นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความห่วงใยต่อการที่แนวร่วมระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มนปช. ยังเดินหน้าใช้มิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความมั่นคงเป็นเครื่องมือในการต่อรองทางการเมือง โดยเฉพาะปรากฏชัดจากการส่งสัญญาณเตรียมการก่อความวุ่นวายอีกครั้งโดยพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ระบุว่า ถ้ารัฐบาลไม่ยุบสภาภายใน 90 วัน กลุ่มเสื้อแดงจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เราไม่อาจจะนิ่งนอนใจ และปล่อยไปได้ เพราะก่อนหน้านี้พล.ต.ขัตติยะ เคยทำนายเหตุการณ์การยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าสู่เวทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึง 2 ครั้ง ซึ่งมีความรุนแรงเกิดขึ้นจากคำทำนายของบุคคลนี้จริง และที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านี้เคยพูดถึงการเกิดสงครามกลางเมือง
นอกจากนี้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็เคยออกมาสำทับว่า ถ้ากองทัพจะดำเนินการกับพล.ต.ขัตติยะ อาจจะเกิดความรุนแรงตามมาได้ ซึ่งถือเป็นการข่มขู่จะกระทำความรุนแรงต่อประเทศและประชาชน โดยเฉพาะการระบุว่าทหารพรานจากค่ายปักธงชัย นับถือพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นเหมือนพ่อ และยอมตายแทนได้นั้น สอดรับกับการที่พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพบกับ พล.อ.พัลลภ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่าเป็นผู้ปรามไม่ให้ทหารเหล่านี้ออกมาก่อความรุนแรง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ วิตกต่อการส่งสัญญาณดังกล่าว เพราะทหารทุกหน่วยถือว่าถวายสัตย์ปฏิญาณ จะพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ใช่ภักดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.พัลลภ หรือ พล.ต.ขัตติยะ
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่า คนที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อชาติ คงไม่ยอมเป็นเครื่องมือรับใช้ทหารนอกแถวแน่นอน เว้นแต่เกิดจากความรู้เท่าถึงการณ์ หรือการชักนำให้ทำผิด อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียกร้องให้คนเหล่านี้หยุดพฤติกรรมข่มขู่สังคม ทำร้ายประเทศเพื่อรับใช้คนคนเดียวไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป
**ชี้ปีหน้าการเมืองระอุ
เมื่อถามว่า คณะทำงานปฏิบัติการ และประเมินสถานการณ์การเมือง (วอร์รูม) พรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์ถึงความรุนแรงที่จะเกิดในช่วงหลังปีใหม่เป็นต้นไปอย่างไร นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ทางวอร์รูมฯ คงต้องติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ และรัฐบาลต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตามคำขู่ เพราะในอดีตเมื่อมีคำทำนายออกมา ก็มักเกิดขึ้นจริง และการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น อาจเป็นการเตรียมการให้สอดรับกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่กำลังจะมีขึ้นด้วย ซึ่งทางวอร์รูมฯได้วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์ความรุนแรงจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป เพราะจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การชุมนุมนอกสภา การต่อต้านการลงพื้นที่ของรัฐมนตรี และการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่วอร์รูมของพรรคต้องวิเคราะห์ว่าจะดำเนินการต่อเรื่องเหล่านี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
**จี้"แม้ว"สั่งลิ่วล้อหยุดป่วน
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ที่ประกาศจะชุมนุมในต้นปี 53 ว่า นับวันคนเหล่านี้จะเหิมเกริมหลงตัวเอง สร้างข่าวบิดเบือน จุดกระแสความวุ่นวายต่อสังคมโดยไม่มีเหตุผล ที่ใช้คนจำนวนแค่ 50-60 คนไปต่อต้าน ขัดขวาง ขับไล่รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่ลงพื้นที่เพื่อไปพัฒนาและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้คนส่วนใหญ่เสียผลประโยชน์ รวมไปถึงความเคลื่อนไหวที่เลยเถิด คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นรวมถึงสื่อมวลชนที่ไปทำหน้าที่ภาคสนามด้วย ซึ่งคนเสื้อแดงไม่เคยใช้สติแยกแยะว่าอะไรควรไม่ควร เพียงแต่หวังผลให้เกิดความวุ่นวายในสังคมจนเป็นที่พอใจของนายใหญ่ก็พอ จึงอยากถามคนเหล่านี้ว่า ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้อย่างไร เมื่อบรรยากาศทางการเมืองยังเป็นเช่นนี้อยู่ และก็ขอเรียกร้องไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ตัวการใหญ่ของคนเสื้อแดงว่า ขอให้ส่งสัญญาณให้ลิ่วล้อเหล่านี้ หยุดความเคลื่อนไหว ไม่ใช่มัวแต่เปิดสงครามสื่อผ่านทวิตเตอร์รายวัน ให้เกิดสงครามกลางเมือง เหมือนกับแกนนำ 3 เกลอหัวขวด ที่ประกาศจองล้างจองผลาญรัฐบาลนี้ไว้ว่าจะล้มให้ได้ในต้นปี 53
