“เชาวนะ” เผยอยู่ระหว่างสำนักงานศาลตรวจสอบความถูกต้องเอกสาร กรณี กกต.พิจารณา 16 ส.ว.พ้นสภาพ หลังถือหุ้นสัมปทานรัฐ คาด เสร็จทันเสนอที่ประชุมตุลาการศาลพุธนี้ พร้อมรู้ผลจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่
วันนี้ (14 ก.ย.) นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัย ว่า 16 ส.ว.ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นกิจการสื่อ และ สัมปทานรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 48 และ 265(2) หรือไม่ ว่า ขณะนี้ฝ่ายสำนักงานกำลังตรวจสอบความถูกต้อง และรับรองเอกสารหลักฐานที่ส่งมาประกอบการพิจารณากว่า 5,000 แผ่น และมีรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งกำลังเร่งทำงานโดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จภายในวันเดียวกันนี้ และจะทันเสนอต่อที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่นัดประชุมทุกวันพุธของสัปดาห์ได้ ซึ่งในวันดังกล่าวอาจจะทราบว่าจะศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ หรือมีคำสั่งใดๆ ออกมา
นายเชาวนะ กล่าวต่อว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณา ก็จะกำหนดว่าจะใช้วิธการพิจารณาแบบใด โดยคณะตุลาการอาจจะดูว่าพยานหลักฐานที่ส่งมานั้นครบถ้วนหรือไม่ ถ้ายังมีประเด็นติดใจก็จะมีการเรียกมาสอบถามตามหลักการไต่สวน หรืออาจจะมีการออกนั่งบัลลังก์เพื่อรับฟังคำชี้แจงจากทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องก็ได้ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะตุลาการว่าจะเห็นสมควรอย่างไร
วันนี้ (14 ก.ย.) นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัย ว่า 16 ส.ว.ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นกิจการสื่อ และ สัมปทานรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 48 และ 265(2) หรือไม่ ว่า ขณะนี้ฝ่ายสำนักงานกำลังตรวจสอบความถูกต้อง และรับรองเอกสารหลักฐานที่ส่งมาประกอบการพิจารณากว่า 5,000 แผ่น และมีรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งกำลังเร่งทำงานโดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จภายในวันเดียวกันนี้ และจะทันเสนอต่อที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่นัดประชุมทุกวันพุธของสัปดาห์ได้ ซึ่งในวันดังกล่าวอาจจะทราบว่าจะศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ หรือมีคำสั่งใดๆ ออกมา
นายเชาวนะ กล่าวต่อว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณา ก็จะกำหนดว่าจะใช้วิธการพิจารณาแบบใด โดยคณะตุลาการอาจจะดูว่าพยานหลักฐานที่ส่งมานั้นครบถ้วนหรือไม่ ถ้ายังมีประเด็นติดใจก็จะมีการเรียกมาสอบถามตามหลักการไต่สวน หรืออาจจะมีการออกนั่งบัลลังก์เพื่อรับฟังคำชี้แจงจากทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องก็ได้ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะตุลาการว่าจะเห็นสมควรอย่างไร