องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ตั้งผู้ประสานงานกลางในการทำงานร่วมกัน แถมแชร์ข้อมูลป้องกันเรื่องร้องเรียนซ้ำซ้อน ศาล รธน.เตรียมนั่งบัลลังก์ตรวจพยานคดีคุณสมบัติ ส.ว. ปราจีนฯ
วันนี้ (8 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย สำนักงาน กกต. สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้จัดประชุมสัมมนาทางวิชาการ โดยภายหลังการสัมมนาได้จัดแถลงข่าวร่วมถึงผลการหารือ โดยนายศรีราชา เจริญพาณิช เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นตัวแทนในการแถลงข่าว โดยระบุว่าการทำงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ต้องประสานงานกันโดยจะจัดตั้งผู้ประสานงานกลางระหว่าง สำนักงานองค์กรตามรัฐธรรนูญ และสำนักงานองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะประสานทั้งระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ อีกทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เพื่อพัฒนาศักยภาพด้วย
นายศรีราชากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ตกลงที่จะจัดทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานกลางที่ทุกองค์กรสามารถเข้ามาตรวจสอบว่ามีผู้ร้องเรียนมายังองค์กรใดหรือไม่ และจะมีการแบ่งปันข้อมูลที่ไม่เป็นความลับ ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาการซ้ำซ้อนพิจารณาเรื่องร้องเรียนเดียวกัน และให้มีการจัดทำเว็บไซต์กลางด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่า ในวันที่ 9 ธันวาคม คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาเพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นสมาชิกภาพของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 119 (4) และ 115 (6) หรือไม่ เพราะยังพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เกิน 5 ปีในการรับสมัครเลือกตั้ง โดยคณะตุลาการจะออกนั่งบัลลังก์เพื่อนัดพร้อมคู่กรณีในการตรวจเอกสารพยาน แล้วจากนั้นในวันที่ จะเปิดให้มีการไต่สวนต่อไปในวันที่ 16 ธันวาคมนี้
ข่าวแจ้งว่า ส่วนกรณีคำร้องที่กกต.มีความเห็นให้ความเป็นสมาชิกภาพของ 16 ส.ว. และ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์สิ้นสุดลง เนื่องจากกระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญเพราะถือหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐนั้น ขณะนี้ได้ผ่านกระบวนการขั้นตอนยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว โดยขณะนี้ทางคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้กำหนดวันนัดคู่กรณีเพื่อมาตรวจพยานหลักฐาน เพราะเอกสารของ ส.ว.และ ส.ส.ที่ถูกร้องเข้ามานั้นมีเอกสารเป็นจำนวนมาก ทำให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สามารถบอกวันที่จะนัดพิจารณาในลำดับต่อไปได้
วันนี้ (8 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย สำนักงาน กกต. สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้จัดประชุมสัมมนาทางวิชาการ โดยภายหลังการสัมมนาได้จัดแถลงข่าวร่วมถึงผลการหารือ โดยนายศรีราชา เจริญพาณิช เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นตัวแทนในการแถลงข่าว โดยระบุว่าการทำงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ต้องประสานงานกันโดยจะจัดตั้งผู้ประสานงานกลางระหว่าง สำนักงานองค์กรตามรัฐธรรนูญ และสำนักงานองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะประสานทั้งระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ อีกทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เพื่อพัฒนาศักยภาพด้วย
นายศรีราชากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ตกลงที่จะจัดทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานกลางที่ทุกองค์กรสามารถเข้ามาตรวจสอบว่ามีผู้ร้องเรียนมายังองค์กรใดหรือไม่ และจะมีการแบ่งปันข้อมูลที่ไม่เป็นความลับ ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาการซ้ำซ้อนพิจารณาเรื่องร้องเรียนเดียวกัน และให้มีการจัดทำเว็บไซต์กลางด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่า ในวันที่ 9 ธันวาคม คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาเพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นสมาชิกภาพของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 119 (4) และ 115 (6) หรือไม่ เพราะยังพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เกิน 5 ปีในการรับสมัครเลือกตั้ง โดยคณะตุลาการจะออกนั่งบัลลังก์เพื่อนัดพร้อมคู่กรณีในการตรวจเอกสารพยาน แล้วจากนั้นในวันที่ จะเปิดให้มีการไต่สวนต่อไปในวันที่ 16 ธันวาคมนี้
ข่าวแจ้งว่า ส่วนกรณีคำร้องที่กกต.มีความเห็นให้ความเป็นสมาชิกภาพของ 16 ส.ว. และ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์สิ้นสุดลง เนื่องจากกระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญเพราะถือหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐนั้น ขณะนี้ได้ผ่านกระบวนการขั้นตอนยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว โดยขณะนี้ทางคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้กำหนดวันนัดคู่กรณีเพื่อมาตรวจพยานหลักฐาน เพราะเอกสารของ ส.ว.และ ส.ส.ที่ถูกร้องเข้ามานั้นมีเอกสารเป็นจำนวนมาก ทำให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สามารถบอกวันที่จะนัดพิจารณาในลำดับต่อไปได้