ทหารแก่ซีกเพื่อไทยบ่นอุบขอยุติปัญหาเพื่อไทยร้าวฉานตั้งแต่ยังไม่คลอด ใบ้กินหนีคำถามสื่อตั้งกองทัพแดง ด้าน “จาตุรนต์” เสนอหน้าวิเคราะห์สายเกินแกง แนะให้เสื้อแดง-พท.แยกกันเดิน กมธ.ทหารไข่แม้ว แก้เซ็งเสนอแว้งกัด “ประวิตร” จัดซื้ออาวุธกองทัพ
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้เดินลงมาจากบริเวณชั้น 1 ของอาคารที่ทำการพรรค พร้อมทั้งรีบเดินไปขึ้นรถทันที เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.พัลลภ กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มนปช.จบแล้วนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า “สำหรับตัวผม ผมยุติแล้ว” ส่วนจะยุติความเคลื่อนไหวของกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือยุติความขัดแย้งกับนายจตุพรนั้น พล.อ.พัลลภ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามก่อนเดินขึ้นรถออกจากพรรคไป
ด้าน นายไชยยา พรหมมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมพรรควันนี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้บรรยายถึงสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมา เรื่องการเคลื่อนมวลชนคนเสื้อแดงนั้นเป็นเรื่องของภาคประชาชน แต่การทำหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยนั้นต้องเน้นในเรื่องการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ต้องแยกกันทำงานเป็นคนละเวที ทั้งนี้การเคลื่อนไหวก็ต้องยึดหลักสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งแนวทางนี้เท่านั้นที่จะสามารถชนะได้ ส่วนกรณีที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ระบุถึงการตั้งกองทัพประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่ออกมาพูดแบบทหารนักรบ ทำให้ประชาชนที่รับสารเข้าใจผิดได้ว่า จะมีการใช้ความรุนแรงและสร้างความไม่ไว้ใจให้เกิดขึ้นกับประชาชน ดังนั้นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นก็ต้องระวังไม่ให้เกิดการปะทะ เพราะมีการเตรียมปราบไว้อยู่แล้ว ทำให้เข้าทางของรัฐบาลได้
นายไชยยากล่าวอีกว่า ตนเห็นว่าเมื่อแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาปฏิเสธก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่แตกกัน เพราะจะทำให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นจะไม่ใช้ความรุนแรง อีกทั้งทำให้ประชาชนเข้าใจว่าหากเกิดความรุนแรงขึ้นก็ไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดง
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ตนเตรียมที่จะนำเสนอข้อมูลและขอความเห็นจากที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เพื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหมเพิ่มเติม เนื่องจากพบความผิดปกติในการจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์ของกองทัพจำนวนมาก เช่น เครื่องช่วยฝึกยิงอาวุธประจำกาย (simulator) พร้อมอาคารของกองทัพเรือ มูลค่า 40 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องบินกริฟเพน 1 ฝูง ที่เป็นงบประมาณผูกพันถึง 3 หมื่นล้านบาท การจัดซื้อบอลลูนตรวจการราคา 350 ล้านบาท รวมถึงการจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิดและสารเสพติดจีที 200 และอัลฟ่า6 สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาสูงเกินจริงไปถึง 1.4 ล้านบาทต่อเครื่องนั้น เนื่องจากเป็นการซื้อผ่านเอกชนหรือบริษัทนายหน้าถึง 4 ราย ซึ่งพบว่ามีการอนุมัติซื้อมากที่สุดในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่มีพล.อ.ประวิตรเป็นรมว.กลาโหม
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าโครงการจัดซื้อรถ 4 ล้อลำเลียงของกองทัพบกมีความไม่ชอบมาพากล โดยเป็นการจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษเช่นกันจากจากบริษัทหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น วงเงิน 4,996 ล้านบาทในราคายกเว้นภาษี จำนวน 1,474 คัน ซึ่งราคาเฉลี่ยตกคันละ 3 ล้านกว่าบาท ตามสเป็คถือว่าสูงเกินความจริงมากเพราะเป็นรถบรรทุก 4 ล้อธรรมดาที่ราชการทหารไม่ใช้กัน ซึ่งประเด็นนี้ทางกรรมาธิการฯ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังทูตทหารญี่ปุ่นว่าสามารถจัดส่งรถให้กับกองทัพบกได้หรือไม่ เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศแพ้สงคราม ซึ่งสหประชาชาติมีมติว่าห้ามประเทศสมาชิกสั่งซื้อยุทธภัณฑ์ทางทหารจากญี่ปุ่น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหมยุคนี้เป็นยุคที่ล่อแหลมมากในเรื่องของความไม่โปร่งใส ซึ่งส่วนใหญ่จะดำเนินการในรูปแบบของการจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ประชุม เพราะในทางการเมืองมีอะไรบางอย่างที่เราเองก็ต้องเข้าใจ
เย้ย "เสธ.แดง" แค่หมายจับใบเดียวยังกลัวหัวหด