“นพ.บุรณัชย์” ประเมินแผนหางแดง เชื่อ 3 เหตุทำเปลี่ยนท่าทีตั้ง กปช. ชี้เกิดการช่วงชิงอำนาจกันเอง หลังสถานการณ์ไม่สุกงอม ลั่นทำการันตีแผนเคลื่อนไหวใต้ดินมีจริง ทั้งหวั่นเจอติดคุกหลังผุดแนวคิดตั้งกองกำลังต่อต้านรัฐ พร้อมยันรัฐไม่กดดัน ป.ป.ช.ตัดสินอัลไพน์เล่นงาน “ป๋าเหนาะ”
วันนี้ (5 ม.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.ปฏิเสธไม่ทราบแนวทางการตั้งกองกำลังประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กปช.) แต่ทั้งที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรุงคุณวิฒิกองทัพบก ต่างยืนยันผ่านสื่อว่าจะมีการตั้ง กปช. โดยพูดหลังจากเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเห็นว่าเรื่องดังกล่าวต้องมีความชัดเจนว่าใครพูดจริงหรือโกหก ทั้งนี้ การที่ พล.ต.ขัตติยะ และ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่าสื่อรายงานคลาดเคลื่อน ก็ไม่น่าจะเป็นความจริง
ทั้งนี้ นายแพทย์บุรณัชย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตยได้ประเมินเหตุผลการปรับเปลี่ยนท่าทีของแนวร่วมของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยน่าจะมีเหตุผล 3 ประการ คือ 1.เป็นการช่วงชิงการเป็นแกนนำของแนวร่วมของ พล.อ.พัลลภ และพล.ต.ขัตติยะ ซึ่งเป็นการเปิดเผยแนวทางการต่อสู้เร็วเกินไป เพราะสถานการณ์ยังไม่สุกงอม ในการที่จะสร้างรูปการณ์ของความรุนแรง 2.เป็นการยืนยันว่า การเคลื่อนไหวใต้ดินมีจริง ซึ่งนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำ นปช. ได้เคยยืนยันผ่านสื่อต่างประเทศมาก่อน และ 3.ผู้พูดกลัวที่จะถูกจับกุมดำเนินคดี จึงกลับคำพูด เพราะมาทราบภายหลังว่า การชักจูงให้คนล้มล้างรัฐบาล ถือเป็นความผิดพิเศษ โดยเฉพาะการเตรียมคน ถือว่าครบองค์ประกอบตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา ทั้ง พล.อ.พัลลภ และพล.ต.ขัตติยะ เคยระบุว่าได้มีการเตรียมใช้กำลังทหารพราน และอดีตทหารพราน จากค่ายปักธงชัย หากมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐ และพรรคยังได้พบข้อมูลเชิงลึกว่าก่อนหน้านี้ เคยมีการฝึกจรยุทธในหลายจังหวัด ทั้ง จ.อุบลราชธานี อุดรธานี และหนองบัวลำภู และเมื่อมีการฝึกเสร็จจะมีการแจกชุดดำ ดังนั้น แม้ว่าจะมีการออกมาปฏิเสธเรื่องการตั้ง กปช.ทางการก็ไม่ควรประมาทในการดูแลความสงบ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ในความผิดอาญาเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ว่า พรรคยืนยันที่จะให้ความเป็นธรรมและไม่กดดัน หรือแทรกแซงกระบวนการตัดสินใดๆ จึงอยากฝากไปยังนายเสนาะ ที่บอกว่าคดีนี้เป็นเรื่องขึ้นมา เพราะมีการขายที่ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะผลจากดคีดังกล่าว มาจากการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ที่มีพฤติกรรมส่อว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวก