“อยากฝากเตือนไปยังองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา ,ป.ป.ช. และ คตส.ที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีแผนลอบฆ่าทั้ง 3 คณะ โดยพวก "โรนิน" หรือกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เพราะขบวนการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ ขอให้ระวัง เพราะทุกครั้งที่ผมเตือนเรื่องอะไรมักจะเป็นจริง ”
“อยากให้ศาล ป.ป.ช. และ คตส. รู้ไว้ว่า การที่พวกคุณได้เงินสินบนนำจับจากการตัดสินคดียึดทรัพย์ 25 % คนที่มีอุดมการณ์เขาไม่พอใจและทนเห็นประเทศไทยอยู่ภายใต้ความอยุติธรรมไม่ได้ เขาอาจจะยิงคุณทิ้งเสียวันนี้วันพรุ่งนี้ อย่าลืมว่าข้าราชการ และตำรวจที่ทำงานอยู่หน่วยงานต่างๆมีเลือดเป็นคนเสื้อแดงก็เยอะ คลิกคอมพิวเตอร์เข้าไปดูในทะเบียนราษฎร์ ก็รู้แล้วว่าบ้านของคุณอยู่แห่งหนไหน สืบได้ไม่ยากหรอก พอเจอข้อมูลรุ่งขึ้นเขาอาจจะไปรื้อบ้านคุณก็ได้ ที่ผ่านมามีคนมาถามผมเรื่องนี้มาก ผมก็ทำได้แค่เตือน หากเตือนแล้วไม่ฟัง ก็คิดกันเอาเองว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
การออกมาปูดข่าวลอบสังหารบุคคลสำคัญในองค์กรอิสระ ทั้ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. คตส. รวมถึงองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดียึดทรัพย์ทุจริต จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หมากตัวใหม่ของนายใหญ่หน้าเหลี่ยม แม้จะย้ำว่าเป็นการเตือนภัย แต่คนฟังก็รับรู้ได้ถึงความหมายที่แฝงนัยของการข่มขู่คุกคาม
แม้ชาวบ้านร้านตลาดจะไม่เชื่อน้ำยาเพราะมองว่า “เสธ.แดง” เป็นแค่ “ทหารเพี้ยน”แต่เมื่อดูจากประวัติความห้าวบวกกับรสนิยมชื่นชมความรุนแรงของ เสธ.แดง ตั้งแต่สมัยชกข้ามรุ่นกับ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก่อนจะมาเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง กรณี ยิง M 79 ใส่เวทีพันธมิตรฯ จนมีทั้งคนบาดเจ็บและเสียชีวิตไปหลายราย ล่าสุดแม้แต่ ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่มีปัญหากับ เสธ.แดง ยังโดนยิงถล่มห้องทำงานจนป่านนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ คำขู่ของ เสธ.แดง จึงทำเอาหลายฝ่ายถึงกับหนาวไปตามๆกัน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติเช่นนี้
นายกรัฐมนตรี“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ออกมาระบุว่าถึงคำพูด เสธ.แดง ว่าเป็นการข่มขู่ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และผู้เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาว่า เป็นการคุกคามหรือไม่ พร้อมให้ความมั่นใจไปยังศาลขอให้ทำหน้าที่โดยอิสระไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด รัฐบาลจะให้การดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ส่วน “ สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่าไม่มีอะไรต้องกังวลใจ เสธ.แดงไม่ใช่ผู้วิเศษ เพียงแต่พยายามแสดงไปตามบทบาทที่เขาเขียนให้แต่เราก็ติดตามจับตาดูตลอด เมื่อเห็นว่า เสธ.แดงอยู่ในข่ายของบุคคลที่อาจจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อประชาชน เราก็ติดตาม และไปตรวจค้น ซึ่งก็พบอาวุธ ก็ดำเนินคดี
“อีกหน่อย เสธ.แดงก็ติดคุก อนาคตของ เสธ.แดงชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีโอกาสติดคุกสูง เพราะทำผิดกฎหมาย ถ้าเสธ.แดงยิ่งเหิมเกริม ยังทำผิดกฎหมายอีกก็ต้องเจออีก เป็นธรรมดา”
ส่วน อดีต คตส.ต่างประสานเสียงยืนยันไม่กลัวคำขู่ เสธ.แดง "นายนาม ยิ้มแย้ม" อดีตประธาน คตส. ยืนยันว่าไม่ติดใจกับคำพูดดังกล่าวเพราะคนออกมาให้ข่าวเช่นนี้ส่วนใหญ่มีปากเอาไว้พูด พวกพูดมักไม่ทำ การพูดดังกล่าวเพื่อข่มขวัญให้ผู้พิพากษา และ กรรมการ ป.ป.ช.ถอดใจ แต่ตรงกันข้ามกลับทำให้ผู้ที่ถูกข่มขู่มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ตนสงสัยว่าการออกมาพูดแบบนี้เหมือนประเทศเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่มีความเป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกัน
ด้าน อดีตโฆษก คตส. "สัก กอแสงเรือง" กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องมาถามตนเพราะถ้าตนพูดว่าไม่กลัว ก็จะเป็นการท้าทายหาว่าลองของ แต่ต้องถาม รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ถามผู้รักษากฎหมาย ว่ามีข่าวอย่างนี้จะทำอย่างไร น่าจะเรียก พล.ต.ขัตติยะ มาให้ถ้อยคำว่าพูดเพราะอะไร มีเจตนาอย่างไร หากหวังดีก็ต้องบอกตำรวจแต่ถ้าถามแล้วพบว่าไม่มีข้อเท็จจริง ก็น่าจะมีการดำเนินการ เพราะเป็นการข่มขู่ให้สังคมปั่นป่วน
ส่วน "แก้วสรร อติโพธิ" อดีต กรรมการ คตส. กล่าวว่า ส่วนตัวสงสัยว่า เสธ.แดง รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาเห็นว่า เสธ.แดงรู้นั้นรู้นี้ไปเรื่อย จริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่รู้ไปฟังมาจากไหน หรือว่าทำเองหรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลเพราะกังวลไปก็ไม่ได้อะไร และคงไม่ประสานขอความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะไม่อยากทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
ฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ออกมายืนยันไม่กลัวตาย และไม่ใส่ใจกับคำพูด เสธ.แดง นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. และอดีต คตส. กล่าวว่า ที่ผ่านมาทำงานอุทิศตัวให้แผ่นดินประเทศชาติหากจะตายก็ต้องตาย เพราะคงไม่มีกำลังไปป้องกันอะไรได้ และไม่จำเป็นต้องประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คุ้มกันเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวขอบคุณ เสธ.แดง ที่ออกมาเตือน แต่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองจะต้องคุ้มครองคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ ส่วนคนที่คิดร้ายก็ต้องได้รับกรรม
ทางฟากฝั่งของตุลาการ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยืนยันว่าได้ตรวจสอบกระแสข่าวดังกล่าวจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้วพบว่า เป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อหวังผลทางคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นจึงก็ได้เรียนองค์คณะทั้ง 9 ท่านทราบพร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยดูแลความปลอดภัย แต่ย้ำว่าไม่ใช่ประกบติดแบบประชิดตัว เพราะผู้พิพากษาไม่มีศัตรู ผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่ไปตามกฎหมาย ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนไม่อิงเข้าข้างฝ่ายใด และเมื่อเช็คสภาพจิตใจขององค์คณะผู้พิพากษาถือว่ายังดีอยู่ ทั้ง 9 คน ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไม่มีใครแสดงความหวั่นวิตกกับการปล่อยลือดังกล่าว
การออกมาเล่นเกมปล่อยข่าวของ เสธ.แดง ในครั้งนี้ถือว่าประสบผลระดับหนึ่ง แต่จะให้ถึงเป้าหมายที่นายใหญ่ต้องการ คือ มุ่งข่มขวัญศาลผู้ชี้ขาดทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านคงเป็นไปได้ยาก หากฟังจากคำยืนยันของเลขาธิการศาลยุติธรรมที่ระบุว่าไม่มีอะไรที่จะบังคับหรือกดดันองค์คณะทั้ง 9 ท่านได้ เพราะผู้พิพากษาจะใช้ดุลพินิจตัดสินคดีอย่างอิสระ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นกับศาลยุติธรรม
