลยพินิจว่า มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด เพราะบางกรณีมีข้อเท็จจริงที่สามารถพิจารณาได้เลย เพราะเอกสารหลักฐานทุกอย่างจะชี้ชัดอยู่ในตัวอยู่แล้ว
ส่วนคำร้องของ 13 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ได้ส่งคำร้องของ กกต.ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดสมาชิกภาพ เนื่องจากเข้าไปถือหุ้นลักษณะต้องห้ามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังต้องตรวจสอบเอกสารความถูกต้องก่อนที่จะนำเสนอคณะตุลาการฯ ให้พิจารณา เพราะเอกสารมีเป็นจำนวนมาก ได้ส่งมาเหมือนกับที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้ส่งให้กับศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา คือส่งมาทั้งหมดที่ กกต.ส่งให้ โดยระบุแนบท้ายว่า ทางประธานสภาได้พิจารณาแล้วเห็นว่าทาง กกต.ได้ร้องมาตามช่องทางที่ถูกต้องแล้ว แต่ในเรื่องของเอกสารทางสภาขอส่งมาทั้งหมดเพื่อให้ทางศาลเป็นผู้พิจารณาความสมบูรณ์ว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะประธานสภามีหน้าที่ในการนำส่งเท่านั้น ซึ่งเอกสารที่ส่งมานั้นมีมากกว่า ส.ว.จำนวนมาก ดังนั้น ในวันพุธนี้ยังไม่ทราบว่าจะสามารถจะเสนอให้กับตุลาการพิจารณาได้หรือไม่