นอกจากนี้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็เคยออกมาสำทับว่า ถ้ากองทัพจะดำเนินการกับพล.ต.ขัตติยะ อาจจะเกิดความรุนแรงตามมาได้ ซึ่งถือเป็นการข่มขู่จะกระทำความรุนแรงต่อประเทศและประชาชน โดยเฉพาะการระบุว่าทหารพรานจากค่ายปักธงชัย นับถือพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นเหมือนพ่อ และยอมตายแทนได้นั้น สอดรับกับการที่พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพบกับ พล.อ.พัลลภ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่าเป็นผู้ปรามไม่ให้ทหารเหล่านี้ออกมาก่อความรุนแรง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ วิตกต่อการส่งสัญญาณดังกล่าว เพราะทหารทุกหน่วยถือว่าถวายสัตย์ปฏิญาณ จะพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ใช่ภักดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.พัลลภ หรือ พล.ต.ขัตติยะ
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่า คนที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อชาติ คงไม่ยอมเป็นเครื่องมือรับใช้ทหารนอกแถวแน่นอน เว้นแต่เกิดจากความรู้เท่าถึงการณ์ หรือการชักนำให้ทำผิด อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียกร้องให้คนเหล่านี้หยุดพฤติกรรมข่มขู่สังคม ทำร้ายประเทศเพื่อรับใช้คนคนเดียวไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป
**ชี้ปีหน้าการเมืองระอุ
เมื่อถามว่า คณะทำงานปฏิบัติการ และประเมินสถานการณ์การเมือง (วอร์รูม) พรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์ถึงความรุนแรงที่จะเกิดในช่วงหลังปีใหม่เป็นต้นไปอย่างไร นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ทางวอร์รูมฯ คงต้องติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ และรัฐบาลต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตามคำขู่ เพราะในอดีตเมื่อมีคำทำนายออกมา ก็มักเกิดขึ้นจริง และการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น อาจเป็นการเตรียมการให้สอดรับกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่กำลังจะมีขึ้นด้วย ซึ่งทางวอร์รูมฯได้วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์ความรุนแรงจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป เพราะจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การชุมนุมนอกสภา การต่อต้านการลงพื้นที่ของรัฐมนตรี และการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่วอร์รูมของพรรคต้องวิเคราะห์ว่าจะดำเนินการต่อเรื่องเหล่านี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
**จี้"แม้ว"สั่งลิ่วล้อหยุดป่วน
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ที่ประกาศจะชุมนุมในต้นปี 53 ว่า นับวันคนเหล่านี้จะเหิมเกริมหลงตัวเอง สร้างข่าวบิดเบือน จุดกระแสความวุ่นวายต่อสังคมโดยไม่มีเหตุผล ที่ใช้คนจำนวนแค่ 50-60 คนไปต่อต้าน ขัดขวาง ขับไล่รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่ลงพื้นที่เพื่อไปพัฒนาและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้คนส่วนใหญ่เสียผลประโยชน์ รวมไปถึงความเคลื่อนไหวที่เลยเถิด คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นรวมถึงสื่อมวลชนที่ไปทำหน้าที่ภาคสนามด้วย ซึ่งคนเสื้อแดงไม่เคยใช้สติแยกแยะว่าอะไรควรไม่ควร เพียงแต่หวังผลให้เกิดความวุ่นวายในสังคมจนเป็นที่พอใจของนายใหญ่ก็พอ จึงอยากถามคนเหล่านี้ว่า ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้อย่างไร เมื่อบรรยากาศทางการเมืองยังเป็นเช่นนี้อยู่ และก็ขอเรียกร้องไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ตัวการใหญ่ของคนเสื้อแดงว่า ขอให้ส่งสัญญาณให้ลิ่วล้อเหล่านี้ หยุดความเคลื่อนไหว ไม่ใช่มัวแต่เปิดสงครามสื่อผ่านทวิตเตอร์รายวัน ให้เกิดสงครามกลางเมือง เหมือนกับแกนนำ 3 เกลอหัวขวด ที่ประกาศจองล้างจองผลาญรัฐบาลนี้ไว้ว่าจะล้มให้ได้ในต้นปี 53