ดังนั้น คงต้องรอฟังผลคำพิพากษา 26 ก.พ.นี้ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้อนาคตการเมืองไทย หากสุดท้ายศาลสั่งยึดทรัพย์จากการทุจริตของนายใหญ่ พวกลิ่วล้อทั้งหลายคงหมดฤทธิ์ตามไปด้วย ส่วนนักปล่อยข่าวข่มขู่ชาวบ้านก็อาจติดคุกฐานหมิ่นศาล อย่างที่ รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทำนายไว้ก็เป็นได้
“อยากให้ศาล ป.ป.ช. และ คตส. รู้ไว้ว่า การที่พวกคุณได้เงินสินบนนำจับจากการตัดสินคดียึดทรัพย์ 25 % คนที่มีอุดมการณ์เขาไม่พอใจและทนเห็นประเทศไทยอยู่ภายใต้ความอยุติธรรมไม่ได้ เขาอาจจะยิงคุณทิ้งเสียวันนี้วันพรุ่งนี้ อย่าลืมว่าข้าราชการ และตำรวจที่ทำงานอยู่หน่วยงานต่างๆมีเลือดเป็นคนเสื้อแดงก็เยอะ คลิกคอมพิวเตอร์เข้าไปดูในทะเบียนราษฎร์ ก็รู้แล้วว่าบ้านของคุณอยู่แห่งหนไหน สืบได้ไม่ยากหรอก พอเจอข้อมูลรุ่งขึ้นเขาอาจจะไปรื้อบ้านคุณก็ได้ ที่ผ่านมามีคนมาถามผมเรื่องนี้มาก ผมก็ทำได้แค่เตือน หากเตือนแล้วไม่ฟัง ก็คิดกันเอาเองว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
การออกมาปูดข่าวลอบสังหารบุคคลสำคัญในองค์กรอิสระ ทั้ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. คตส. รวมถึงองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดียึดทรัพย์ทุจริต จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หมากตัวใหม่ของนายใหญ่หน้าเหลี่ยม แม้จะย้ำว่าเป็นการเตือนภัย แต่คนฟังก็รับรู้ได้ถึงความหมายที่แฝงนัยของการข่มขู่คุกคาม
แม้ชาวบ้านร้านตลาดจะไม่เชื่อน้ำยาเพราะมองว่า “เสธ.แดง” เป็นแค่ “ทหารเพี้ยน”แต่เมื่อดูจากประวัติความห้าวบวกกับรสนิยมชื่นชมความรุนแรงของ เสธ.แดง ตั้งแต่สมัยชกข้ามรุ่นกับ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก่อนจะมาเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง กรณี ยิง M 79 ใส่เวทีพันธมิตรฯ จนมีทั้งคนบาดเจ็บและเสียชีวิตไปหลายราย ล่าสุดแม้แต่ ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่มีปัญหากับ เสธ.แดง ยังโดนยิงถล่มห้องทำงานจนป่านนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ คำขู่ของ เสธ.แดง จึงทำเอาหลายฝ่ายถึงกับหนาวไปตามๆกัน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติเช่นนี้
นายกรัฐมนตรี“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ออกมาระบุว่าถึงคำพูด เสธ.แดง ว่าเป็นการข่มขู่ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และผู้เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาว่า เป็นการคุกคามหรือไม่ พร้อมให้ความมั่นใจไปยังศาลขอให้ทำหน้าที่โดยอิสระไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด รัฐบาลจะให้การดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ส่วน “ สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่าไม่มีอะไรต้องกังวลใจ เสธ.แดงไม่ใช่ผู้วิเศษ เพียงแต่พยายามแสดงไปตามบทบาทที่เขาเขียนให้แต่เราก็ติดตามจับตาดูตลอด เมื่อเห็นว่า เสธ.แดงอยู่ในข่ายของบุคคลที่อาจจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อประชาชน เราก็ติดตาม และไปตรวจค้น ซึ่งก็พบอาวุธ ก็ดำเนินคดี
“อีกหน่อย เสธ.แดงก็ติดคุก อนาคตของ เสธ.แดงชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีโอกาสติดคุกสูง เพราะทำผิดกฎหมาย ถ้าเสธ.แดงยิ่งเหิมเกริม ยังทำผิดกฎหมายอีกก็ต้องเจออีก เป็นธรรมดา”
ส่วน อดีต คตส.ต่างประสานเสียงยืนยันไม่กลัวคำขู่ เสธ.แดง "นายนาม ยิ้มแย้ม" อดีตประธาน คตส. ยืนยันว่าไม่ติดใจกับคำพูดดังกล่าวเพราะคนออกมาให้ข่าวเช่นนี้ส่วนใหญ่มีปากเอาไว้พูด พวกพูดมักไม่ทำ การพูดดังกล่าวเพื่อข่มขวัญให้ผู้พิพากษา และ กรรมการ ป.ป.ช.ถอดใจ แต่ตรงกันข้ามกลับทำให้ผู้ที่ถูกข่มขู่มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ตนสงสัยว่าการออกมาพูดแบบนี้เหมือนประเทศเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่มีความเป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกัน
ด้าน อดีตโฆษก คตส. "สัก กอแสงเรือง" กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องมาถามตนเพราะถ้าตนพูดว่าไม่กลัว ก็จะเป็นการท้าทายหาว่าลองของ แต่ต้องถาม รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ถามผู้รักษากฎหมาย ว่ามีข่าวอย่างนี้จะทำอย่างไร น่าจะเรียก พล.ต.ขัตติยะ มาให้ถ้อยคำว่าพูดเพราะอะไร มีเจตนาอย่างไร หากหวังดีก็ต้องบอกตำรวจแต่ถ้าถามแล้วพบว่าไม่มีข้อเท็จจริง ก็น่าจะมีการดำเนินการ เพราะเป็นการข่มขู่ให้สังคมปั่นป่วน
ส่วน "แก้วสรร อติโพธิ" อดีต กรรมการ คตส. กล่าวว่า ส่วนตัวสงสัยว่า เสธ.แดง รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาเห็นว่า เสธ.แดงรู้นั้นรู้นี้ไปเรื่อย จริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่รู้ไปฟังมาจากไหน หรือว่าทำเองหรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลเพราะกังวลไปก็ไม่ได้อะไร และคงไม่ประสานขอความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะไม่อยากทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
ฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ออกมายืนยันไม่กลัวตาย และไม่ใส่ใจกับคำพูด เสธ.แดง นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. และอดีต คตส. กล่าวว่า ที่ผ่านมาทำงานอุทิศตัวให้แผ่นดินประเทศชาติหากจะตายก็ต้องตาย เพราะคงไม่มีกำลังไปป้องกันอะไรได้ และไม่จำเป็นต้องประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คุ้มกันเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวขอบคุณ เสธ.แดง ที่ออกมาเตือน แต่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองจะต้องคุ้มครองคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ ส่วนคนที่คิดร้ายก็ต้องได้รับกรรม
ทางฟากฝั่งของตุลาการ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยืนยันว่าได้ตรวจสอบกระแสข่าวดังกล่าวจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้วพบว่า เป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อหวังผลทางคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นจึงก็ได้เรียนองค์คณะทั้ง 9 ท่านทราบพร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยดูแลความปลอดภัย แต่ย้ำว่าไม่ใช่ประกบติดแบบประชิดตัว เพราะผู้พิพากษาไม่มีศัตรู ผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่ไปตามกฎหมาย ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนไม่อิงเข้าข้างฝ่ายใด และเมื่อเช็คสภาพจิตใจขององค์คณะผู้พิพากษาถือว่ายังดีอยู่ ทั้ง 9 คน ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไม่มีใครแสดงความหวั่นวิตกกับการปล่อยลือดังกล่าว
การออกมาเล่นเกมปล่อยข่าวของ เสธ.แดง ในครั้งนี้ถือว่าประสบผลระดับหนึ่ง แต่จะให้ถึงเป้าหมายที่นายใหญ่ต้องการ คือ มุ่งข่มขวัญศาลผู้ชี้ขาดทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านคงเป็นไปได้ยาก หากฟังจากคำยืนยันของเลขาธิการศาลยุติธรรมที่ระบุว่าไม่มีอะไรที่จะบังคับหรือกดดันองค์คณะทั้ง 9 ท่านได้ เพราะผู้พิพากษาจะใช้ดุลพินิจตัดสินคดีอย่างอิสระ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นกับศาลยุติธรรม
ดังนั้น คงต้องรอฟังผลคำพิพากษา 26 ก.พ.นี้ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้อนาคตการเมืองไทย หากสุดท้ายศาลสั่งยึดทรัพย์จากการทุจริตของนายใหญ่ พวกลิ่วล้อทั้งหลายคงหมดฤทธิ์ตามไปด้วย ส่วนนักปล่อยข่าวข่มขู่ชาวบ้านก็อาจติดคุกฐานหมิ่นศาล อย่างที่ รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทำนายไว้ก็เป็นได้