“เทพเทือก” ไม่แปลกใจ พท.ฟัดกันเอง ปัดฉวยโอกาส ยุบสภา

“เทพเทือก” ไม่แปลกใจเพื่อแม้วฟัดกันเอง ชี้ “นช.แม้ว” เลิกตั้งกองทัพต๊องก็ดีแล้ว แต่ไม่ประมาท พร้อมคุมสถานการณ์ เย้ยยึดสถานที่ราชการคงไม่สำเร็จ เหตุชาวบ้านเบื่อ รวมตัวต้าน ยังไม่คิดตาม “มาร์ค” เลือกตั้งครั้งหน้าได้ 240 เสียง ปัดฉวยโอกาสฝ่ายค้านแตกยุบสภา คอนเฟิร์มพรุ่งนี้ไปงานวันเกิด “สุวัจน์” แน่นอน

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (8 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งของพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจจะทำให้รัฐบาลได้เปรียบว่า ตนไม่ได้มองว่าใครจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่ตนก็ไม่ได้แปลกใจที่เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นในพรรคเพื่อไทย “ผมได้ศึกษาการทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาโดยตลอด พบว่าคุณทักษิณยึดหลักการแบ่งแยกและปกครอง ซึ่งเป็นทฤษฎีหนึ่งในทางรัฐศาสตร์ ผู้นำหลายคนก็ใช้วิธีนั้น ดังนั้น คุณทักษิณจะมีคนที่จะใช้งานหลากหลาย ปัญหาคือเมื่ออยู่ในอำนาจก็สามารถเลือกใช้คนเหล่านี้ได้ แต่พอวันนี้ไม่มีอำนาจและกำลังอยู่ในช่วงที่คิดว่าตัวเองมีทางเลือกไม่มาก เพราะฉะนั้น เวลาใครไปเสนอมาตรการใดๆ ที่จะล้มรัฐบาลหรือสู้กับรัฐบาล คุณทักษิณก็จะรับเอาไว้หมดจนเกิดปัญหา แต่สิ่งที่กังวลก็คือ การขาดเอกภาพในการดำเนินการมันก็อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้ สำหรับผม ถ้าคุณทักษิณจะต่อสู้ในทางการเมือง ตามกฎเกณฑ์กติกา ตามกฎหมายและวิถีทางประชาธิปไตย สู้อย่างไรผมก็ยินดี แต่เมื่อไปใช้คนบางกลุ่มบางพวก และมีเป้าหมายที่จะดำเนินการโดยไม่ถูกกฎหมาย เช่น การมุ่งสร้างความวุ่นวายและรุนแรง ก่อจลาจล อย่างที่เคยประกาศจะสร้างกองทัพประชาชน อย่างนี้เราก็ต้องตั้งหลักให้ดี แต่เมื่อเขาประกาศถอยเรื่องนี้ไปแล้วก็ถือเป็นสิ่งที่ดี” รองนายกฯ กล่าว

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ไม่ว่าจุดประสงค์ของคนกลุ่มนี้จะไปถึงขั้นไหนก็ตามแล้วแต่ที่เขาจะเพ้อฝันไป แต่รัฐบาลก็จะพยายามดูแลควบคุม รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทหารจะเป็นกำลังส่วนหนึ่งของรัฐบาลที่จะใช้ในการดูแลความสงบของบ้านเมือง เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจ ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่รัฐบาลต้องดำเนินการหากเห็นว่าตำรวจไม่สามารถที่จะมี กำลังเพียงพอในการตั้งรับ

เมื่อถามว่าจะต้องจัดกำลังไปดูแลตามสถานที่ต่างๆ ที่เขาประกาศจะเคลื่อนไหวไปอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่เราได้ฟังเทปการไปปลุกระดมของบรรดากลุ่มบุคคลในระบอบทักษิณ ที่บอกว่าถึงเวลาจะไปยึด ไปเผาศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ราชการต่างๆ และจะยึดทำเนียบ และสถานที่ราชการใน กทม.จึงได้มีการแบ่ง โดยในต่างจังหวัดได้ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดดูแลในการที่จะใช้กำลังตำรวจ และอาสาสมัคร และทหารในพื้นที่มาดูแลความสงบ และสถานที่ราชการ ส่วนที่เตรียมการใน 38 จังหวัดนั้น รัฐบาลจับกระแสได้ว่าเขาจะไปจังหวัดใดบ้าง จึงจัดกำลังตำรวจดูแลเป็นหลัก หากไม่พอผู้ว่าฯ ก็จะพิจารณาสั่งการใช้กำลังส่วนอื่นช่วยเสริม เมื่อถามว่าเป็นการขู่หรือจะทำจริง รองนายกฯ กล่าวว่า เท่าที่สังเกตเขาก็พยายามจะทำ แต่คงไม่สำเร็จเพราะหลายจังหวัดมีประชาชนต่อต้านไม่เอาด้วย รวมพลได้แค่ 10 คน หรือ 100 คน แต่ก็มีบางจังหวัดที่รวมคนได้เป็นหมื่น เราก็ต้องดูแลติดตามความหนักเบาของสถานการณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งรัฐบาลจะพยายามดูแลให้เกิดความสงบให้ได้

นายสุเทพ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้รับเลือกถึง 240 เสียง ซึ่งน่าจะใช้ช่วงที่ฝ่ายค้านแตกแยกยุบสภาล้างไพ่ใหม่ทั้งหมดว่า คงไม่ไกลขนาดนั้น คิดว่าสิ่งที่นายกฯพูด น่าจะเป็นการประเมินว่าถ้ามีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งคงไม่ได้หมายความว่าวันนี้ พรุ่งนี้ หรือเดือนนี้ เดือนหน้า ซึ่งการที่เราจะต้องดูแลบ้านเมืองไป ก็เพราะเราได้ประเมินแล้วว่าขณะที่มีวิกฤตการณ์เกิดขึ้นในบ้านเมืองและรัฐบาลได้ใช้เวลา 1 ปีเศษในการแก้ไขปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ เราก็ทำได้สำเร็จเพราะขณะนี้เศรษฐกิจก็เป็นบวกแล้ว ผู้ประกอบการทั้งหลายเขาก็ต้องการเวลาที่จะทำให้ทุกอย่างเดินไปตามแนวทางนี้ ถ้าจะให้มีการเลือกตั้งขณะนี้การลงทุนต่างๆ ก็จะชะงัก เพราะเขาก็ต้องรอดูผลการเลือกตั้ง ซึ่งก็ต้องเสียเวลาไปหลายเดือนกว่าจะตั้งหลักได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทย ขอให้นายกฯ เลิกฟังผู้ใหญ่ แล้วหันมาเอาใจภรรยาที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง นายสุเทพหัวเราะก่อนกล่าวว่า ทุกฝ่ายก็ต้องใจเย็นและอดทนด้วยกัน โดยคิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทำเท่านี้เรื่องอื่นก็เป็นเรื่องเล็กปลีกย่อย เมื่อถามว่าพรุ่งนี้จะเดินทางไปอวยพรวันเกิดนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไป เพราะบรรดาท่านเหล่านี้ที่ผ่านมาก็ไปมาหาสู่กัน อย่างไรตนก็ต้องไป เมื่อถามว่าจะถือโอกาสนี้หารือกับพรรคร่วมเลยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ก็คงต้องคุยกันบ้าง นักการเมืองไปเจอหน้ากันก็คุยกัน อยู่ตรงไหนพบกันก็คุยการเมืองกันเป็นประจำอยู่แล้ว