xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : คำขู่ เสธ.แดง...“ช่วย” หรือ “ทำลาย” ทักษิณ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล กรือ เสธ.แดง
อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน

ไม่ว่า “พล.ต.ขัตติยะ” หรือ เสธ.แดง จะได้รับการจ้างวานมาหรือไม่ จึงได้ลุกขึ้นมาพูดจาข่มขู่ศาลฎีกาฯ ที่จะพิพากษาคดียึดทรัพย์ทักษิณ 7.6 หมื่นล้าน ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ แต่แน่นอนว่าเป้าประสงค์ของการข่มขู่ ก็เพื่อให้องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คนเกิดความหวาดกลัว -ไม่กล้าลงมติยึดทรัพย์ดังกล่าว เพราะกลัวจะถูกลอบสังหารตามที่ เสธ.แดงขู่ ...งานนี้ นอกจากต้องวัดใจผู้พิพากษาว่าจะมีความมั่นคงและดำรงอยู่ในหลักการ โดยไม่หวั่นไหวต่อคำขู่หรือไม่แล้ว ผลแห่งคำพิพากษาที่จะออกมา ยังเป็นบทพิสูจน์ด้วยว่า ยุทธวิธีของ เสธ.แดง ที่ส่อว่าชอบใช้ความรุนแรงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น สุดท้ายแล้วจะสามารถช่วยทักษิณได้จริง หรือยิ่งจะทำให้ทักษิณย่อยยับกันแน่

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

ยิ่งใกล้วันชี้ชะตาทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีซื้อขายที่ดินรัชดาฯ มากเท่าไหร่ ดูเหมือนพลพรรคคนรักทักษิณจะนั่งไม่ติด ราวกับรู้ว่า ยังไงงานนี้คงต้องถูกยึดทรัพย์แน่ แต่จะยึดทั้งหมดหรือยึดแค่บางส่วน จึงไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้เครือญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างนายพายัพ ชินวัตร น้องชาย ได้ออกมาส่งสัญญาณเชิงข่มขู่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะตัดสินคดียึดทรัพย์ว่า ถ้าจะยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณจริงๆ ก็ควรจะยึดบางส่วน หากเห็นว่าทำให้ความเสียหายให้รัฐเท่าไหร่ก็ยึดเท่านั้น ไม่ใช่ยึดทั้งหมด หากยึดทั้งหมด บ้านเมืองเกิดกลียุคแน่

ล่าสุด ทหารที่ไร้ระเบียบวินัย ไม่เห็นหัวผู้บังคับบัญชาอย่าง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งอยู่ระหว่างถูกพักราชการ ได้ออกมาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณอีกแรงด้วยวิธีที่ตนถนัด คือพูดเตือนเชิงข่มขู่ แต่คราวนี้ไม่ใช่ขู่พันธมิตรฯ หรือขู่ผู้บังคับบัญชาอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก แต่เป็นการขู่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ที่จะตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณในวันที่ 26 ก.พ.นี้ และไม่เฉพาะผู้พิพากษาเท่านั้นที่โดนขู่ แม้แต่บุคคลที่ทำงานในองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เสธ.แดงก็ไม่ละเว้น โดยบอกว่า อยากเตือนไปยังองค์คณะผู้พิพากษาศาล - ป.ป.ช. และ คตส.ในการพิจารณาคดียึดทรัพย์ให้ระวังแผนลอบฆ่าโดยพวกโรนิน หรือกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เพราะขบวนการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ และทุกครั้งที่ตนเตือนก็มักจะเป็นจริง

ร้อนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาให้ความมั่นใจกับศาล พร้อมชี้ช่องให้เจ้าหน้าที่พิจารณาการพูดข่มขู่คุกคามของ เสธ.แดง โดยบอกว่า การพูดจาในลักษณะที่ตีความได้ว่าเป็นการข่มขู่ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และเจ้าหน้าที่จะต้องพิจารณาว่าเป็นการคุกคามหรือไม่ และว่า ขอให้ศาลทำหน้าที่โดยอิสระอย่างเต็มที่ ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด รัฐบาลจะให้การดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่

แม้สังคมจะไม่ได้เห็นปฏิกิริยาของผู้พิพากษาที่จะตัดสินคดียึดทรัพย์ว่าหวั่นไหวต่อคำขู่ของ เสธ.แดงหรือไม่ แต่ก็ได้เห็นความเข้มแข็งของบุคคลที่ทำงานในองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.และ คตส. โดย ดร.วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ยืนยันว่า ป.ป.ช.จะปฏิบัติหน้าที่และใช้ชีวิตต่อไปอย่างเป็นปกติ เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองจะต้องคุ้มครองคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ ส่วนคนที่คิดร้ายต้องรับกรรม

ขณะที่ นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.และอดีตกรรมการ คตส.ก็ยืนยันเช่นกันว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานอุทิศตัวให้แผ่นดินและประเทศชาติ หากจะตายก็ต้องตาย เพราะคงไม่มีกำลังไปป้องกันอะไรได้ และไม่จำเป็นต้องประสานตำรวจให้คุ้มกันเป็นพิเศษ

ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส. แม้จะไม่อยากให้ความสำคัญกับคำขู่ของ เสธ.แดง เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ก็ระวังตัวเท่าที่จะระวังได้ พร้อมถามต้นสังกัดของ เสธ.แดงว่าปล่อยให้พูดจาข่มขู่อยู่แบบนี้ได้อย่างไร

“มันก็พูดของมันไป จะเกิด-ไม่เกิดเราก็ไม่รู้ ไปนั่งมองอะไรมันล่ะ (ถาม - แสดงว่าการที่ เสธ.แดงเคยเตือนๆ ก่อนหน้านี้ แล้วมันก็เป็นจริงตามที่ เสธ.แดงเตือน พอมาถึงครั้งนี้ อ.ก็คิดว่า ยังอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้?) เขาจะไปรู้มา หรือเขาทำเอง หรือเขาเดา เราก็ไม่รู้ทั้งนั้น ปัญหาคือปล่อยให้คนพรรค์นี้มาเที่ยวพูดอะไรแบบนี้ได้ยังไง กฎหมายทหารก็มี อาญาทหารก็มี ก็จัดการซะสิ ปล่อยอยู่อย่างนี้ ก็ก่อปัญหาอยู่อย่างนี้ ต้นสังกัดทำอะไรอยู่ล่ะ แค่นั้นเอง เขาไม่ทำก็โทษไม่ได้ แล้วเราจะไปปวดหัวทำไม จริง-ไม่จริงก็ไม่รู้ เท็จก็ไม่รู้ ก็ระวังตัวเท่าที่ระวังได้”

ด้าน นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตกรรมการ คตส.และอดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ บอกกับวิทยุ ASTVผู้จัดการ โดยยืนยันว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกฟ้องคดียึดทรัพย์ ไม่ได้เกิดจากการกระทำของศาล หรือ ป.ป.ช.หรือ คตส. แต่เกิดจากกรรมหรือการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณเอง ส่วนกรณีที่ เสธ.แดงออกมาพูดข่มขู่ผู้พิพากษาศาลในคดียึดทรัพย์นั้น นายอุดม ยืนยันว่า ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ 99% ไม่กลัวคำขู่

“ผมไปมองว่า รู้สึกว่าแกจะเป็นความผิดปกติของแกน่ะ ไปถืออะไรแกไม่ได้หรอก เราไม่ได้ไปทำอะไรให้เขาเดือดร้อนน่ะ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นนี่ มันเกิดจากการกระทำของเขาเองทั้งนั้น ไอ้คดีต่างๆ ไม่ได้เกิดจากศาลเป็นผู้กระทำหรือ คตส.เป็นผู้กระทำ หรืออัยการเป็นผู้กระทำ ป.ป.ช.เป็นผู้กระทำ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากกรรมของเขาเอง แล้วก็ไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับเรา (ถาม-ในฐานะที่ท่านอุดมเคยเป็นผู้พิพากษา มั่นใจแค่ไหนว่า ผู้พิพากษาในคดียึดทรัพย์จะไม่หวั่นไหวต่อคำขู่ใดใด?) ผมเรียนได้ว่า เรื่องการขู่ผู้พิพากษาเนี่ย ผู้พิพากษาเนี่ย 99% ไม่กลัวคำขู่ แต่อย่างอื่นเนี่ยเราไม่แน่ใจ (ถาม-อย่างอื่นนี่หมายถึงสินบนหรือเปล่า?) ผมไม่กล้าพูดในทำนองนั้น แต่ไอ้อย่างอื่นเนี่ยมันมี เพราะเราก็ได้รับรู้มาจาก ผมเองเนี่ยรับรู้ตั้งแต่สมัยตัดสิน ศาลรัฐธรรมนูญคราวก่อนโน้นแล้ว(ที่ตัดสินคดี พ.ต.ท.ทักษิณซุกหุ้นภาค 1) ว่ามันมีอะไรต่ออะไรอยู่ แต่มาถึงจุดนี้มันจะมีหรือไม่มี เราไม่แน่ใจ”

ขณะที่ อ.ปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชื่อว่า แม้ผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณจะถูก เสธ.แดงพูดข่มขู่ แต่ก็จะไม่หวั่นไหวใดใด ตรงกันข้าม กลับจะยิ่งทำให้ผู้พิพากษามีความมั่นคงในการตัดสินคดีนี้มากยิ่งขึ้น

“ผมกลับมองนัยตรงกันข้ามนะ กลับยิ่งเชื่อมั่นว่าทางท่านผู้พิพากษา 9 ท่านเนี่ย ท่านคงไม่หวั่นไหวในเรื่องนี้ และกลับทำให้เกิดความมั่นคงในการตัดสินคดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเหตุผลที่จะให้มาในวันนั้น คงจะชัดเจน เมื่อเราได้ฟัง ประชาชนได้ฟังเหตุผลในการวินิจฉัยก็จะเกิดความเชื่อถือ ผมกลับมองอย่างนั้น ผมกลับมองตรงกันข้ามว่าท่านน่ะไม่หวั่นไหว ผมสามารถที่จะกล่าวได้ว่า ทุกท่าน ตุลาการที่ให้ความเคารพยึดถือ ท่าน อ.สัญญา ธรรมศักดิ์ ท่าน อ.จิตติ ติงศภัทิย์ เป็นปูชนียบุคคลของวงการนักกฎหมาย โดยเฉพาะหลักวิชาชีพของนักกฎหมายที่ได้อบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องคุณธรรม และผมก็คิดว่าตุลาการ ไม่ใช่เพียงทั้ง 9 ท่านนะ ตุลาการทั้งหลายเนี่ยที่ยังคงยึดมั่นในเรื่องนี้ รวมทั้ง 9 ท่านที่เรากำลังพูดถึงด้วย ท่านคงมีความมั่นคง ไม่หวั่นไหวประการใด”

ด้าน ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พูดถึงกรณีที่ เสธ.ออกมาพูดข่มขู่ผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ รวมทั้ง ป.ป.ช.และ คตส.ว่าอาจถูกลอบสังหารว่า สะท้อนถึงความไม่เอาไหนของผู้มีอำนาจในการดูแลกฎหมายของไทย เพราะคำพูดของ เสธ.แดงเข้าข่ายข่มขู่ชัดๆ ผศ.ทวี ยังวิเคราะห์ด้วยว่า เหตุที่ เสธ.แดงออกมาพูดข่มขู่ศาลแบบนี้ น่าจะมาจาก 3 สาเหตุ 1.มาจากสันดานของคนที่ชอบหาเรื่อง ชอบวางกล้ามใหญ่โตอย่างที่ เสธ.แดงทำมาเรื่อย 2.น่าจะมีมูลเหตุจูงใจ โดยอาจจะมีคนสั่งหรือจ้างวาน เสธ.แดง 3.มูลเหตุจากความอยากดัง โดย เสธ.แดงอาจจะมองไกลไปยังอนาคตว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างที่ตนทำนายหรือข่มขู่ไว้ ก็จะทำให้ตนมีชื่อเสียงในแง่ของความแม่นยำและมีอำนาจสั่งการให้เกิดเหตุร้ายในบ้านเมืองได้

อย่างไรก็ตาม ผศ.ทวี เชื่อว่า แม้จะถูกข่มขู่ แต่ถ้าผู้พิพากษาศาล เป็นศาลแท้ๆ หรือศาลอาชีพ ย่อมมีความมั่นคงในเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่หวั่นไหวไปกับคำขู่ใดใด และว่า แทนที่คำขู่ของ เสธ.แดงจะเป็นประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะส่งผลร้ายมากกว่า

“ผมว่าศาลไม่เหมือน หรือผู้พิพากษาเหล่านี้ ท่านเป็นศาลแท้ หมายถึงว่าเป็นศาลอาชีพ หลายคนกลัวว่าจะเหมือนศาลรัฐธรรมนูญ ยุคที่มี ศ.กระมล ทองธรรมชาติ เป็นประธาน ยุคนั้นที่มีการตัดสินผิดเพี้ยน จริงๆ ถ้าเผื่อเรานับเสียงคุณทักษิณตอนที่ตัดสินเรื่องซุกหุ้น ผิดนะ แต่เพราะเหตุว่าองค์คณะในบางส่วนประกอบนั้น มันแยกกัน แต่มันก็เลยมาแล้ว เพราะฉะนั้นผมมองว่า ครั้งนี้มันไม่เหมือนศาลอ่อน หมายถึงศาลรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นมันอ่อนไปหน่อย ศาลนี้ท่านเป็นศาลแท้ ผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่านเนี่ย ผ่านอาชีพผู้พิพากษาและมีความมั่นคงในศักดิ์ศรี เกียรติยศของตัวท่านพอสมควร ไม่เหมือนศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งบางส่วนมาจากข้าราชการ บางส่วนมาจากเส้นสนกลใน ลูกสาวไปทำงานรับใช้อยู่ในบริษัทธุรกิจบ้าง เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า ครั้งนี้น่าจะเป็นผลร้ายสำหรับคุณทักษิณด้วยซ้ำในการที่ เสธ.แดงออกมาอาละวาดเพ่นพ่านข่มขู่ศาล แทนที่ศาลจะปรานีหรือตัดสินไปเป็นประโยชน์กับคุณทักษิณ ก็อาจจะไม่รู้สินะ ผมก็ไม่กล้าว่าศาลท่านจะรุนแรงขนาดไหน

แต่ผมมอง 2 ประเด็นว่า ถ้าเผื่อศาลเขารู้ว่าโดนกลั่นแกล้งรังแกเนี่ย ศาลก็คงจะไม่ได้ยอม ก็ไม่เห็นมีใครกลัว อีกประเด็นคือ ศาลจะต้องรักษาหลักการของบ้านเมือง ในการที่จะทำให้กฎหมายนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายมันสะท้อนได้ทั้งทางตรงและอ้อม ตรงก็คือการตัดสินคดีที่จะยึดทรัพย์คุณทักษิณ ซึ่งถ้าเผื่อจะเอากันให้หนักก็ต้องพิจารณายึดทั้งหมด อีกอันหนึ่งโดยทางอ้อมก็คือ ต้องปราบปรามพวกลิ่วล้อบริวาร ถ้าศาลตัดสินคราวนี้เด็ดขาดนะ คดีที่พวกลิ่วล้อบริวาร ไม่ว่าจะเป็นคดีบุกทำลายข้าวของ ก่อความวุ่นวาย หมิ่นประมาท มันก็จะเป็นผลพวงตามมา อยู่ในมาตรฐานเดียวกันว่า เมื่อหัวกระบวนการมันต้องปราบอย่างหนัก พวกที่เกี่ยวข้องลิ่วล้อบริวารก็ต้องถูกดำเนินการอย่างหนักด้วย ผมคิดว่าศาลในคดีความต่างๆ ก็จะต้องประสานสอดคล้อง อย่างน้อยก็รักษาหลักการของบ้านเมืองว่า จะต้องปราบปรามพวกที่เรียกว่ากระด้างกระเดื่อง ดื้อด้านเหล่านี้ ไม่ดูกฎหมายบ้านเมือง ให้เป็นแบบอย่าง จะได้ไม่ก่อความเดือดร้อนในชั่วลูกชั่วหลานต่อไป”


ผศ.ทวี ยังวิเคราะห์แนวโน้มคดียึดทรัพย์และเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า คดียึดทรัพย์คงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อาจนำ พ.ต.ท.ทักษิณไปสู่ความผิดพลาดในคดีอื่นๆ ที่สืบเนื่องกันไป ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องการโกงการทุจริต และจะทำให้เครดิต พ.ต.ท.ทักษิณหมดไป ซึ่งแม้ว่า ถ้าโชคดี พ.ต.ท.ทักษิณยังมีทรัพย์สินเหลือเป็นหมื่นๆ ล้านหลังยึดทรัพย์ แต่การมีคดีอื่นที่จะต้องตัดสินต่อไป ก็จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลายเป็นอาชญากรยกกำลัง 1 ยกกำลัง 2 ยกกำลังไปเรื่อยๆ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณถูกบั่นทอนความเชื่อถือ และหมดความเป็นมนุษย์ปกติในสังคม อยู่ร่วมกับใครไม่ได้ เมื่อคาดหมายได้เช่นนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจึงพยายามดิ้นรนเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกตราหน้าว่าชั่วช้าเลวทราม โกงกิน หรือทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ซึ่งทางเดียวที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะทำให้ตัวเองไร้มลทินได้ ก็คือ การทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การนิรโทษกรรมให้กับตัวเองในที่สุด!!

ชม เสธ.แดง ด่ากราด ตั้งแต่ ผบ.ทบ. ยัน รัฐบาลฯ เหิมขู่ฆ่า ศาลฯ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกล้านรงค์ จันทิก
นายวิชา มหาคุณ
นายแก้วสรร อติโพธิ
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ดร.ปรีชา สุวรรณทัต
กำลังโหลดความคิดเห็น