“อภิชาต” ไม่ติดใจ ส.ว.-ส.ส.ร้องศาลปกครอง เพื่อรักษาสถานภาพ

กกต.เร่ง จนท.สรุปคำวินิจฉัยชี้สถานภาพ 16 ส.ส.ถือหุ้นสมัปทานรัฐยื่น ปธ.สภา ยอมรับเป็นเรื่องที่ดีหาก ส.ว.-ส.ส.จะยื่นคำร้องศาลปกครองให้เพิกถอนมติ กกต.เพื่อรักษาสถานภาพ ไม่ถือว่าเป็นซื้อเวลา ไม่ขัดข้องสภา แก้ รธน.แต่ขอให้คำนึงถึงความเหมาะสม

วันนี้ (11 ก.ย.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวถึงกรณีมีข่าวระบุนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐบสภา ยังไม่ส่งสำนวน 13 ส.ส.ปชป.ไปให้ศาล รธน.โดยจะรอสำนวน 16 ส.ส.ที่อยู่ระหว่าง กกต.พิจารณา เพื่อส่งไปพร้อมกันว่า ได้พยายามเร่งให้ทางเจ้าหน้าที่รีบร่างคำวินิจฉัยแล้วส่งไปสภาเร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเร็วสุดเมื่อไหร่ แต่คงไม่ไปเร่งประธานสภาให้ส่งเรื่อง 13 ส.ส.ไป รธน.โดยเร็ว เพราะไม่ใช่หน้าที่ ซึ่งหาก ปธ.สภาจะรอเรื่อง 16 ส.ส.ก่อน ตนก็เห็นความสำคัญที่ต้องกำชับเจ้าหน้าที่ เร่งดำเนินการกรณีอีก 16 ส.ส.ให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ตนกำกับดูแลสำนักวินิจฉัยและคดีอยู่

ส่วนที่ ส.ว.มีมติยื่นคำร้องศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอนมติ กกต.นายอภิชาต กล่าวว่า ท่านสามารถร้องได้และสามารถดำเนินการตามที่เห็นว่า ตนเองมีสิทธิที่จะทำได้และเราก็ถือว่าเราทำตามกฎหมาย ก็ต้องให้โอกาสทุกวิถีทาง ส่วนจะเป็นการดึงเกมหรือไม่ตนไม่มองอย่างนั้น เพราะเรื่องนี้สำคัญเกี่ยวกับสถานภาพ และการสิ้นสุดความเป็น ส.ส.และ ส.ว.เมื่อไม่มีกฎหมายอะไรห้ามก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาต่อสู้เต็มที่

“นี่ไม่ใช่เรื่องความเสียหายหรือการกระทำไม่ดี เพราะเพียงแต่ว่าการไปถือหุ้นสื่อ หุ้นสัมปทาน เป็นหุ้นต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น”

นายอภิชาต ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ว่า เคยพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าใช้รัฐธรรมนูญไปแล้วระยะหนึ่งเห็นว่า มีความบกพร่องก็สามารถทำได้ โดยรัฐธรรมนูญเองก็เปิดโอกาสให้แก้ไขได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วหรือยัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากัน ซึ่งตนไม่ขอออกความเห็นว่า ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วหรือยัง เพราะอยู่ที่ว่าถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าสมควรแก้ ก็ต้องแก้ตามเสียงส่วนใหญ่

เมื่อถามว่า ควรแก้ไขหรือเพิ่มเติมมาตรา 237 หรือไม่ ปธ.กกต. กล่าวว่า คนออกกฎหมายในยุคนั้น ก็คงเห็นความจำเป็นในการป้องกันทุจริตซื้อสิทธิขายเสียง ตนไม่อยู่ในฐานะจะวิจารณ์ แต่หากเรื่องใดปฏิบัติแล้วไม่ดี ก็ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป

ส่วนเรื่องระบบการเลือกตั้งที่จะเปลี่ยนจากเขตเดียวพวงใหญ่กลับไปเป็นเขตเดียวเบอร์เดียวแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 นายอภิชาต กล่าวว่า เรื่องนี้มีการศึกษาข้อดีข้อเสีย เพราะต่างฝ่ายต่างหาเหตุผลของตัวเองซึ่งตนได้แต่รับฟังซึ่งมีคนบอกว่าการแก้เป็นเขตเดียวพวงใหญ่ เป็นการป้องกันการซื้อเสียงได้มากกว่า แต่บางคนบอกว่าระบบที่ใช้ปัจจุบันทุจริตมากกว่า ตนไม่รู้ว่าอะไรมากกว่ากัน แต่ในฐานะที่ กกต. เป็นผู้ปฏิบัติ สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่าง หากมีการเลือกตั้งตอนนี้ กกต.ก็มีความพร้อมตลอด 24 ชม.ในการจัดการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะจัดแบบไหน